เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

จิตยิ้มมีอะไรให้ท่านฟังค่ะ ก่อนที่จิตยิ้มจะนำคำของสิ่งศักดิ์มาลงให้พิจารณาค่ะ

นี่คือ "สุดยอดแห่งที่สุดแห่งธรรม" ที่จิตยิ้มคิดว่าน่าจะเป็นพระอรหันต์ในยุคปัจจุบัน ลองฟังก่อนก็ได้ค่ะ

 

เล่าสู่กันฟังนะครับ
วิธีที่ตรวจสอบว่าท่านใดเป็นอรหันต์

ง่ายมาก
แค่ถามว่าท่านทำลายเชื้อเกิดด้วยอุบายอันใด?

แค่นี้ก็รู้แล้วครับ
ว่าเป็นอรหันต์จริงหรือไม่
หรือโดนมันหลอกเอา

 

ไม่มีพระอรหันต์ที่ไหนแสดงตนว่าเป็นพระอรหันต์หรอกค่ะ
จิตยิ้มฟังธรรมแล้วพิจารณาแล้วเห็นชอบตามนั้นเองค่ะ
และเป็นธรรมที่เข้าได้กับสัจธรรมที่รับรู้มาจากสิ่งศักดิ์นะค่ะ
ผู้ฟังน่าจะรู้ได้เฉพาะตน และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับใครหลาย ๆ คนอยากให้เขารับฟัง จึงใช้ภาษาที่น่าสนใจเพื่อน้อมตนของตนลองเข้าไปฟังดูค่ะ

 

ก็เขียนบอกไว้
เผื่อว่า เจ้าของ เข้าใจว่า พบโลกุตระธรรมแล้ว..

 

https://palungjit.org/threads/เห็นภ...ย-พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น.658305/page-225

กระทู้นี้ปิดเสียแล้ว..สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พูดแค่นั้น

ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ ตั้งนานกระทู้ดำเนินการมาได้ พอจิตยิ้มจะลงไคลแม๊กซ์เกี่ยวกับเหตุการณ์โลกพลิกกลับขั้ว ก็โดนปิดมากระทัน เอาเป็นว่าแจ้งให้รู้แค่นี้ค่ะ เดี๋ยวจะก๊อปปี้ข้อมูลมาให้ว่ากล่าวเกี่ยวกับเรื่องนั้นไว้ว่าอย่างไรบ้าง

เพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้แจ้งข่าวสารการชำระโลกด้วย เดี๋ยวจะนำลงมาแจ้งให้ผู้ที่สนใจและติดตามรับทราบค่ะ ว่าจิตยิ้มลงไปแค่ไหน เรื่องเป็นอย่างไร

 

ตามที่บอกไว้ค่ะ ..เป็นการนำหลายโพสจากกระทู้อื่นมาเป็นโพสเดียว

ท่านไฮเปอร์ทราบไหมคะว่า ทำไมผู้ที่ฝึกสมาธิหรือผู้ที่มีพลังจิตส่วนใหญ่จึงรับรู้การแกว่งไหวของโลกได้มาก และชัดเจนขึ้น บ่งบอกถึงความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นกับโลกหรือเปล่าคะ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้จะมีคำทำนายภัยพิบัติกันอย่างไร เราจะไม่สามารถรับรู้ถึงการไหวไปไหวมา ซึ่งเป็นพลังงานของโลกได้ชัดเจนอย่างขณะนี้นะค่ะ

.................

หากสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันของความเป็นไปของโลกว่ากำลังเสียสมดุลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ คือ

1.โลกเสียสมดุลในทางมิติพลังงาน เพราะโลกได้รับพลังงานใหม่ด้านบวกจากจิตมนุษย์ไม่เพียงพอ เนื่องจากมนุษย์ขาดสติและไร้จิตสำนึกทางจิตวิญญาณ คือ มีคนชั่วมากกว่าคนดี

2.บนดาวเคราะห์โลกเต็มไปด้วยขยะที่รกโลก น้ำหนักมวลของสรรพสิ่งที่มีอยู่บนพื้นผิวโลกมีมากกว่าน้ำหนักมวลในเนื้อโลก

3.มนุษย์ล้มเหลวในหน้าที่ของความเป็นมนุษย์

4.มนุษย์ส่วนใหญ่ลืมนิพพาน ลุ่มหลงมัวเมาวัตถุกิเลสตัณหา

5.สอบตกในบทเรียนของการเป็นหนึ่งเดียวกัน

6.มนุษย์ป่วยทางวิญญาณที่ธรรมะไม่อาจเยียวยาได้อีกต่อไปแล้ว

นี้คือเหตุผลของการเก็บกวาดและชำระล้างโลกในครั้งที่ 4 ค่ะ

......................

