พูดคุย แนะนำ ครูบาอาจารย์สายล้านนา...

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย kang_som, 25 มกราคม 2012.

  1. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ดีใจด้วยนะครับท่านเขยเชียงใหม่ แถมยังได้ชมบารมีครูบาอีก หุหุหุ แถมยังมีรุ่นแรกอีก สวดยอดเลยยยยย อิอิอิอ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นิโรธกรรม ครับ ไม่ใช่ นิโรธสมาบัติ....
     
  3. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,384
    สวัสดีพี่ kang som เปิดกระทู้ใหม่ มีเเจกพระไหมครับ ฮ่าๆๆๆ

    บ้านเกิดผมพะเยา ครูบาอ่อน วัดสันต้นหวีดครับ ที่ผมใช้เป็นรูปส่วนตัวผมเลยครับ

    ท่านเด่นเรื่อง ค้าขาย โชคลาภ ครับ
     
  4. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,384

    ทักทายครับ ผมเรียนลำปาง ไปหาท่านมาเเล้วครับ ไกลมาก หลงทางตอนไปหลายชั่วโมง ขากลับยังหลงทางออกอีก

    ตอนนี้ท่านไม่ค่อยสบายครับ ทางวัดไม่อยากให้ญาติโยมไปรบกวนท่าน ท่านเหนื่อยง่า่ยครับ ท่านเป็นโรคหืดหอบ

    ตอนนั้นผมไป ผมก็ยังไม่รู้เเต่คนที่วัดเห็นใจเลยให้พบท่านครับถวายยารักษาโรคให้วัด เเล้วท่านก็ให้พร สักพักท่านก็ขอตัวนอนท่านเหนื่อยครับ วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อของท่าน กะลาราหูครับ เเละควายธนู สร้างตามครูบานันตาอาจารย์ของท่าน
    ครับ ขณะนี้ทางวัดเหลือ ควายธนู เหรียญครูบานันตา ที่เหลือเเจกครับ


    ที่เห็นวัตถุมงคลท่านมีมากมาย บางอย่าง มีคนสร้า้งให้ครับ รายได้เข้าวัดนิดเดียว ท่านสร้างไม่เยอะครับ(ข้อมูลจากทางวัด)
     
  5. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,384
    ขอเพิ่มอีกนิดที่ไปมาครับ ครูบาเดช ป่าช้ารัตนโกสินทร์ อำเภอเเม่เมาะ จังหวัดลำปาง ขี่มอเตอร์ไซต์ไปกับเพื่อน ห่างจากตัวเมืองเกือบห้าสิบกว่ากิโล ไกลมาก ขี่จนก้นชา ท่านเด่นทางสายเสน่ห์ครับ เมตตาครับ ^______^
     
  6. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807

    สวัสดีพ่อหนุ่ม ไม่ค่อยเจอหน้าเจอตาเลยนะ

    กระมู้ตั้งมานานแล้วแต่ไม่ค่อยได้มีใครเข้ามาโพส ก็เลยตกไปหลายหน้าเลย ถ้ามีครูบาอาจารย์ท่านไหน ประวัติมงลงด้วยก็ได้นะสุดหล่อ.....ครูบาอ่อนก็ได้หรือแนะนำ
     
  7. วารินทร์ นานา

    วารินทร์ นานา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +1,230
    นำ้มันงา ครูบาสุรินทณวัดศรีเตี้ย เป็นไง?
     
  8. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ขออนุญาตลงข้อมูลให้นะครับ ผมเองยังไม่เคยใช้เหมือนกัน ว่าจะลองใช้ดูครับ ช่วงนี้ลูกน้อยของผมร้องงอแงตอนกลางคืน หลายคืนแล้ว ถ้าได้ผลยังไงจะแจ้งครับ (กำลังหาอยู่ว่าเก็บไว้ต้องไหน แหะๆๆ แต่ตอนนี้กำลังเดินทางมาอีก 1 ขวด)

    น้ำมันมนต์
    ครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย
    ใช้ได้สารพัดครอบจักรวาล รักษาโรค แคล้วคลาด
    แก้สัตว์มีพิษกัดต่อย เสน่ห์เมตตามหานิยม ข่ามคง
    แก้เด็กร้องไห้ยามค่ำคืน

    ขนาดขวด สูง 4 ซม.(ก้นขวดถึงฝาขวด)
    เส้นผ่านศูนย์กลางขวด 1.9 ซม.

    ประวัติและวิธีใช้น้ำมันมนต์
    น้ำมันนี้เรียกว่า "น้ำมันมนต์" เพราะท่านทำพิธีปลุกเสกด้วย
    คาถาอาคม และเวทย์มนต์ต่าง ๆ ซึ่งท่านสาธุเจ้าถาวรเถร เจ้าอาวาส
    ผู้ริเริ่มสร้างวัดหลวงศรีเตี้ยเป็นองค์แรก ได้คิดค้นตำหรับในการสร้าง
    น้ำมันมนต์ ซึ่งสกัดจาก "งาดำบริสุทธ์" โดยไม่มีน้ำมนอย่างอื่นเจือปนเลย
    ทำกันครั้งนั้นนับได้เกือบสองร้อยปีมาแล้ว และได้ทำพิธีการอันนั้น
    สร้างสืบสานต่อกันมา จนสืบมาถึงหลวงปู่ครูบาเจ้าสุรินทร์ สุรินโท
    ซึ่งปรากฎมีสรรพคุณเป็นที่นิยมรู้จักแพร่หลาย กระทั่งบัดนี้ นับว่าได้
    หลายชั่วเจ้าอาวาสแล้ว ซึ่งนิยมทำพิธีปลุกเสกกันในวันเดือนดีปีใหม่
    เมืองเหนือ

