เรื่องเด่น อยากทราบอารมณ์การดูพทธคุณพระเครื่องครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ณัฏฐชัย สีม่วง, 11 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอความเมตตาขอความรู้จากท่านผู้ที่ปฏิบัติและทำใด้มาแล้วเรื่องการดูพุทธคุณพระเครื่องว่าต้องเอาจิตไปจับใว้ที่อะไร เช่นเอาจิตจับใว้ที่องค์พระเครื่องหรือที่มือหรือหน้าผาก และใช้คาถาบทใหนครับ เพราะผมมีความเชื่อมันในอนุภาพพระเครื่อง เวลาจะ
    นำมาคลองคอจะใด้เกิดความมั่นใจครับ
    ขอความเมตตาจากท่านผู้รู้ผู้มีความสามารถอย่าใด้กักกันความรู้ใว้แต่เพียงผู้เดียวเลยครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    นึกในใจอย่างนี้นะครับ
    ๑ ขออนุญาติเชื่อมกะแสในองค์ท่าน
    ๒ ให้สังเกตุการหมุนตามจุดต่างๆในร่างกายเรา
    ตรงนี้คือการบอกลักษณะพุทธคุณที่มีในพระองค์นั้นๆ
    เช่น หมุนที่ท้อง คือมีสัมผัสภายในดี ต้องอฐิษฐานควบคู่
    หมุนต้นแขนหน่องคือป้องกันระดับดี
    หมุนลิ้นปี่เกี่ยวท้องคือต้องทำบุญทำทานส่ง
    ตรงๆที่หลังคือพลังงานหนาแน่นคือโพธิ เบาๆคือพระพุทธ
    ตรงๆด้านหน้าคือเชื่อมข้างบน
    หมุนหน้าอกคือเมตตา ถ้าออกไปภายนอกด้วยคือเมตตามากๆ
    แผ่กะจายรอบศรีษะเสริมปัญญา
    ถ้าหมุนๆในศีรษะทุกๆกรณีคือไม่ดี ยังเป็นสายดำ
    ให้แก้ไข. ยิ่งหมุนท้ายท้อยคือสายอสูรกายอย่าไปยุ่ง
    ปล.แค่นี้หละครับพอหยาบๆ ใครก็หลอกเราไม่ได้
    อยากรู้ว่าแท้ไหม ขอเชื่อมท่านเจ้าของก่อน
    แล้วมาเชื่อมกับวัตถุและสังเกตุเอา
    เพราะ ของแท้กะแสต้องเหมือนกันกับต้นฉบับครับ
    Ok เนาะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ
     
  3. ยินยอมรับชตากรรม

    ยินยอมรับชตากรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7
    โห สุดยอดครับ
     
  4. ยินยอมรับชตากรรม

    ยินยอมรับชตากรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7
    ขออนุญาติสอบถามครับ คือเราไม่ต้องใช้คำภาวนาเลยใช่ใหมครับ
    หรือว่าถ้าเราถือพระแล้วขอเชื่อมกระแสในองค์พระเสร็จแล้วเข้าสมาธิเลยใช่ใหมครับ แต่มือต้องถือพระใว้ระดับหน้าอกใช่ใหมครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    แนะนำว่าให้วางพระไว้ครับ
    เพราะถ้ากำลังสมาธิเราไม่พอ
    แล้วดันไปเจอพระเครื่องที่พระมหาฤาษีสมัยก่อนปลุกเสกมา
    อย่างพระอะไรที่ปลายเกศาโค้งๆที่เป็นเนื้อตะกั่วหรืออะไร
    ที่มีไขขาวๆ
    อาจจะทำให้แขนเราชาได้อย่างน้อยเป็นสัปดาห์ครับ

    อือ มีทริคอย่าง คือลิ้นกับปากอย่าขยับเพื่อดึง
    ให้จิตเป็นทิพย์ชั่วคราว และก็กระพริบตาขวาหนึ่งครั้ง
    ทำบ่อยๆจะชำนาญ ไม่ต้องกลัวบาปนะครับ
    พลังงานดีๆมีแต่จะรอให้เราเข้าถึงครับ
    แต่ก็ไม่ใช่จะไปทำเป็นอาชีพอย่างนี้ไม่ไหวนะครับ ๕๕๕

