เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็กลับมาเป็นอย่างเดิมแล้วล่ะ...ขอเวลาพักแปบนึง...ยังไงก็ต้องรอพี่เรากลับมาอยู่ดี...ไม่เข้ามานี่จะให้ไปไหน...แค่ลดการเข้ามาแค่นั้นเอง

 

ความจิงของ จจว หรอ เถียงกะแกไปปีที่แล้ว จน กท ปิด แกเองยังตัดแปะข้อความ.. บิดา จจว เปนไง แกรยังอธิบาย พามาดูไม่ได้เลย ได้แต่เอาข้อมูลลัทธิมาลง ช่วยกันทำมาหากิน โปรโมทตัวเองไม่พัก ผ่านไปปี เข้ามาดูใหม่ แกยังไม่เปลี่บนแปลง ที่พอจะทำให้แกไปรอดได้คือเอาตำราพุทธมามิกซ์เข้ากะ จจว แล้วเถียงกะคนอื่นนั่นแหล่ะ แกมันก้อตัวทำลายศาสนาดีๆ นี่เอง

 

มันเป็นสภาวะจิตปรุงแต่งคิดไปเองไงล่ะ คิดว่าตัวเองบรรลุธรรมสำเร็จธรรมแล้ว ถ้ายิ้มบรรลุอรหันต์แล้วจริง ไม่มานั่งโพสหน้าเวปแบบนี้หรอก นี่เป็นข้อที่นักปฏิบัติทั้งหลายสอบตกกัน ผ่านอุปปกิเลส 16 มาได้ แต่มาตายกับวิปัสนูกิเลส 10 กัน แล้วสภาวะจิตที่ถึงพระนิพพานจริง เข้าแล้วเข้าเลย มีอย่างไหนเข้าไปแล้วถอยออกมาอีก

 

สภาวะนิพพาน..ไม่มีคำใดภาษาใดสามารถบัญญัติเป็นคำพูดได้...ผู้เข้าถึงแล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง...

 

เดวไปเลี้ยงข้าวแมวจร 5 นาที เดวมาอ่านโลกุตระขั้นเทพจิตยิ้มจ่ะ ดูสิจะจิงอย่างคุยม้ายยยย

 

ตั้งแต่หงบโพสมา ข้อความนี้เข้าท่ามากที่สุด มันเป็นปัจจัตตัง ทำเองรู้เอง อธิบายให้ฟังได้ที่ไหนกัน ใครอธิบายได้โดนจิตมันหลอกเข้าให้แล้ว

 

สภาวะนี้มิได้มาจากมนุษย์คนไหนเลย แต่เป็นคำกล่าวขององค์ธรรมโลกุตระ คือ องค์ธรรมิกราชา ที่สื่อมาให้มนุษย์รับทราบล่ะค่ะ

ส่วนเรา ๆ ที่รู้ว่าก็แจ้งประจักษ์ใจจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และตามคำกล่าวองค์ธรรมมิกราชา ว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ คือ เราได้รู้และเข้าใจความจริงมากขึ้น นั้นเป็นปัญญาบารมีของเรา ที่เราได้พบและเข้าใจแล้ว เป็นอริยทรัพย์ภายในติดตามไปทุกภพชาติจนกว่าจะถึงนิพพาน

จิตยิ้มจึงกล่าวว่า ยุคกึ่งพุทธกาลนี้ เป็นโอกาสอันดีมากที่เราจะได้พบประสบเห็นกันถ้าสร้างเหตุไว้ถูกต้อง ไม่อยากให้พลาด อีกไม่นานทุกคนที่มีบุญบารมีทุกคนอาจจะได้พบเจอกันทุกคนค่ะ

 

จิตยิ้มเคยกล่าวไว้แล้วค่ะ ทุกคนที่ประสบพบจะเป็นไปตามกำลังบุญวาสนาของตนเอง บางคนพบแล้วก็ยังไม่ได้เป็นพระอริยะบุคคลก็มีค่ะ คือ เป็นแค่โสดาปฏิมรรค ยังไม่ถึงพระอรหันต์ แล้วกำลังใจที่สั่งสมไว้ด้วยค่ะ

 

พระพุทธเจ้าท่านยังไม่เคยตรัสถึงอธิบายถึงสภาวะของพระนิพพานเลย เพราะมันเป็นปัจจัตตังต้องได้เองรู้เอง อธิบายให้ใครเข้าใจไม่ได้ ยิ้มเอ้ยยังจะไม่เข้าใจอีก ขนาดหงบยังเข้าใจเลย นั่นเพราะยิ้มไม่ใช่พุทธแท้แต่แต่พุทธเทียมที่เกิดจากลัทธิจิตรูทวาร คำสอนมันถูกบิดเบือนมาแล้ว

 

ตามใจชอบแล้วแต่คิดค่ะ ไม่ใช่อธิบายความสภาวะนิพพานเป็นอย่างไร?