    วิธีอธิษบานใช้น้ำมันมนต์ โดยย่อดังต่อไปนี้
    1. ใช้ในทางอยู่ยงคงกะพัน(ข่ามคง) สมัยก่อนคนเฒ่าแก่เอาใส่ขวดเล็ก ๆ
    มัดแขวนติดกับฝักดาบ เมื่อจะเกิดเภทภัยต่าง ๆ แก่เจ้าของ น้ำมันนี้จะ
    แสดงอภินิหาร คือ จะเดือดเป็นฟองขึ้น เมื่อเป็นอย่างนี้ให้เจ้าของได้
    ตั้งสัจจะอธิษฐานกินเสียเท่าเม็ดในพุทธา(บะตัน) แล้วทาที่กระหม่(หัว)
    ท้ายทอย(ง่อน) ทาที่ลำคอ ทาที่ลิ้นปี่(ลิ้นอก) ทาที่สะดือ ก็จะปลอดภัย
    จากอันตรายทั้งปวง
    2. ใช้ในทางเสน่ห์มหานิยมเวลาเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ หรือ ติดต่อธุรกิจ
    การงานกับปวงชนทั้งปวงทั่วไป ให้สัจจะอธิษฐานแล้วนำน้ำมันทาที่
    หน้าผาก ทาที่ริมฝีปาก ก็จะเป็นเสน่ห์มหานิยม เป็นที่ชื่นชอบเคารพรัก
    ของคนทั้งหลายนักแลฯ
    3. ใช้ในทางแก้สัตว์มีพิษต่าง ๆ กัดต่อย(ขบเดียด) ไฟไหม้น้ำร้อนลวก
    มีดบาด งู ตะขาบ(จักเข็บ) แมลงป่อง ผึ้ง กัดต่อย ให้อธิษฐานแล้วนำ
    น้ำมันนี้ทาเหนือปากแผล และบาดแผลนั้นก็จะหาย ตลอดถึงใช้ในการ
    ประสบอุบัติเหตุต่าง ๆ บาดแผลนั้นก็จะหายโดยเร็ว แม้เกี่ยวกับกระดูกหัก
    เส้งเอ็นตึงมึนชา ปวดเมื่อย บวม อักเสบกล้ามเนื้อ ให้อธิษฐานและนวด
    บริเวณที่มีอาการ ก็จะหายแลฯ
    4. ใช้ในทางแคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ เวลาเดินทางขึ้นรถลงเรือ
    ไปเหนือมาใต้ ให้อธิษฐานนำน้ำมันมนต์ติดตัวไปด้วยเสมอ ก็จะทำให้
    แคล้วคลาดจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้แลฯ
    5. เมื่อมีน้ำมันมนต์เก็บไว้ยังบ้านเรือน ให้เก็บไว้ที่สูง ก็จะเกิดความร่มเย็น
    เป็นสุข
    แก่เจ้าของบ้าน ทั้งยังช่วยปัดเป่าภูตผีปีศาจได้ ถ้าลูกเด็กเล็กแดง
    ตกใจร้องไห้ยามค่ำคืน ให้อธิษฐานนำน้ำมันมนต์นี้ทาที่กระหม่อม ทาที่คอ
    ทาที่ลิ้นปี่(ลิ้นอก) ทาที่สะดือ ถ้าเกิดจากผีร้ายก็จะหายแลฯ
    6. น้ำมันมนต์นี้ใช้สารพัดประโยชน์ครอบจักรวาล หากใช้ในทางไหน
    โรคใด ทั้งภายนอกภายใน ให้อธิษฐานจิตก่อนใช้ทุกครั้ง โดยส่งจิตระลึก
    ถึงสาธุเจ้าครูบาถาวรเถร(เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดหลวงศรีเตี้ย) เจ้า
    ตำหรับน้ำมันมนต์ และส่งจิตระลึกถึงหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ สุรินโท
    ก็จะสมความปรารถนาทุกประการ

    น้ำมันมนต์จะสัมฤทธิ์ผลสมความมุ่งมาดปรารถนา ก็เมื่อผู้ได้รับให้
    ความเคารพเชื่อถือ ด้วยความจริงใจ ก็จะสมควาามปรารถนา
    ทุกประการ
     
  9. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    หลวงปู่ครูบาสุรินทร์ สุรินฺโท อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย

    [​IMG]