    ความจริงการที่เราจะรู้ว่าองค์ไหนออกด้านไหน
    ปกติถ้าเราฝึกสติเราจะรู้ได้เองอยู่แล้วครับ
    เพียงแต่มีคนถามเลยเล่าให้ฟังเฉยๆ
    ยังไงเอาไปทำได้ แต่ว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่นนะครับ
    การห้อยวัถตุสำคัญคือการปฏิบัติตามคำสอน
    ยกเว้นกรณีที่เรามีเหตุต้องพึ่งพาไม่ว่ากัน
    ถือว่าพอขำๆก็แล้วกันนะครับที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้
    และอย่าลืมหลักสำคัญทางพุทธศาสนานะครับ
     
  6. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,383
    ค่าพลัง:
    +13,256
    สนใจครับ ที่ว่าหมุนๆ นี่ อะไรหมุนครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ลักษณะของพลังงานที่แสดงออก
    ตามต่ำแหน่งของจักระต่างๆบนร่างกาย
    เราจะรู้สึกว่าเหมือนเป็นลมที่หมุนอยู่ภายในครับ
    รู้สึกได้อย่างชัดเจนได้ไม่ยาก
    เหตุที่เกิดเพราะว่าจิตเดิมในอดีต
    มันเคยผ่านตรงนี้หรือว่าเคยทำได้มาก่อน
    ยกตัวให้พอเข้าใจ ถ้าเราไปจับวัตถุแล้วเรารู้สึกหมุนที่ท้อง
    ในแนวขนานลำตัว(ไม่ถึงลิ้นปี่)
    หมายถึงลักษณะของสัมผัสภายใน
    บ้างเรียกอภิญญาจิตภายใน
    ทีนี้ใครมีมากมีน้อยก็ให้สังเกตุ
    ความหนาแน่และความเร็วในการหมุน
    แต่ถ้าท่านใดหมุนขนานที่ท้องแล้ว
    ยังมีหมุนในแนวตั้งฉากอ้อมไปกระดูกสันหลัง
    ได้อีกแสดงว่าท่านนั้นสามารถรักษาโรคได้เป็นต้น
    พอนึกภาพออกไหมครับ ว่าทำไมเราถึงพอทราบ
    ได้แบบหยาบๆว่า ครูบาร์อาจารย์ท่านนั้นทำอะไรได้

    แต่ถ้าเอาจริงๆแล้ว สำหรับบุคคลที่รับรู้พลังงานได้
    กระแสพวกนี้
    ถือว่าเป็นวิบากอย่างหนึ่งนะครับ
    วิบากคือกระแสที่จรเข้ามา
    วิธีแก้คือ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน
    อย่าไปสนใจกับมันครับ..
    ถ้าเผลอไปยึด ก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องวิเศษวิโส
    ทำให้หลงตนเองคิดว่าตนเองไม่ใช่บุคคลธรรมดาครับ
    ดังนั้นหากเราทำได้หรือไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสนใจ
    แม้ทำได้ก็ให้เฉยๆ ถือว่ามันเกิดขึ้นได้ปกติครับ
    ไอ้เรื่องอะไรก็ตาม ที่มันทำให้เราคิดว่าเราเหนือใคร
    หรือทำให้เราคิดว่าเรามีอะไรๆมากกว่าใคร
    ทำให้เราคิดว่าเราเหนือกว่าคนปกติ
    เรื่องพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวขวางการไปถึงปลายทาง
    ได้ทั้งนั้นครับ...ถ้าใหม่ๆอาจจะรู้สึกตื่นเต้นบ้าง
    แปลกบ้าง แต่อย่านาน พอรู้พอหายสงสัยแล้ว
    ให้เฉยๆไปซะ คิดเสียว่าเป็นเรื่องปกติครับ
     
  8. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอขอบพระคุณสำหลับความเมตตาและให้ความรู้แก่ผมครับ

    และมีวีธีดูพลังพุทธคุณแบบอื่นบ่างใหม่ครับ อย่างที่ใช้คำภาวนา อย่างเดียว เพื่อรออำนาจพุทธคุณออกฤทธิ์ให้เห็นเช่นกระตุกมือ หรืออย่างอื่นอย่างใด ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2017
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เรื่องนั้นไม่แนะนำให้ถูกวัตถุเลยครับ
    เพราะว่าถ้ามีกายมันจะปรุงแต่งได้
    และจะมีส่วนผลกะทบตกค้างที่กายเราได้ครับ
    ถ้ายังต้องจับวัถตุ ในทางวงการถือว่า
    ยังห่างไกลมาก อย่าไปทำนะครับ

    ส่วนอำนาจพุทธคุณเราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
    สีที่เห็นคือลักษณะที่เด่นด้านนั้นๆ
    ถ้าจะกำหนดเห็นเองต้องมองไปในอากาศ
    นะครับค่อยว่ากันทีหลัง
    ส่วนคำภาวนานั้นเราจะใช้ในกรณีที่เชื่อมกับต้นกระแสครับ
    ไม่ว่ากรณีทำใหม่หรือแก้ไขหรือทำเพิ่มครับ
    แล้วทำการเป่าตัด แต่ทั่วไปคือวางในถาดพระในห้องพระ
    แล้วขอเอาครับหรือเอาเข้าร่วมพิธี
    แล้วแต่ความสดวกและถนัดส่วนตนครับ
     
  10. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณครับ อาจารย์นพกาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2017
  11. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    เท่าที่ครูอาจารย์ ท่านบอก เพียงง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ครับ ตามภาษาของเราดังนี้ครับ
    ขอบารมีหลวงพ่อ........คุ้มครองปกปักรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด แต่ก่อนจะคล้องคอต้องบอกด้วยว่า ขอให้สิ่งที่ไม่ดีในร่างกายข้าพเจ้า จงออกไป แค่นี้ครับ
     
  12. ณนา20

    ณนา20 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +9
    เท่าที่เคยสัมผัสจากเพื่อนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้
    1จะต้องไม่ปล่อยจิตเลย ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา คือสมาธิแข็งมาก
    2ศีล5ต้องถึงพร้อม
    3หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลอยู่เสมอ
    4ถ้าบุญเราถึง ก็จะมีญาณของพระเครื่องที่เราสวมมาประจำอยู่ในพระเครื่องนั้น แล้วให้เราสวดบูชาพระเครื่องที่เราแขวนอยู่ด้วย เช่น สมมติว่าเราแขวนหลวงปู่ทวด เราก็สวดบทหลวงปู่ทวดด้วยทุกครั้ง หลังจากที่เราได้สวดสรรเสริญบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสร็จสิ้นแล้ว แล้วเราก็อุทิศถวายผลบุญแด่หลวงปู่ทวดด้วย เป็นการน้อมระลึก
    ลองทำดู...ลองทำดู...ลองทำดู
     
  13. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณครับ
     
  14. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    พุทธ แปลว่า รู้ เข้าใจ ซึ่งก็แปลว่า ปัญญา

    พุทธคุณจริง ๆ ต้องไปแกะเอาจากบทสวด อิติปิโสครับ

    แม้เหาะได้ก็ไม่วิเศษ แม้คงกระพันชาตรีก็ไม่วิเศษ แม้มีแต่คนห้อมล้อมรุมรัก ก็ไม่วิเศษ

    ความวิเศษในศาสนาพุทธมีอย่างเดียว คือวิเศษในทางทำให้เกิดปัญญาหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งหมายความรวมถึงสังสารวัฏก้วย
    ถ้า พุทธะ จะมีคุณในทาง เมตตา ก็คงจะเป็นเมตตาต่อผู้อื่นเสียมากกว่า ส่วนทางแคล้วคลาดคงกระพันแค่มีสติ สัมปชัญญะ ระรึกระวัง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมก็น่าจะทำให้แคล้าวคลาดได้แล้วครับ

    ส่วนจะถามผมว่า ความขลังในเครื่องรางมีมั้ย
    ผมคิดว่าน่าจะมี
    แต่ จะให้เรียกความขลังของพระเครื่องว่าพุทธคุณ ผมคงจะเรียกตามไม่ได้

    เพราะพระเครื่องทำให้หลง
    ส่วนพุทธทำให้รู้

    ส่วนวิธีดูพุทธคุณของพระเครื่องนั้น ไม่ต้องดูผมก็รู้ว่าไม่มี ถึงจะรู้ว่าพระเครื่องจะมีความขลังอยู่บ้างก็ตาม แต่ความขลังนั้นไม่ใช่คุณวิเศษในศาสนาพุทธแน่นอน


    ดังนั้น ถ้ารักพระพุทธเจ้า อย่าไปเอาเครื่องรางเป็นที่พึ่ง และอย่าคิดพึ่งเครื่องรางของขลัง
    ถ้าจะห้อยพระ ห้อยในลักษณะที่ว่า เอารูปจำลองของท่านมาเป็นที่ระลึกถึงคุณท่านดีกว่า ปลอดภัยกว่า


    พระพุทธคุณ (อิติปิ โส)

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
    วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
    อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

    คำแปลพระพุทธคุณ

    พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
    เป็นผู้ไกลจากกิเลส
    เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
    เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ (ความรู้และความประพฤติ)
    เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว
    เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
    เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งไปกว่า
    เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
    เป็นผู้มีความเจริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ฯ