แต่บอกในลักษณะนิพพาน เป็นอนัตตา

อวิชชาเกิดจากอะไร?

และแก่นแท้ของจิตวิญญาณเป็นเช่นไร?

พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสไว้ว่า นิพพานบรมสุขอย่างยิ่ง เป็นธรรมชาติหนึ่งไม่เกิดไม่ดับ ไม่มีความทุกข์ พ้นไปจากเกิดแก่เจ็บตาย มีความเป็นอมตะ ไม่มีธรรมชาติใดเจือปนสิ่งนั้นได้ ไร้การเคลื่อนไหลไปจากเหตุทุกข์ สลัดแล้วซึ่งโลกทั้งหลาย อันกิเลสและตัณหาสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง

ก็เป็นประมาณนี้แหละค่ะ ที่พอกล่าวกันได้

แต่ถ้าอธิบายตัวนิพพานเลยก็คงไม่ได้หรอกค่ะ แต่ผู้ที่เข้าใจทุกสรรพสิ่งก็สามารถกล่าวได้ถึงความเป็นจริงว่าคืออะไร มีความเป็นมาเช่นไร และความจริงนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรนะค่ะ

 

แบบเกียร์รถรึป่าว เดินหน้าแล้วใส่เกียร์ถอยหลังได้ไรงี้ ยิ้มเหมือนใครได้ไง ขนาดเปนชีพุทธยังไหลไป จจว ได้ เกิดมาพึ่งเคยเจอเนี่ยะแหล่ะ

 

Ok ค่ะ จิตยิ้มจะไม่กล่าวถึงแล้วล่ะ ที่จริงแล้วอยากให้ทุกคนเชื่อกันค่ะว่า ยุคกึ่งพุทธกาลนี้ หรือยุคพลังงานใหม่ กำลังจะเกิดขึ้นเป็นความจริง และองค์ธรรมิกราชา หรือพระยาธรรมิกราช นั่นก็คือ สัจธรรมความจริงในธรรมชาติ หรือ สัจจะธรรมโลกุตระ จะได้รับการเปิดเผยให้มนุษย์โลกที่มีบุญบารมีทุกคนได้ประสบตามเหตุของตนค่ะ

อีกไม่นานยุคพลังงานใหม่ ยกระดับปรับมิติที่สูงกว่าเดิม ทุกคนจะได้พบเจอหากปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้านำทางค่ะ

สวัสดีค่ะ

 

ไม่รู้นางเป็นแม่ชีศาสนาไหนกันแน่ อ่านแล้วเหมือนนางจิตหลอนยังไม่รู้ คุ้มดีคุ้มร้าย ถ้านางยังเผยแพร่ลัทธิจิตรูทวารนี้ต่อไปคงจะกลายเป็นชีช้ำกะหล่ำปลีแทน

 

จบแล้วเรอะ...บททดสอบแม่ชี....ยังอ่อนอยู่มากเลยนะแม่ชีจิตยิ้ม...ถ้าแกร่งจริงรู้จริงต้องตอบได้และทนได้ทุกสภาวะสิ...จะเข้านิพพานถ้ามันยังมีโกรธอยู่..ยังเข้าไม่ได้หรอกนะแม่ชี

 

+++ กระทู้ที่ถามมา "โดนใส่กุญแจมือ" ไปแล้ว เลยมาตอบในกระทู้นี้ก็แล้วกันนะ

+++ ผมไม่ชอบคิด เพราะอัตราของความคิด มันจะ "ผิดประมาณ 93%"
+++ ถ้ามัน "ถูกมากกว่า 50%" ขึ้นไป รับประกันว่า "บ่อน/หวย/บอล" ทั้งหมด ย่อมเจ็ง เป็นธรรมดา
+++ แต่ "บ่อน/หวย/บอล" ทั้งหมด กลับรวยมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชอบให้ "ลูกค้าคิด" แล้ว "พนันกับความคิดตัวเอง"
+++ จริงหรือเท็จ ให้ตั้ง "สติรู้" ในผลลัพธ์สุดท้ายเอาเองนะ