    พระครูวิมลศรีลาภรณ์ (ครูบาสุรินทร์ สุรินโท) เดิมเมื่อยังเป็นฆราวาสมีชื่อว่าเด็กชายสุจา เสมอใจ เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2441 ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือนเกี๋ยงเมือง ปีเส็ด จุลศักราช 1260 ณ บ้านศรีเตี้ย แขวงป่าซาง เมืองลำพูน มณฑลพายัพ บิดาชื่อ พ่อทิพย์ มารดาชื่อ แม่จันตา มีพี่น้องร่วมครรภ์เดียวกัน 7 คน เด็กชายสุจาเป็นคนที่ 5 มีพี่ชาย 3 คน พี่สาว 1 คน และมีน้องสาว 2 คน
    เมื่อยังเป็นเด็กชายสุจา ท่านมีสุขภาพสมบูรณ์ และมีความจำเป็นเลิศ ตอนอายุ 7 – 8 ขวบ ได้ออกเลี้ยงควายตามประสาลูกชาวนา ฝูงควายในท้องทุ่งจำนวนมาก ท่านสามารถแยกแยะออกและบอกได้ว่าควายตัวใดมีใครเป็นเจ้าของ และควายตัวใดเป็นลูกของแม่ควายตัวไหนด้วย ข่าวนี้ทราบถึงครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ท่านครูบาคิดเห็นว่า เด็กน้อยสุจานี้เติบโตขึ้นจะเป็นบุรุษที่จะช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาได้ จึงเรียกหาตัวและชักชวนให้เข้าวัด เป็นเด็กวัดศรีเตี้ยเมื่ออายุได้ 9 ขวบตั้งแต่นั้นมา เด็กชายสุจาได้เล่าเรียนอักขระล้านนา (ตั๋วเมือง) จนสามารถจำและอ่านพระธรรมคัมภีร์ต่างๆ ได้ดี เมื่ออายุครบ 13 ปี ในปี พ.ศ.2453 ก็ได้บรรพชาในสำนักครูบาตุ้ย ญาณวิชโย วัดศรีเตี้ย สามเณรสุจาตั้งใจอุตสาหะพากเพียรท่องจำ และทำความเข้าใจ สามเณรสิกขา เสขิยวัตร และปฏิบัติเคร่งในศีลสามเณร 10 ประการ ทั้งท่องจำสวดมนต์สิบสองตำนานได้ด้วย
    ครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย มีความคิดเห็นว่าสามเณรสุจาสนใจในการเล่าเรียน และพากเพียรปฏิบัติศีลธรรมกรรมฐาน จึงส่งเสริมเสริมศิษย์โปรดให้ไปเรียนในสำนักครูบาไชยลังกา วัดศรีชุมผามงัว เมืองลำพูน ซึ่งสามเณรสุจาก็ได้เรียนภาษาสยาม จากครูบาอาจารย์ในสำนักเรียนนี้ และได้ร่ำเรียนมูลกัจจายนะ สัททาสนธิ อันเป็นหลักสูตรภาษาบาลีระบบการศึกษาล้านนาในอดีตด้วย แต่การเรียนภาษาสยาม และบาลีมูลกัจจายนะของสามเณรไม่ก้าวหน้า เพราะท่านสนใจวิชชาวิปัสสนามากกว่า ท่านจึงลาออกจากสำนักครูบาไชยลังกา ไปศึกษาเล่าเรียนวิชชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในสำนักครูบากันธา คนธวํโส วัดต้นผึ้ง แขวงป่าซาง เมืองลำพูน
    ถึงปี พ.ศ.2462 สามเณรสุจาอายุได้ 21 ปี ครบปีบวชเป็นพระภิกษุ ท่านก็กลับมาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดศรีเตี้ย ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน (ตำบลบ้านโฮ่งได้ยกฐานะเป็นอำเภอบ้านโฮ่ง เมื่อ พ.ศ.2499) ครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย เป็นพระอุปัชฌายะ พระอธิการคำ คมภีโร วัดร้องธาร อำเภอป่าซาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการกันธา คนธวํโส วัดต้นผึ้ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาที่พระอุปัชฌาอาจารย์ตั้งให้ว่า พระภิกษุสุรินทร์ สุรินโท เมื่อบวชอยู่ได้ 5 พรรษา ท่านก็ได้นิสสัยมุตตกะ จึงได้พร้อมกับกัลยาณมิตรขอท่าน ได้แก่ พระปันแก้ว รตนปญโญ (ครูบาปันแก้ว วัดปทุมสราราม) พระพรหมมา พรหมจกโก (ครูบาพรหมจักร วักพระบาทตากผ้า) พระจันโต กาวิชโย (ครูบากาวิชัย วัดวังสะแกง) พระคำ คนธิโย (ครูบากันธิยะ วัดดงหลวง) และพระอุ่นเรือน สิริวิชโย (ครูบาอุ่นเรือน วัดสันเจดีย์ริมปิง) เป็นสหธรรมมิกภิกขุปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ธุดงค -วัตร ออกจาริกไปบำเพ็ญเพียร และอนุสาสน์สั่งสอนหลักการปฏิบัติ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแก่พุทธบริษัทในแขวงต่างๆ ของเมืองลำพูน และหัวเมืองใกล้เคียงเป็นเวลา 3 ปี
    ถึงปี พ.ศ.2470 เมื่อครูบาตุ้ย ญาณวิชโย เจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ถึงแก่มรณภาพ ในปีที่พระสุรินทร์ สุรินโท มีอายุได้ 29 ปี 8 พรรษา ท่านก็ทำหน้าที่ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย และได้จัดงานทำบุญถวายเพลิงศพครูบาตุ้ย ญาณวิชโย พระอุปัชฌายะ เสร็จสิ้นในปี พ.ศ.2474 แล้ว เจ้าคณะเมืองลำพูน กับผู้สำเร็จราชการเมืองลำพูน ได้ออกตราตั้งให้พระสุรินทร์ สุรินโท ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระอธิการสุรินทร์ สุรินโท ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ให้มีหน้าที่เจ้าอาวาสตามมาตรา 13 และมีอำนาจปกครองวัดตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองสงฆ์ ร.ศ.121 และท่านก็สืบทอดแบบอย่างขนบธรรมเนียมปกครองวัดตามอย่างครูบาตุ้ย ญาณวิชโย ผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านด้วย ตลอดเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีเตี้ย ก็สั่งสอนพระภิกษุสามเณร เน้นหนักอบรมทางวิปัสสนาธุระ และสั่งสอนอบรมศรัทธาชาวพุทธของวัด ทางสมถกัมมัฏฐานพอเป็นทางสงบใจ ทั้งเป็นผู้อำนวยการทางคันถธุระแผนกปริยัติธรรมนักธรรมและบาลี ส่วนด้านสาธารณูปการท่านเพียงแต่บูรณะปฏิสังขรณ์และก่อสร้างเสนาสนะสงฆ์ สถานพุทธาวาสที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้น เพราะอัธยาศัยของท่าน เป็นพระสมณที่ดำรงตนสมถะเรียบง่าย ฉันน้อย ใช้น้อย แต่ทำประโยชน์ใหญ่
    ครูบาสุรินทร์ สุรินทเถระ ได้อุทิศตนบูชาพระพุทธศาสนา โดยมั่นอบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์และศรัทธาชาวพุทธให้ดำรงตนในศีลธรรมคำสั่ง สอนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นศาสนิกชนที่ดีของพระศาสนา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ ท่านเทศนาสั่งสอนปลูกฝังความรักซึ่งกันและกัน ในยามตกทุกข์ได้ยาก เจ็บไข้ได้ป่วย ยามแก่เฒ่าชรา และให้รักกันแม้จะมีใส่ร้ายยุแหย่ให้แตกสามัคคีก็ไม่มีแหนงหน่ายกัน ความรักอันนี้เป็นรากฐานศิลา แห่งเมตตาของมนุษย์ อันภาระพระพุทธศาสนาทั้งสองประการที่ท่านได้กระทำบำเพ็ญมาถึงขีดจรรโลงพระ พุทธศาสนา เป็นผลให้พระพุทธศาสนาตั้งอยู่สืบต่อจิระฐิติกาล ทราบถึงพระคณาธิการฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ระดับแขวง เมือง มณฑล ฉะนั้นในปี พ.ศ.2481 ขณะที่ท่านสุรินทร์อายุได้ 40 ปี 19 พรรษา จึงได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสมณศักดิ์ชั้นประทวน (จปร.) นามว่า พระครูสุรินทร์ สุรินโท และพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี เจ้าคณะมลฑลพายัพ ได้นำพัดยศประทวน (จปร.) มามอบให้ท่านท่ามกลางสังฆสันนิบาต ณ พระวิหารหลวงวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ซึ่งพร้อมกับนำ พระมหาสำรี (อมร) (พระสุเมธมังคลาจารย์) มาเป็นพระคณาจารย์ประจำสำนักเรียนเมืองลำพูน กาลเวลาล่วงไปอีก 40 ปี ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จฯพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า รัชกาลที่ 9 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2521 พระครูสุรินทร์ สุรินโท ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรพัดยศชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาที่ พระครูวิมลศรีลาภรณ์ ในขณะที่ครูบามีอายุได้ 80 ปี 59 พรรษา
    พระครูวิมลศรีลาภรณ์ เป็นพระเถระที่มีความเจริญพร้อมด้วยชนมายุ ด้วยคุณธรรม ความรู้ ความสามารถเป็นเถรัตตัญญู ทรงไว้ซึ่งศีลาธุคุณ สมาธิคุณ และวิปัสสนาคุณ รอบรู้แตกฉานในกิจพระศาสนา แบบแผนประเพณี เปี่ยมด้วยเมตตาพรหมวิหาร จึงมีกิตติศัพท์ปรากฏไกล เป็นครูฐานิยบุคคลที่พึ่งที่เคารพของอเนกศิษย์ศรัทธาสาธุชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดลำพูนและต่างจังหวัดทั่วประเทศ
    [​IMG]