และที่ผ่านมาให้มีการชำระความ ก่อนวันชำระใหญ่ได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา ชำระภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่เป็นธรรมชาติ โดยมีเจ้ากรรมนายเวรเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภัยธรรมชาติที่รุนแรงเพื่อจัดการกับมนุษย์บุคคลผู้เป็นเป้าหมาย

...................

และช่วงระยะเวลาสุดท้าย เป็นช่วงเวลาแห่งการชำระความครั้งใหญ่ โดยกำหนดชำระโลกด้วยการกำหนดให้โลกพลิกคว่ำตีลังกา ระยะเวลาที่โลกม้วนตีลังกา 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน


ก่อนที่วันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน

แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ปัจจุบันที่ทำมุมกับแนวดิ่ง 23.5 องศานั้น

จะถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ

จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันหาเข้าดวงอาทิตย์มากขึ้น

ตรงนี้พิสูจน์กันด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ก่อนก็ได้ค่ะ หากยังไม่เป็นเช่นนี้ การชำระครั้งใหญ่ก็ยังไม่มา

........................

และเมื่อครบ 15 วัน ตามที่จะกำหนดชำระครั้งใหญ่แล้ว

แกนหมุนรอบตัวเองของโลกเริ่มเบี่ยงเบนจากเดิมไป 8.5 องศา หรืออยู่ที่ องศา 32 แนวดิ่ง

ตรงพิกัดนี้แหละค่ะ ที่โลกยุคพลังงานใหม่จะเปลี่ยนจากแนว 23.5 ไปเป็น 32 ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่โลกจะเปลี่ยนแปลงทำมุมแนวดิ่งที่พิกัดใหม่แทนที่เดิม ค่ะ

......................

และเมื่อครบ 15 วัน ตามที่จะกำหนดชำระครั้งใหญ่แล้ว

แกนหมุนรอบตัวเองของโลกเริ่มเบี่ยงเบนจากเดิมไป 8.5 องศา หรืออยู่ที่ องศา 32 แนวดิ่ง

ตรงพิกัดนี้แหละค่ะ ที่โลกยุคพลังงานใหม่จะเปลี่ยนจากแนว 23.5 ไปเป็น 32 ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่โลกจะเปลี่ยนแปลงทำมุมแนวดิ่งที่พิกัดใหม่แทนที่เดิม ค่ะ


เมื่อโลกเริ่มขยับแกนไปที่ 32 องศาแนวดิ่งแล้ว หลังจากนั้นจะใช้เวลา 30 วัน ในการพลิกคว่ำตีลังกาค่ะ ระยะเวลาที่โลกตีลังกาพลิกคว่ำ 1 รอบ คือ 30 วันค่ะ ก็คือหลังจากที่โลกไปอยู่ที่จุด 32 องศา แนวดิ่งแล้วนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของโลกที่จะพลิกตีลังกาคว่ำค่ะ

 

ข้อความเหล่านี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อไว้ให้ทราบตั้งแต่ปี 2554 ค่ะ

หากสามารถนำไปพิสูจน์กับทางวิทยาศาตร์ที่แกนแม่เหล็กโลกเอียงไปหาองศาที่บอกไว้หรือไม่ และขณะนี้อยู่องศาที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้ทราบข้อมูลว่าจะจริงหรือไม่จริงค่ะ

 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า แกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ ก็คือ 32 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี นั่นเอง

เพื่อเป็นข้อมูลค่ะว่า โลกจะพลิกกลับขั้ว หรือ ไม่พลิกกลับนะค่ะ

 

สงสัยเจ้าดาวนิบิรุอย่างเดียวตอนนี้ มาเฉี่ยวโลกนี่หล่ะตัวการสำคัญในการพลิกกลับขั้วแม่เหล็กโลก สาเหตุใหญ่ทำคนตายเป็นเบือแน่

 

ปรากฎการณ์บนท้องฟ้า....



ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า

12 ม.ค. 2562 05:01 น.ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า สุริยุปราคา, สุริยคราส (Eclipse) ทั้งบังแบบ เต็มดวงหรือบังเพียงบางส่วน และ จันทรุปราคา, จันทรคราส (Lunar Eclipse) ที่เกิดจากโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน หรือดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเข้ามาในเงาของโลก แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทว่าเกิดขึ้นครั้งใดก็ชวนตื่นเต้นให้เฝ้ารอชมเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวพันกับความเชื่อทางโหราศาสตร์ที่ใครๆก็มักอยากรู้

6 ม.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดสุริยุปราคาบางส่วนและเป็นครั้งแรกของปี 2562 ซึ่งอดีตนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุริยุปราคาจากองค์การนาซา เผยว่า ใครนิยมเกาะติดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ปีนี้จะได้พบกับสุริยุปราคาและจันทรุปราคาหลายครั้ง ที่จ่ออยู่ล่าสุดคือ วันที่ 21 ม.ค. จะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) เงาของโลกจะบดบังดวงจันทร์ อย่างสมบูรณ์เป็นเวลา 1.02 ชั่วโมง โดยจะเห็น จากทางตะวันตกของยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ซึ่งนอกจากจะเป็น “พระจันทร์สีเลือด” แล้วยังเป็น “ซุปเปอร์มูน” ที่ดวงจันทร์มา อยู่ใกล้โลกจนดูว่าใหญ่กว่าปกติ ซึ่งซุปเปอร์มูนแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งใน วันที่ 19 ก.พ.และ 21 มี.ค.

ใครอยากเห็น สุริยคราสแบบเต็มดวง (Total Solar Eclipse) ให้กาปฏิทินรอไว้เลย โดยจะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ก.ค. แต่จะมองเห็นจากทางแปซิฟิกใต้ ประเทศชิลี และอาร์เจนตินา ส่วนปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอื่นๆก็มี การโคจรมาอยู่ในตำแหน่งมุมร่วมของดาวอังคารและดาวยูเรนัสในวันที่ 13 ก.พ. และ การเคลื่อนที่ของดาวพุธผ่านหน้าดวงอาทิตย์เป็นเวลา 5 ชั่วโมง 29 นาที ในวันที่ 11 พ.ย. ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าแต่ต้องดูผ่านกล้องโทรทรรศน์และแผ่นกรองแสงอาทิตย์ ซึ่งไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะในรอบศตวรรษที่ 21 ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียง 14 ครั้งเท่านั้น

สำหรับ ฝนดาวตกเจมินิด (Geminid meteor shower) ที่มาจากดาวเคราะห์น้อยชื่อ 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุก 3 ปี 3 เดือน ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ถูกค้นพบในปี พ.ศ.2526 มีการทำนายว่าฝนดาวตกเจมินิดจะเกิดขึ้นใกล้กับวันพระจันทร์ เต็มดวง อาจทำให้ฝนดาวตกถูกลดความสว่างลงไป แต่หากอยากเห็นฝนดาวตกกลุ่มนี้อย่างพร่างพรายชัดเจนที่สุด ก็ต้องอดทนรอดูช่วงรุ่งสางในวันที่ 12-16 ธ.ค.ของปีนี้.

โดย ภัค เศารยะ
https://www.thairath.co.th/content/1467101

 

เพื่อร่วมกันพิสูจน์ค่ะ....

วันวิกฤติก่อนเวลาที่ 11-11

จากที่เคยได้กล่าวไว้ที่ผ่านมา ที่จักรวาลได้เผยให้มนุษย์ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันแห่งหายนะซึ่งจะชำระโลกสถานหนักคือเวลาที่ 11-11 แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น และเวลาที่โลกมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เล็งทำมุมเป็นเส้นตรง และเวลาที่โลกมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จะถูกส่งเข้ามายังระบบโลกตรงพื้นที่ซึ่งได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ในปริมาณที่เข้มข้นกว่าช่วงต้นกว่าของการกระทำทางเทคนิคต่อระบบโลกในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นอกระบบเอกภพ พร้อมด้วยจิตจักรวาลจำนวนมาก จะร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานความรักความถี่สูงพร้อมไอเย็นมายังดวงอาทิตย์ระบบสุริยะ เพื่อสร้างปฏิกริยาให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุดในรอบ หนึ่งหมื่นสองพันปี เพื่อแผ่กระจายออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นพายุสริยะมุ่งสู่โลกและดวงจันทร์ด้วยอัตราความเร็วสูง 1 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคลื่นความถี่สูง ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นกัน จะเป็นผู้นำทางให้พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

 

มันเป็นเช่นนั้นเอง....ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมหมุนไปสู่ความเสื่อม...ไม่มีอะไรคงทนอยู่ได้...เกิดขึ้นดับไปเป็นธรรมดา

 

เห็นภาพข่าวจากห้องติดตามสถานการณ์..ภาพเด็กน้อยและครอบครัวนอนตายเพราะอากาศหนาว..มันน่าสงสารจับจิตจับใจ..แต่ทำอะไรมากไม่ได้..เพราะมันเป็นวัฏฏะจักร...ทำได้เพียงอธิษฐานจิตแผ่เมตตา

 

11

ไข่เอเลี่ยน

ยังฮาไม่หายเลยฮัป ท่าน ป.