+++ คำพูดแบบ "บุคคลาฐิษฐาน" ให้ตัดทิ้งไปให้หมดจากใจเสียก่อน "ตัดสมมติบุคคลาฐิษฐาน" ทิ้งให้หมด จึงเห็นความจริงได้
+++ ความสมดุลของระบบ เป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากเจตนาของโลก "ไม่มีเจตนาใด ๆ ปรากฏได้ ในระบบของธรรมชาติมหภาค"
+++ การใช้คำพูดในเชิง "บุคคลาฐิษฐาน" เป็นคำพูดของบุคคลในกลุ่ม "งมงาย" หากปล่อยไว้เรื่อย ๆ ก็จะ "จมปลักดิ่งลงไปเรื่อย ๆ"
+++ ตรงนี้เท่ากับเป็นการ "สาปแช่งตนเอง" งมงายด้วยตนเอง เป็น กรรม/วิบาก ของตนเอง ไม่มีใครทำให้ มันเกิดจากตนเอง ทั้งสิ้น

+++ สนามพลังงานแม่เหล็กโลก เกิดจากใจกลางของ Earth core (นิวเคลียสของโลก)(สัพสิ่งที่มีนิวเคลียส หมุนอยู่ในใจกลาง ย่อมสร้างสนามพลังแม่เหล็ก ทั้งสิ้น)
+++ ดาวเคราะห์ดวงนี้ ตรง Earth core มีโลหะหลอมเหลวประเภท iron–nickel alloy เป็นแก่นนิวเคลียส เป็นแหล่งผลิต "สนามพลังแม่เหล็ก"

+++ ธรรมชาติของ "สนามพลังแม่เหล็ก" หากเป็นขั้ว +/+ หรือ -/- มันจะผลักกัน (วิปะยุตตาธัมมา) หากเป็น +/- หรือ -/+ มันจะดูดกัน (สัมปะยุตตาธัมมา)
+++ หากไม่มี สนามพลังแม่เหล็กอื่น เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซง ขั้วของมันก็จะยัง "คงเดิม" ทุกประการ
+++ ณ ปัจจุบัณขณะ ยังไม่มีสนามพลังแม่เหล็กใด ๆ เข้ามาก้าวก่าย "ยกเว้น" สนามพลังแม่เหล็กหลัก ๆ ของกาแลคซี่ คือ "หลุมดำ" เท่านั้น
+++ ตรงนี้เคยโพสท์ไว้ มากกว่า 1 ครั้ง ในกระทู้อื่น ให้ค่อย ๆ หาเอาในเรื่อง "การเคลื่อนตัวของระบบสุริยะ ใน Galaxy Arm" เข้าหาหลุมดำ เอานะ

+++ ตรงนี้ "ไม่เกี่ยว" คุณงามความดีในจิตใจ เป็นเรื่องของ Density (กายหยาบ/ละเอียด) + Dimension (ภพ/ภูมิ)
+++ โลก "ไม่ใช่มายา" อันมายาที่แท้จริงนั้น "อยู่ในจิตเจ้าของ" ดังนั้น อย่าไปโทษโลก