    พระครูวิมลศรีลาภรณ์ได้มรณภาพลงตามสภาพหลักธรรมสังขารอันปรุงแต่งด้วย โรคชราเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2532 เวลา 01.40 น. ณ วัดศรีเตี้ย และได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุฌาปนสถานชั่วคราว สนามสุรินโท วัดศรีเตี้ย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน มีนายสว่าง อินทรนาค ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนเป็นประธานในพิธี
    [​IMG]


    บนเส้นทางชีวิตของท่านครูบาสุรินทร์ สุรินโท นั้น เป็นบัณฑิตในธรรมย่อมกล่าวได้อย่างไม่เคอะเขินว่า เป็นสายสัมมาอริยมรรค คือมัชฌิมปฏิปทา ไม่หละหลวมหย่อนยาน ไม่เคร่งตึงเครียด และคำอุศาสน์สั่งสอนของครูบามีอรรถเหมือนหนึ่งท่านเรียนจนจบพระไตรปิฎก เป็นอนุศาสนีปาริหาริยะโดยแท้ ดียิ่งกว่าของขลังศักดิ์สิทธิ์ เพราะคำสั่งสอนนั้นออกฤิทธิ์ได้จริง สมคารที่ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จดจำนำไปศึกษาปฏิบัติตามแนวทาง เป็นพลเมืองดีของชาติ มีความรักสมัครสมานเกื้อกูลกันและกัน เสมือนหนึ่งญาติมิตรครอบครัวใหญ่ของศรัทธาสาธุชนทั่วไป ถึงแม้ท่านครูบาสุรินทร์ สุรินโท จะจากไปตามสัจจธรรมสังขารของร่างกายของท่าน แตกดับสูญ แต่บุญคุณความดีปฏิปทาจริยาวัตรที่ดีงามของท่านยังปรากฏอยู่คู่โลกนี้สืบต่อ ไปตลอดกัลปวสานฯ


    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]