 

มีเริ่มต้นก็ย่อมมีจุดจบเป็นธรรม อยู่ที่จะตายก่อนตายหลัง ดังนั้นจึงห้ามประมาทในความตาย

 

โหว.... เทศน์ให้เมียหลวงเคลิ้มกดเลิฟแทบ
ไม่ทัน

 

รู้สึกเรื่องนี้จิตยิ้มเคยนำรายละเอียดมาลงครั้งหนึ่งแล้วในกระทู้นี้ค่ะ มีคนเข้าถามเรื่องนี้เหมือนกัน และได้ไปหาคำตอบมาให้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ไปพบข่าวย้อนหลังซึ่งชาวบ้านที่เขาเป็นผู้พบเองได้ยืนยันว่า เขาได้ไปซื้อเจลลดไข้มาเปรียบเทียบดูว่าเหมือนกันไหม?

http://tnews.teenee.com/etc/2074.html

ไม่เหมือนค่ะ ชาวบ้านที่พบกล่าวว่า ได้นำสิ่งที่พบมาแช่น้ำพิสูจน์ พบว่ามีความแตกต่างกันตรงที่เจลลดไข้สามารถคลี่ออกมาได้ แต่เจลที่พบที่ตกมาจากฟากฟ้าไม่สามารถคลี่ออกมาได้เพราะ มีลักษณะวุ้นใสและมีเนื้อเยื่อที่ติดต่อกันค่ะ และตรงกับบริษัทผู้ผลิตกล่าวว่าไม่ได้ทำการตลาดเพราะมียอดขายที่ที่ได้รับการนิยมเป็นอันดับหนึ่งแล้ว และสัตว์ประหลาดที่ตกมาจากฟากฟ้าที่มากับฝนนี้ มิได้มีแค่ที่เดียวพบในหลายจังหวัดด้วยกันค่ะ

และตอนนั้นยังได้พบกับปรากฎการณ์การพิสูจน์เพื่อเป็นคำตอบให้ได้รู้จักปรากฎการณ์นั้นได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเชื่อใครหรือถามใคร เพียงแค่มีความรู้สึกตัวด้วยสัมปชัญญะและกำหนดให้จิตนิ่งว่าง หากต้องการรับรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก็สามารถรับรู้ได้โดยไปกำหนดให้ไปเป็นความรู้สึกหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งนั้น แล้วเราจะทราบความจริงว่าสิ่งนั้นคืออะไร และมีคุณลักษณะ หรือมีคุณสมบัติของสิ่งนั้นได้ทันทีว่าคืออะไรค่ะ

เหมือนกับว่าทุกสรรพสิ่งมีคุณสมบัติเฉพาะตน ที่เรารับรู้ไม่ได้เพราะถูกมิติปิดกั้นไว้ แม้กระทั่งมิติของธรรมชาติแท้จริงแล้วหากเราทำใจสัมผัสได้ เราจะเห็นความจริงของธรรมชาติได้ว่ามีลักษณะเช่นไร ก็คือการเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ ก็คือ การเข้าถึงสัจธรรม นั่นเองค่ะ

 

กระทู้นั้นปิดอีกแบ้ว
สัตว์โลกไปตามกรรม

มากระทู้นี้ก็ดีครับ
เพราะคุยกันเรื่องภัยพิบัติ
เรื่องธรรมิกราช

เรื่องคำทำนายฯลฯ

 

ตอนที่พบกับสภาวะโลกุตระธรรม ทุกสภาวะที่พบไม่ใช่นั่งหลับตาในสมาธิแล้วพบนะคะ ทุกสภาวะได้มาจากการลืมตาและการเห็นสัจธรรมความจริงในธรรมชาติ นั่นแหละค่ะ จะมีเพียงสภาวะเดียวบางสภาวะเท่านั้นที่พบในขณะที่นั่งในสมาธิ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สุญญตาภายในและสุญญตาภายนอก น่าจะเป็นไปในลักษณะนี้เองนะค่ะ

 

พระอาจารย์ยันตระ
ก็ค้นพบสภาวะสูญญตาเหมือนกันนะ

แต่ไม่รู้สูญญตาแบบไหน
มันมีหลายแบบ

คำเหมือนกันแต่สภาวะต่างกัน