    ที่มา: หนังสือ "สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2017
  15. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    เคยแต่ใช้บทนี้
    กาเยนะ วาจายะสะ เตชะสาวา
    เทวานะคะเร จักกิปัญญะสะ
    หลวงพ่อ.....ราชะ พุทธะนิพพานนัง
    กะตัง นะมามิหัง
    ยกตัวอย่าง หลวงพ่อเงินในรูป
    เมื่อนำมาวางไว้ตรงกลางฝ่ามือ
    จะรู้ว่า ออกร้อน คือถูกปลุกเสก
    ด้วยวิชา คงกระพัน วิชามหาอุด
    และวิชาแคล้วคลาด ครับ
     
  16. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบพระคุณในวิชาความรู้ของท่านมากๆเลยครับ ผมจะรองไปปฏิบัตดูครับ
     
  17. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53

    สงใสพลังไม่พอแน่ๆเลยครับอาจารย์ จะอวกออกมาอย่างเดียวครับ
     
  18. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    พระเครื่องหรือวัตถุที่มีจุดเรืองแสงขนาดหัวไม้ขีดอยู่ในองค์พระ(เห็นในขณะหลับตา)

    สีแดง สีเขียว สีฟ้า สีทอง ไม่ทราบว่า จุดเรืองแสงเหล่านี้ มีความหมายยังไงครับ
     
  19. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    สีแดงคือ วิชา มหาอุด
    สีเขียว คือ วิชาครอบจักรวาล(ระดับเกจิอาจารย์
    เท่านั้นถึงจะปลุกเสกแบบนี้ได้) ในรูปคือ หลวงปู่ศุข
    สีฟ้า คือ วิชาเมตตา
    สีทอง คือ วิชาเสาร์ห้าครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เคร ด้วยขออนุญาตช่วยเพิ่มเติมให้นะครับ..
    การที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเราแสดงว่า
    ภูมิต้านทานเรายังไม่พอ ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะครับ
    ทำบ่อยๆ ฝึกสมาธิสะสมก็จะดีขึ้นเอง
    ส่วนความเข้าใจในส่วนนามธรรมต่างๆ
    อยู่ที่กำลังสติทางธรรมของเราครับ
    ซึ่งสามารถฝึกและพัฒนากันได้ทุกคนเป็นเรื่องปกติครับ...

    ส่วนเรื่องการเห็นสี ขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟที่มีความสว่างในตัวเอง
    เป็นวงกลมชัดเจนนั้นสังเกตุเวลาเราหันไปมอง
    มันจะหายไป พวกนี้สามารถบอกอะไรได้หลายอย่างครับ..
    แต่ให้เข้าใจไว้ก่อนว่า พวกนี้สามารถเห็นได้ทั้งหลับตา
    และลืมตาครับ จะมีอีกขนาดคือขนาดเท่าหัวเข็มหมุด
    ยกเว้นว่า แบบเฉพาะกรณีจะมีขนาดใหญ่หน่อย
    ย้ำว่า เห็นได้ทั้งแบบหลับตาและลืมตา...
    และการเห็นได้ เป็นผลของสมาธิในลักษณะที่จิตเรา
    ขณะนั้นทำงานได้ชั่วคราวของมันเอง..
    ไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรมา ก็เกิดกันได้ทุกคน...
    เราสามารถใช้ตรวจสอบ ระดับสมาธิเราได้
    ถ้าเรามองแป๊บแล้วหายปั๊บ นี่คือ สมาธิระดับขนิกะฯ
    ถ้าเห็นได้ซักสองสามวิฯ นี่เป็นอุปจาระ
    ถ้าเห็นได้นานกว่าวิสองวิ เริ่มจะเกือบปฐมฌาน
    อยู่ในสภาะปฐมฌานแบบช่วงๆแรกๆ
    ซึ่งสภาวะระดับนี้ จะสามารถเห็นแสงสว่างมากๆก็ได้
    แต่ที่เล่าให้ฟัง ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ
    ไม่ต้องฝึกอะไรมาก็เกิดได้ทุกคน
    และขณะฝึกก็เกิดได้
    เพียงแต่คนที่ฝึกมาแล้วใช้งานได้
    จะสามารถทำให้เห็นให้เกิดตอนไหนก็ได้เท่านั้นเอง
    ซึ่งในระดับนี้ ยังไม่ใช่เรื่องวิเศษอะไร ถือว่าเป็นเรื่องปกติ...