+++ พยายาม "อย่าเอาหนังเรื่อง The Matrix" เข้ามาปน มันจะ เละไปหมด

+++ แสดงว่า "ไม่เคยรู้เรื่อง อัตราความเร็ว VS มิติ/กาลเวลา VS Density/Dimension" เอาเสียเลย
+++ ทั้งหมดของ "สังคตะธรรม" ย่อมเคลื่อนไหวแปรปรวน และ เป็นปรากฏการณ์ของ เกิดขึ้น/ตั้งอยู่/ดับไป จากจุดหนึ่ง ๆ
+++ แล้วไป ปรากฏ (เกิด) ขึ้นอีกในจุดต่อไป ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่ "มิติ/กาย/กาล" แต่อย่างใดทั้งสิ้น (เกิด/ตาย VS ภพ/ภูมิ/กาล) ต่าง ๆ
+++ สัพสิ่งในกาแลคซี่ (โลกธาตุ) ย่อมเคลื่อนตัวไปใน "เนื้อกาย/กาล/มิติ" อันสมมาตรซึงกันและกัน ภายในการเคลื่อนตัวของ Big Bang เดียวกัน
+++ หากยังไม่สามารถ "ฝึก" ไปจนถึง ออกอวกาศ ศึกษา โลกธาตุ กลุ่มโลกธาตุ (galaxies group clusters) จนออกไปนอก Big Bang ได้
+++ ก็อย่าเพิ่งไปพูดถึง Big Bang คู่ขนานต่าง ๆ เลย สิ่งเหล่านี้ "คิดเอาเองไม่ได้" มีแต่ "เป็นรู้เฉย ๆ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องมีกิริยาจิตทั้งสิ้น"
+++ จนกว่าจะเป็น "รู้เฉย ๆ ไม่มีคิด เข้ามาปิดบังความเป็นจริง" แล้วขั้นต่ำ "ผนึกรู้ จนเป็น เนื้อเดียวกันกับ ธรรมชาติโดยรอบ" ให้ได้เสียก่อน
+++ ขืนไป "คิด" มาก ๆ เข้า โรคประสาทวิกลจริต จะเริ่มปรากฏ จากปรากฏการณ์ของ "จิตแปรปรวน" ของเจ้าของเอง

+++ หากมันเป็นความจริง ก็ ไม่มีใครปฏิเสธได้เลย ผู้ที่ปฏิเสธ จักไม่ได้เกิดในยุคนั้น ๆ ไม่จำเป็นต้อง แช่ง อะไรทั้งสิ้น (สัมปยุต/วิปยุต)

+++ หาก ยังไม่เข้าใจ จิตตน แล้ว ก็ ขอใหยกเว้นในเรื่องของ "จิตรวมหมู่" เอาไว้ก่อน จะดีกว่านะ

+++ จิตรวมหมู่ จะมี "เนื้อแห่ง ธัมมารมณ์ ร่วม" ไปใน "มิติ/ภูมิ" เดียวกัน ก่อให้เกิด "กาย (Density)" ทัดเทียมกัน
+++ เมื่อดับไป จากจุดหนึ่ง ๆ (ภพ/ภูมิ) ย่อมไป ปรากฏ (เกิด) ขึ้นอีกในจุดต่อไป (ภพ/ภูมิ) อื่น
+++ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่ "มิติ/กาย/กาล" ณ จุดเดียว ย่อม "ท่องเที่ยวไป" ใน "สังคตะธรรม Dynamic Stage"

+++ มนุษย์ "ไม่สามารถ" ช่วยอะไรในโลกได้ แต่ สามารถ "เผ่น" ได้
+++ อย่า "หวงโลก" จนต้องกลายมาเป็น "ปู่โสมเฝ้าโลก" เลย มันทำอะไรไม่ได้หรอก

+++ จะยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ ในประเด็น "เผ่น" เพื่อเปรียบเทียบนะ

+++ จิตแต่ละดวง เปรียบเสมือน "ฟองพรายน้ำ" เกาะต้วอยู่กับ "โคลนใต้น้ำ (ผิวโลก)"
+++ เมื่อมี ธัมมารมณ์ ที่เบาขึ้นก็จะ เบามากขึ้น จน "ลอย" ขึ้นมาจาก "ตมใต้น้ำ"
+++ แม้ว่าจะมี "ตมใต้น้ำ" เกาะติด "ฟองพรายน้ำ" มาบ้าง "ตม" นั้นย่อมถูก "สลัดหลุดไป"
+++ กลับสู่ ความเป็น "ตม" ตามเดิม ตม เป็นเสมือน "กายหยาบ" "ฟองพรายน้ำ" เปรียบกับ "จิต"

+++ ณ ขณะที่ยัง "อยู่ในน้ำ" หาก "ฟองพรายน้ำ" ลอยมา "เกาะกลุ่ม" กันได้
+++ ก็จะ "ผนึกรวมตัวกัน" เปรียบเสมือน "จิตรวมหมู่" เป็น "มิติ/ภูมิ" ต่างหากจาก "เนื้อธาตุน้ำ"

+++ "ฟองพรายน้ำ" รวมหมู่ จะไม่เปลี่ยนแปลง "โคลนตมใต้น้ำ" แต่จะ "เผ่น" หลุดตัวออกมา เท่านั้น
+++ Concept นี้ ให้ยุติอยู่ที่ "อาการเผ่น" เท่านั้น อย่าเอาไป "ปรุงแต่ง/มโน" ต่อ มันจะปวดหัวนะ