    น้ำมันมนต์ หรือน้ำมันงาดำเตือนภัย ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแดนล้านนา
    ครูบาสุรินทร์นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานในพระเวทย์วิทยาคุณอย่างเอกอุ เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นนั้นล้วนแต่มีอภินิหารแก่ผู้นำไปบูชาอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น...เหรียญ ตะกรุด ผ้ายันต์ แต่ที่ถือเป็นสุดยอดของท่านคือ...
    น้ำมันงาดำ
    น้ำมันงาดำของหลวงปู่ครูบาสุรินทร์นั้น ท่านได้เล่าเรียนมาจากองค์อาจารย์คือ ท่านครูบาถาวรเถระ ผู้เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย อันน้ำมันงาดำนี้หากสร้างได้ถูกต้องตามตำรา จะมีอิทธิฤทธิ์นานัปการอย่างที่เรียกว่าฝอยท่วมหลังช้างทีเดียว ใช้ได้ทั้งอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขายดี ทากันและแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกแตกหักก็ทาเพื่อต่อได้ มีบาดแผลแล้วทาก็จะสมานติดกันในเวลาอันรวดเร็ว ผีเข้าเจ้าสิงก็ป้ายเข้าไปผีจะรีบหลีกลี้ในทันใด เป็นโรคกระเพาะให้กลืนกินเข้าไปจะรักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ได้อย่างวิเศษ ฯลฯ และเหนืออื่นใด คือ...
    เดือดได้ ?!
    เดือดได้จริง ๆ เมื่อผู้ครอบครองนำไปเก็บรักษาไว้ ยังที่สูงในตำแหน่งอันสมควร เช่น บนหัวนอน แล้วมีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นนิจสิน หากมีภัยถึงตัวหรือจะเกิดอันตรายจาก มนุษย์ อมนุษย์ ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ร้าย แม้แต่อันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บในตัว น้ำมันงามหาวิเศษนี้ก็จะเกิดอาการเดือด เป็นฟองขึ้นในขวดได้เองอย่างมหัศจรรย์ที่สุด เดือดปุด ๆ ให้เห็นก็มี เป็นฟองขึ้นเองอย่างฟองสบู่ก็มี มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน หากไม่ว่าจะเป็นอย่างใดนั้นก็คือให้เตรียมรับมือจงหนัก.
    คุณทวี เย็นฉ่ำ หรือ เจดีย์ทอง นักเขียนชื่อดังได้เคยเล่าถึงวาระหนึ่งที่เดินทางไปกราบศพครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ตอนขากลับได้แวะไปนมัสการครูบาสุรินทร์ สุรินโท ถึงวัดหลวงศรีเตี้ย ซึ่งขณะนั้นครูบาสุรินทร์กำลังจะประกอบพิธีหุงน้ำมันงาดำอยู่พอดี
    ในวันงานนั้นมีพระเถรานุเถระมาร่วมพุทธาภิเษกมิใช่น้อย ที่แน่ ๆ ก็มี ครูบาหล้า จันโทภาโส วัดป่าตึง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ครูบาธรรมชัย ธัมมชโย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นต้น
    โดยพระเถระนั่งปรกอยู่ในวิหารหลวง มีการตั้งราชวัติ ฉัตร ธง โยงสายสิญจน์ลงมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ภายนอกวิหารตั้งกระทะใบบัวขนาดใหญ่ถึง 9 ใบ ทุกใบกำลังเคี่ยวน้ำมันงาดำควันโขมง และรอบบริเวณก็ตั้งราชวัติ ฉัตร ธง เช่นเดียวกัน กั้นสายสิญจน์เป็นปริมณฑลห้ามสตรีเพศเข้าโดยเด็ดขาด
    เป็นที่น่าสังเกตว่ามีธรรมาสน์หนึ่งปูเบาะและผ้ารองนั่งไว้เป็นอย่างดี มีพานวางสายสิญจน์โยงออกมาอย่างเรียบร้อย และตั้งอยู่ในตำแหน่งประธาน คะเนว่าน่าจะจัดเตรียมไว้ให้พระเถระผู้ใหญ่ หากเริ่มพิธีไปโขแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครมา
    ไม่นานใครหลายคนก็เริ่มสังเกตโดยเฉพาะพวกมีกล้อง ว่ายกกล้องประทับเล็งไปธรรมาสน์นั้นคราวใด มักได้เห็นเงาคนนั่งอยู่บนนั้นบ่อยครั้ง ต่อมาเมื่อเพ่งหนักเข้าคราวนี้ก็เห็นกันด้วยตาเปล่าหลายคนทีเดียว
    เงาดำดังกล่าวมีลักษณะที่ชัดเจนว่าศีรษะโล้น ห่มและพาดผ้าอย่างสังฆาฏิ รูปร่างเป็นคนท่าทางอ้วนใหญ่ไม่น้อย จากลักษณะที่พบเดาได้ว่าน่าจะเป็นพระมากกว่าโยม ทุกคนที่เห็นเก็บความอัศจรรย์ใจไว้ไม่อยู่เล่าขานกันปากต่อปากอย่างรวดเร็ว
    ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้นก็เกิดเหตุประหลาดที่นอกวิหารกระทะน้ำมันงาดำทั้ง 9 ใบ ค่อย ๆ ทยอยระเบิดทีละใบ... ทีละใบ... สร้างความแตกตื่นและฉงนใจให้พระภิกษุและประชาชนที่มาร่วมพิธีเป็นอย่างยิ่ง กระทะระเบิดไปเรื่อยจนเหลือใบสุดท้าย ทุกคนที่ลุ้นตัวโก่งก็โล่งใจเพราะเหตุประหลาดยุติลงแต่เพียงแค่นั้น กระทะใบสุดท้ายยังอยู่ดีและดำเนินการเคี่ยว พร้อมปลุกเสกไปได้ตลอดรอดฝั่งจนจบพิธีโดยสมบูรณ์
    เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความอัศจรรย์และเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อย ใครหลายคนอดสงสัยไม่ได้จึงกรูเกรียวกันเข้าไป กราบเรียนถามหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ว่าเงาดำที่เห็นคืออะไร และทำไมกระทะจึงระเบิดได้
    หลวงปู่ท่านตอบขรึม ๆ ว่า เงาดำที่เห็นนั้นคือ...ครูบาถาวรเถระปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงศรีเตี้ย ผู้เป็นเจ้าของวิชาหุงน้ำมันงาดำนี้ และธรรมาสน์อาสนะนั้นท่านก็ได้จัดถวายไว้ให้ครูบาถาวรผู้เป็นบูรพาจารย์ เพราะได้อาราธนาท่านลงมาร่วมพิธีด้วย
    ซึ่งท่านก็มาจริง ๆ และที่น้ำมันระเบิดจนเสียหายใช้การไม่ได้นั้น ครูบาถาวรท่านบอกว่า ท่านเป็นผู้ระเบิดทิ้งเอง เพราะหากทำมากก็จะเป็นการช่วยคนมากเกินไป เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีศีลมีธรรม ช่วยเขาแล้วเมื่อเขารอดตัวพ้นภัย เขาก็จะไปทำไม่ดีขึ้นอีก ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ท่านประสงค์ให้น้ำมันวิเศษนี้สงเคราะห์แก่คนดีมีศีลธรรมเท่านั้น
    เป็นสุดยอดเหตุผลโดยแท้
    เมื่อได้รู้เหตุผลแล้ววัตถุมงคลในพิธีก็ถูกบูชาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะน้ำมันงาดำที่ทำยากเย็นแสนเข็ญที่สุด และถือเป็นเอกลักษณ์ของวัดหลวงศรีเตี้ยกับครูบาสุรินทร์โดยปริยาย
    อานุภาพของน้ำมันงาดำนี้คุณทวี เย็นฉ่ำ ได้เคยประสบกับตนเองเมื่อมีพระภิกษุรูปหนึ่งอาพาธอยู่โรงพยาบาล และคุณทวีได้มอบน้ำมันงาดำนี้ให้ไว้บูชาที่หัวเตียง ปรากฏว่าบูชาไประยะหนึ่งน้ำมันก็เดือดเป็นฟองขึ้น ท่านเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะท่านก็อาพาธอยู่แล้ว อยู่มาไม่นานท่านก็ถึงแก่มรณภาพ
    ทหารหาญของไทยรายหนึ่งชื่อ สิบเอกเจริญ ทิพย์กาญจนกุล เป็นทหารชุดปฏิบัติการที่สมรภูมิร่มเกล้า พิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2532 ก่อนไปรบได้มากราบนมัสการครูบาสุรินทร์ เพื่อขอพรและบูชาวัตถุมงคลไปหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือน้ำมันงาดำ
    ก่อนออกปฏิบัติการ ส.อ.เจริญจะอาราธนาน้ำมันงาดำขอให้ปกป้องคุ้มครองทุกครั้ง จากนั้นก็จะกินเท่าเมล็ดพุทราและทายังจุดต่าง ๆ ในร่างกายตามที่หลวงปู่สั่ง
    วันหนึ่งกองกำลังของ ส.อ.เจริญได้ปะทะกับพวกทหารลาวแดงอย่างจัง พวกมันโจมตีด้วยการปาระเบิดสังหารเข้าใส่ ส.อ.เจริญอยู่ใกล้จุดที่ลูกระเบิดตกที่สุดจึงหลบไม่ทัน โดนผลงานลาวแดงเข้าเต็ม ๆ เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายก็รีบทำการสำรวจตัวเองก่อน ปรากฏว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทำให้ผู้หมู่มีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง นึกเชื่อมั่นในน้ำมันงาดำและครูบาสุรินทร์อีกเป็นเท่าทวีคูณ ครั้นหันไปดูเพื่อนร่วมชะตากรรมก็พบว่าทหารบางนายเสียชีวิตคาที่ด้วยอานุภาพระเบิด หลายคนบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างทั่วกัน มีแต่ ส.อ.เจริญเพียงคนเดียวที่ไม่มีอาการบาดเจ็บเลย
    ครั้นเหตุการณ์ศึกร่มเกล้าผ่านไป ส.อ.เจริญก็ตรงแน่วมากราบหลวงปู่ครูบาสุรินทร์ถึงวัดหลวงศรีเตี้ยด้วยความเคารพอย่างที่สุด

    ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.teeneelanna.com/moojoomhao/home/space.php?uid=182&do=blog&id=1193
     
  10. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ช่วงสงกรานต์กลับไปบ้านแฟนได้ ของที่ไผฝันมาด้วย ครับ ตะกรุดหนังควาย ครุบาชุ่ม วัดวังมุย

    [​IMG]
     
  11. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
     
  12. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    สุดยอดเลยครับท่าน ใด้มางัยเนี๊ยะ หุย..หุย..
     
  13. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    ครูบาศรี สุจิตโต วัดบ้านเป้า ศิษย์ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ อีกท่านหนึ่งครับ เพิ่งไปกราบมา เลยบูชา พระผง รุ่นแรกของท่านมา ใด้คุยกับท่านนานมาก ไม่ถือตัวครับ น่านับถือมาก ที่แรกตั้งใจว่าจะบูชาพระปิดตา ตามที่เวปต่างๆลงกัน ท่านบอกว่าหมด ศรัทธาแถวๆภาคกลางบูชาไปหมด มีแต่พระผงรุ่นแรก ท่านทำเองกับมือหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ (ท่านบอกผมมา)ส่วนรุ่นอื่นไม่ทราบครับ ไม่กล้าถาม เสียดายท่านไม่ให้ถ่ายรูปท่าน...ไม่งั้นคงใด้ลงให้ชม.......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1040077.JPG
      P1040077.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      260
    • P1040074.JPG
      P1040074.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      216
    • P1040069.JPG
      P1040069.JPG
      ขนาดไฟล์:
      581.7 KB
      เปิดดู:
      236
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2012
  14. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ขอบคุณมากครับที่แนะนำครูบาอาจารย์ให้ได้รู้จักเพิ่มขึ้น ถ้ามีโอกาสได้ไปจะได้ไปกราบท่านครับ
     