    และสีนี้จะบอกสภาวะจิตของเราในขณะนั้นก็ได้
    ในกรณีที่เราไม่ได้มองที่วัตถุนะครับ
    ซึ่งมันมีละเอียดได้ถึง ๒๒ สี แต่ทั่วไปจะเห็นประมาณ
    ๙ สี ซึ่งตรงนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ
    ยกเว้นว่า จิตเราดีจริงๆ จะไม่มีสีครับ..


    ส่วนถ้าสีที่อยู่ในวัตถุบอกอะไรได้เอาเป็นสีๆนะครับ
    สีแดง นอกจากเด่นทางฤิทธิ์ ซึ่งมักจะออกไปทาง
    ป้องกันตัวเอง ไม่ว่าจะหนังเหนียว ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า
    ยังจะป้องกันภูมิในระดับนิสัยไม่ดี ไม่ว่าจะอสุรกาย
    หรือวิญญานต่างๆที่ถูกส่งมาจากบุคคลประสงค์ไม่ดี...
    แต่แดงแต่ว่าดูบางจนออก ชมพูแล้ว นั่นคือมีเมตตา
    เข้ามาปนแล้ว...

    ส่วนสีเขียว ที่อาจมองว่าครอบจักรวาล นั่นเพราะสามารถ
    ส่งเสริมเรื่องการปรับธาตุร่างกายตัวเราได้ พูดง่ายๆปรับสมดุล
    ธาตุต่างๆที่รวมเป็นกาย ทำให้สุขภาพเราดีขึ้นได้
    ที่เคยป่วยอาการก็จะดีขึ้น บรรเทาได้ ตามสภาพอวัยวะ
    ณ เวลานั้นๆ..ถ้าเป็นดวงจิตก็คือ
    กลุ่มที่มีความสามารถรักษาโรคได้นั้นหละครับ

    ส่วนสีน้ำเงิน คือสีที่เด่นไปในทางสมาธิ
    แบบสัมผัสภายใน...
    สีม่วงๆ ออกแนวมีกำลังจิตร่วมด้วย..
    สีขาวๆออกไปในทางธรรม..
    สีเงินไม่วาว จะเป็นทางที่เล่นแร่แปรธาตุได้
    สีฟ้าเลย จะว่าเมตตาก็ได้ แต่เป็นลักษณะแบบ
    อารมย์ดี ใจดี และเป็นสีที่จะดึงสมบัติเก่าให้นำ
    ออกมาใช้ในรูปแบบต่างๆในปัจจุบัน
    ถ้าสนเรื่องทำมาหากิน ควรหาที่มีสีแบบนี้ไว้จะดี...
    ส่วนสีทองนะครับ ไม่ว่าจะวิชาอะไรก็ตาม
    ที่ต้องออกไปร่วมกับพลังงานภายนอก
    ไม่ว่าพลังงานภายนอกที่ดีแบบไหน
    เช่น พลังงานร้อน พลังงานเย็น พลังงานเฉพาะ
    พลังงานจากข้างบน จากครูบาร์อาจารย์ต่างๆ
    พลังงานรักษาโรค ป้องกันโรค พวกธาตุทอง
    สามารถออกเป็นสีทองๆ เหลืองๆได้หมดครับ..
    เช่น ท่านนี้ใช้เสาร์ห้า ก็ออกเหลืองได้
    เช่นนี้ใช้วิชาโน้นนี่นั้น ก็ออกเหลืองได้
    แต่จะออกทองๆได้เลย จะมีความสามารถ
    นอกจากป้องกันแล้ว จะปรับธาตุตัวเองได้
    และสามารถอฐิษฐานขอได้ด้วยครับ
    ที่เล่าแบบภาพรวมๆครับ...

    โดยความรวมไม่ว่าวัตถุอะไร
    จะใช้หลักการเพิ่มพลังงานให้วัตถุ
    ด้วยการเชื่อมต้นกะแส
    ส่วนจะมีสีอะไรแทรกเข้าไป
    ก็แล้วแต่ว่า ผู้ที่เป็นคนกลางในการเชื่อม
    จิตผู้นั้น ได้ฝึกอะไรมา..

    แต่ทุกๆกระแสที่หมุนวนในศรีษะ
    หมุนหน่วงท้ายทอย ไม่ขึ้นบน
    หมุนหน่วงท้ายทอยและดึงลงต่ำกว่าท้ายทอย
    พวกนี้ไม่ใช่พุทธคุณฯ เป็นไสย์ศาสตร์
    เป็นไปได้ให้เลิกคบครับ..
    อย่าไปยุ่ง เพราะมันจะดึงให้จิตเรา
    ติดอยู่กับเรื่อง การไปดึงเอาสิ่งต่างๆ
    เข้ามายึดจนกลายเป็นกิเลสครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...