+++ ขี้เกียจ "คิด" เพราะ ความคิด = มายา

+++ มันไม่ได้อ่อน มันเพียงแต่ เคลื่อนเข้าใกล้ "หลุมดำ" มากกว่าเดิม (โพสท์หลายครั้งแล้วนะ)

+++ ไม่ใช่ ภาพมายา มันเป็น "ความจริง"
+++ ภาพมายา มันอยู่ใน "ความคิด"

+++ ความจริง ไม่ใช่มายา และ มายาไม่ใช่ ความจริง
+++ หัดแยกให้ออก หัด "ตั้งสติรู้ ดำรงค์สติรู้" ให้ได้นิสัยนะ

+++ มายาแยะเกินไป มัน "ไม่ใช่" เลย
+++ คนด้อยสติปัญญามีจิตใจหยาบช้า เพราะ "มายาในโลกโซเชียว" มากเกินไป ไม่ใช่ สนามแม่เหล็กโลกตกต่ำ

+++ ท่อนนี้ "ขี้เกียจโพสท์" แล้วนะ

+++ พลัง/จิต ของมนุษย์ สูงกว่า Ultra Violet (Light) คนละมิติกับ Infrared + Magnetic field (Twilight Zone) ok นะ

+++ "เผ่น" คือทางออก โลกเคลื่อนตัวไปตาม Galaxy Arm ใกล้อุณหภูมิ+ความดัน จาก "หลุมดำ" มากขึ้น แก้ไม่ได้หรอก

+++ โลกภิภพ ดำเนินการ ไปตามที่มันเป็นนั่นแล... ให้เรียนรู้ ไปตามความเป็นจริง ให้มากเข้าไว้นะ

+++ มันไม่เกี่ยวกับ อยาก/ไม่อยาก แต่มันเกี่ยวกับ "รู้/ไม่รู้" มากกว่านะ

+++ ให้ไป "ถามสิ่งสักสิด" นั้น ๆ ดูเอาว่า
+++ เมื่อเวลามาถึงจริง ๆ แล้ว "จะเผ่น หรือ จะอยู่"
+++ แล้วจมไปพร้อมกันกับ สภาวะธรรมอันล่มสลาย กันแน่
+++ สิ่ง "สักสิด" ที่มีปัญญา จะ "พัฒนาตนเอง" หรือ ปล่อยให้จม กันแน่หนอ...

+++ ไม่ต้อง "คิด/มโน" หรอก แต่ให้ "พัฒนาจิตตน" ให้เข้าสู่ "วงจรแห่งความเจริญ" ให้ได้เสียก่อน
+++ เปรียบประดุจ "ฟองพรายน้ำ" ที่สลัด คราบโคลนตม ออกแล้ว มีแต่จะ "เกาะกลุ่ม" ลอยตัวขึ้น "พ้นน้ำ"
+++ จนรวมตัวกับ "อากาศธาตุ" เป็นอันเดียวกัน พ้นจาก "โคลนตม และ ธาตุน้ำ" ไร้ มิติ ที่บีบรัด "ตน" อยู่
+++ "ดำรงค์สติรู้ อยู่อย่างนั้น จนสติรู้ ผนึกเข้ากันกับ สภาวะธรรมรอบด้านได้" ก็จะ "รู้ โดยไม่มีคิด ได้เอง" นะครับ

 

แม่งแผ่นสะดุดเลยอ่ะ อุตส่าห์รออ่านโลกุตระนังยิ้ม เซ็งเป็ดจิงๆ ขนาดปิดท้ายยังแอบหยอด new age อีก รักกันยิ่งกว่าผีกะหนอน 55

ให้แกรนังยิ้ม นึกถึงเพลงนี้เลย เหมาะกะแกรมาก ชาตินี้เราจะไม่พรากจากกาานนนน

 

ขอเพลงต่าย อรทัย บ้างได้ป่าวๆๆๆๆๆ....เราไม่รู้เรื่องงงงง

 

เอาเพลงไร ในฐานะที่แกรตอบนิพพานไม่ขัดใจแม่ เดวลงให้

 

เพลงเพื่อนกันโรงงานเก่าจ่ะ..

 

ชอบมักๆ ฮับคำตอบมาขนาดนี้
คนถามน่าจะกลับขั้วสนามแม่เหล็กในตัว
เองได้เลยนะฮับ