  15. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    ประวัติ ครูบาศรี สุจิตโต ( ตามที่หาใด้ ผิดประการใดขออภัยด้วยครับ)

    หลวงปู่ครูบาพ่อศรี สุจิตโต วัดบ้านเป้า จ ลำปาง ยอดพระเกจิขลังแห่งแดนล้านนา อัญเชิญเทพดาได้
    บอกขุมสมบัติพญานาคได้ รู้อดีต รู้อนาคต ทรงญาณสมาบัติ ได้สร้างพระคะวัมปัตติถรัสสะ (พระปิดตาเข้านิโรธ) ปลุกเสก 1 ปี ออกให้บูชา<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    หลวงปู่ครูบาพ่อศรี พระเถระผู้เฒ่าทรงอภิญญาจิต แดนล้านนา
    ศิษย์ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ,ครูบาโณ วัดปงสนุกเหนือ เมื่อตอนสุขภาพแข็งแรง ท่านเข้านิโรธสมาบัติแบบเต็มกำลังทุกปี
    ครูบาชุ่ม โพธิโก เคยจับพลังพระที่ท่านปลุกเสก บอกว่า ตุ๊เจ้าองค์นี้ เปิ้ลเป็นคนมีพวก มีเตวดามากมายมาช่วยเปิ้ล ,
    ครูบาอิน (ตาทิพย์) วัดฟ้าหลั่ง แนะนำลูกศิษย์ที่เป็นโรคร้าย ให้มากราบขอน้ำมนต์ , ครูบาข่าย วัดหมูเปิ่ง ยกย่องว่า เป็น ครูบาผีกลัว
    แม้ทุกวันนี้ ครูบาพ่อศรี แก่ชราแล้ว แต่ท่านยังเล่นฤทธิ์ ใช้พลังจิตชั้นสูงอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ศิษย์มากราบท่านแล้วจะไปกราบครูบาครอง ซึ่งเป็นสหธรรมสมิกกัน ท่านจะบอกได้ถูกต้องว่า ครูบาครองยังไม่กลับวัด ให้นั่งรออีก 15 นาทีค่อยออกไป
    พอถึงเวลาศิษย์ที่ท่านกำหนด ศิษย์ขับรถไปหาครูบาครอง พบว่า รถของครูบาครองมาถึงวัดพร้อมกันพอดี อย่างนี้เป็นต้น ไม่รู้ว่า ท่านรู้ได้อย่างไร<O:p></O:p>
    อีกเรื่อง ศิษย์ท่านเป็นคนมีบุญมาเกิด ท่านทักว่าเป็นลูกหลานพญานาค เหล่าบริวารของพระอุปคุตที่จำศีลที่สะดือทะเล
    ให้ไปเอาสมบัติเดิม ณ โบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งคนเข้าออกทุกวัน นับร้อย นับพันคน
    ศิษย์ท่านก็ไปตามท่านบอก พอไปถึงสถานที่ที่ท่านกำหนด ก็เจอแหวนเงิน หัวเป็นหงอนพญานาควางอยู่ คล้ายจะรอให้ศิษย์ท่านไปหยิบมา และบังตาผู้คนที่ผ่านไป ผ่านมาไม่ให้เห็น พอนำกลับมาให้ท่านดู ท่านบอกว่า
    นี่เป็นสมบัติพ่อเก่า แม่เก่าเขาให้ไว้
    และยังบอกอีกว่า จะได้สมบัติอีก ให้ไปเอาในวันนั้น วันนี้ ตามที่ท่านกำหนด ซึ่งก็ได้จริง ๆ
    เรื่องนี้ สงสัย ถามที่สุสานได้ ถามคนมีประสบการณ์ตรง ดีกว่าจะได้หายสงสัย
    และเชื่อมั่นในคุณของ พระอภิญญาจารย์ผู้เฒ่าแดนล้านนา องค์นี้อย่างเต็มที่

    ครูบาพ่อศรี ท่านเกิด พศ. 2472 อายุปัจจุบัน 84 ปี 64 พรรษา<O:p></O:p>


    เรียนวิชาจากโยมพ่อ ซึ่งเป็นศิษย์เอกครูบาโณ วัดปงสนุกเหนือ<O:p></O:p>


    จึงเรืองเวทย์ ตั้งแต่เป็นละอ่อนน้อย ถือวิชาขึ้นโยมพ่อเห็นแววว่าจะเรืองรุ่งในเวทย์วิทยาคมสายล้านนา จึงพาไปฝากให้อยู่ในอุปการะของครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ เจ้าตำหรับราหูจับจันทร์ จับตะวัน และม้าเสพนาง ราคาเป็นแสนแห่งล้านนา<O:p></O:p>


    เมื่ออายุครบบวช ท่านจึงบวช โดยครูบานันตา เป็นธุระเรื่องงานบวชให้ พระอุปฌาชย์คือ ครูบาโถ วัดบ้านเป้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ และเป็นอาจารย์องค์ต่อมาของท่าน<O:p></O:p>


    ตอนเป็นตุ๊หนุ่ม ชอบวิชา อาคมมาก ด้วยความที่เป็นคนขยัน ชอบเอาใจ จึงมีหน้าที่นวดถวายครูบานันตาทุกคืน แต่ละคืน ๆ ท่านครูบานันตา ก็จะสอนความรู้ คายวิชาให้เรื่อย ๆ เพราะหมายว่าจะเอาไว้แทนตัวท่าน<O:p></O:p>


    จนถึงกับได้มอบตำราล้านนาโบราณ (บับสา) ที่ท่านเรียนมา ให้ครูบาพ่อศรี 1 ห่อผ้าใหญ่ กลเม็ดเคล็ดลับอะไร ครูบาพ่อศรีท่านรู้หมด เพราะครูบานันตา สอนให้ตัวต่อตัว!!<O:p></O:p>


    วิชาหนึ่งของสายครูบานันตา คือตะกรุดมหาสมัน<O:p></O:p>


    ตำราบอกชัด ตะกรุด 1 ดอก คุมคนได้ 1 แสนคน เป็นตำราเดียวกับที่แสนตรีเพชรกล้า กับพระเจ้ากรุงกาฬ ใช้แต่งคนยกลงมาตีทัพขุนแผน<O:p></O:p>


    ตะกรุดนี้ สมัยครูบานันตา ยังมีชีวิตอยู่ เคยสร้างบ้างไม่มากนัก เพราะสร้างยาก แถมท่านยังเลือกคนให้ ศิษย์ท่านไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน เพราะหากตกไปอยู่กับคนไม่ดี ไปเป็นโจร เป็นเสือ ทางการจะปราบยาก วิชานี้ ลงไว้ให้รู้ว่า ปัจจุบันอยู่กับครูบาพ่อศรี เพื่อจะสร้างต่อไปในภายภายหน้า และกันคนแอบอ้าง หากรู้ไม่จริง ทำได้ไม่จริง ผลเสียย่อมเกิดกับคนใช้ และเสียชื่อเสียงพ่อแม่ครูอาจารย์<O:p></O:p>


    พระครูรูปหนึ่ง (สงวนนาม) ศิษย์หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนานิมิตร <O:p></O:p>


    พระกรรมฐานกลางกรุง เล่าให้โยมฟังว่า ท่านนิมิตรเห็นครูบาองค์หนึ่ง <O:p></O:p>


    มาสอนกรรมฐานข้อที่ติดขัดให้ บอกว่าชื่อศรี อยู่ล้านนา ครั้งแรกท่านเข้าใจว่า เป็นครูบาศรีวิชัย <O:p></O:p>


    แต่รู้ว่าไม่ใช่ เพราะเคยเห็นรูปครูบาศรีวิชัย รู้จัก จำได้ว่าหน้าไม่เหมือน <O:p></O:p>


    จึงคิดว่า นิมิตรนี้คงเกิดจากธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก <O:p></O:p>


    จนมาเจอภาพหลวงปู่ครูบาพ่อศรี ในหนังสือพระ ก็จำได้ว่า เป็นองค์เดียวกับที่เห็นในนิมิตร <O:p></O:p>


    จึงเกิดเลื่อมใส ศรัทธา ได้จัดพระธาตุให้ศิษย์นำไปกราบถวายครูบาพ่อศรี <O:p></O:p>


    เพื่อแสดงความสักการะแล้ว<O:p></O:p>


    นักธุรกิจชาวพม่า จะสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว 5 ดาว ไม่ทราบว่า รู้จักครูบาพ่อศรีได้อย่างไร <O:p></O:p>


    ได้ให้เพื่อนนักลงทุนชาวเชียงใหม่ มานิมนต์ครูบาพ่อศรี ไปทำพิธีเหยียบดิน ให้ที่ประเทศพม่า <O:p></O:p>


    โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน รอท่าไว้แล้ว <O:p></O:p>


    แต่ครูบาพ่อศรีปฎิเสธไป เพียรมานิมนต์ ถึง 3 ครั้ง ท่านก็ไม่ไป อ้างว่าแก่แล้ว ไม่อยากเดินทาง ลูกศิษย์ใกล้ชิดเรียนถามสาเหตุที่ไม่ไป ท่านว่า เขาจะสร้างที่ อโคจร เราไปทำให้ไม่ได้ แล้วท่านก็พูดเสียงเบา ๆ ปิดท้ายว่า บ่อยากฮื้อให้เปิ้น เดี๋ยวฝั่งนั้นเจริญกว่าฝั่งเฮา”<O:p></O:p>​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-1.jpg
      Untitled-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      485.5 KB
      เปิดดู:
      248
  16. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,807
    ขอบคุณมากครับที่นำเรื่องราวดีๆ ของครุบาอาจารยืมาบอกเล่า อย่างนี้ผมชอบครับ ครุบาอจารย์ที่ท่านไม่ค่อยเปิดตัวแบบนี้.....ถ้ามีบุญคงได้ไปกราบท่านครับ สาธุ
     
  17. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,384
    พี่เเกงส้ม เเบ่งน้ำมันงา ให้หน่อยจิ อยากได้ อิอิ
     
  18. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,384

    เดี่ยวสอบเสร็จต้องไปกราบท่านสักหน่อยครับ ขอบคุณมากนะครับ
     
  19. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    สี่หูห้าตา ครูบาศรี ตระกรุด 3ดอก ครับ (ขออภับถ่ายรูปไม่เก่ง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1040058.JPG
      P1040058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      597.9 KB
      เปิดดู:
      221
    • P1040048.JPG
      P1040048.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      164
    • P1040059.JPG
      P1040059.JPG
      ขนาดไฟล์:
      466.3 KB
      เปิดดู:
      161
  20. shogun_o

    shogun_o สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +19
    ท่านใดรู้ประวัติ พระครูบูญมา สุภัทโธ วัดสามัคคีธรรม เล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ วั้นนั้นผมถามท่านครูบาศรี ว่ารู้จักมั๊ย ท่านคิดนิดนึง แล้วถามผมว่า คนที่อยู่ในรูปที่แขวนอยู่ข้างผนังใช่ใหม๊ พอหันไปดู ต้องตอบว่าใช่ครับๆๆ ท่านตอบเป็นภาษาเหนือว่า ตุ๊องค์นี้ของแต้ เหน็ดขนาดเลย เลยอยากทราบประวัติท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...