อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,438

    ขอจัดเด็ดๆสักองค์..เผื่อเนตจะแรงขึ้นครับพี่ปู,พี่ตี๋,พี่โญ ^^






    [​IMG]


    [​IMG]


    พระพุทธนราวันตบพิธ เป็นพระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ประชาชนซึ่งเป็นพสกนิกรของพระองค์ได้มีไว้เป็น สายใยกับพระองค์ท่าน เพราะมีมวลสารสำคัญ คือเส้นพระเจ้า (พระเกศา) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในมวลสารพระด้วย
    ในวาระอันเป็นมิ่งมงคลสมัยอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระ ชนมพรรษา 72 พรรษา ปี 2542 ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระพุทธนราวันตบพิธขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงทราบว่า สมเด็จจิตรดาที่ทรงสร้างด้วยพระองค์เอง มีผู้ต้องการและเสาะแสวงหากันมาก เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมจึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างพระสำหรับ พสกนิกรผู้จงรักภักดีของพระองค์ท่าน โดยให้เป็นพระที่เกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวที่ใครๆ ก็สามารถบูชาได้
    เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ.2499 ที่วัดบวรนิเวศวิหาร และเสด็จมาประทับ ณ พระปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทรงสถาปนาพระพุทธปฏิมาประจำพระองค์ไว้ในพระบวรพระพุทธศาสนา
    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2499 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้ถวายพระนามพระพุทธปฏิมานี้ว่า "พระพุทธนราวันตบพิธ" ได้เชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ พระปั้นหยาเป็นพระราชกุศลสืบไป
    องค์พระพุทธนราวันตบพิธ เป็นพระยืนยกพระหัตถ์ทั้งสอง ปางห้ามสมุทร อันเป็นพระประจำพระชนมวาร คือ วันจันทร์ ประทับยืนบนฐานกลมบัวคว่ำบัวหงายบนตั่งแข้งสิงห์เหนือหน้ากระดาน และมีฐานภัทรบิฐ สัญลักษณ์ประจำพระองค์รองอีกชั้นหนึ่ง ความสูงถึงสุดพระรัศมี 36.5 เซนติเมตร ลงรักปิดทองตลอดทั้งองค์พระและฐาน
    คณะกรรมการจัดสร้างขณะนั้น คือ พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องค์มนตรี เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และนายวัลลภ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นกรรมการดำเนินงาน เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระ ชนมพรรษา 72 พรรษา และเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยได้ร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระพิมพ์เป็นพระเนื้อผง จากต้นแบบพระพุทธนราวันตบพิธพระพุทธรูปฉลองพระองค์
    ประการสำคัญที่สุดได้พระราชทานมวลสารส่วนพระองค์ โดยเฉพาะเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศาของพระองค์) ให้นำมาผสมในเนื้อพระ เพื่อให้พสกนิกรได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ตลอดไป
    พระเนื้อผงที่จัดสร้างเป็นพระประทับยืนยกพระหัตถ์สองข้างบนพื้นที่ทำเป็นรูป ซุ้มโค้งแหลม สูง 3.2 เซนติเมตร ด้านหลังประดิษฐานตราสัญลักษณ์เฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา
    เนื้อหามวลสาร นอกจากเส้นพระเจ้าและมวลสารส่วนพระองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังพระราชทานมวลสารมหามงคลอีกประการหนึ่งคือ พระจีวรที่องค์ครองคราวเสด็จออกผนวชเมื่อปี พ.ศ.2499 นอกจากนั้น คณะกรรมการยังได้รวบรวมมวลสารจากพระธาตุสำคัญทุกปีเกิด จากวัดสำคัญ 143 วัดทั่วประเทศ สถานที่สำคัญอันได้แก่ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ในอินเดียและศรีลังกา นอกจากนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ก็ได้ทรงพระราชทานมวลสารพุทธมงคลสำคัญมาร่วมสร้างพระพิมพ์พระพุทธนราวันตบ พิธ อีกจำนวนมาก
    สำหรับการผสมมวลสารมหามงคลพระราชทานนั้น อาจารย์อนันต์ สวัสดิ์สวนีย์ ซึ่งเป็นนายช่างแห่งกองช่างสิบหมู่ กรมศิลปกร ได้นำมวลสารมหามงคลทั้ง 3 ประการ มาซอยและย่อยให้เป็นผงละเอียดยิบ เพื่อจะได้ผสมมวลสารอย่างอื่นอย่างทั่วถึง เพราะฉะนั้นประชาชนทุกท่านมีสิทธิ์ได้รับมวลสารมหามงคลอย่างถ้วนทั่วกัน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีมหาพุทธาภิเศก เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2542 โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงมอบให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์และจุดเทียนชัย มีพระเถระและพระคณาจารย์ รวม 72 รูปทั่วประเทศ อาทิ
    สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพตหนองคาย หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน เลย หลวงพ่อพวง สุวีโร วัดป่าปูลู สกลนคร หลวงพ่อบุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม ขอนแก่น หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี สุรินทร์ หลวงพ่อม่วง วัดยางงาม ราชบุรี หลวงปู่ทิม วัดพระขาว พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2013
  2. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    แอบแว๊บไปบ่อยๆ โดยเฉพาะห้อง "การถ่ายภาพแบบแจ่มจันทร์" พี่โญลองเข้าไปดูซิคร๊าบบ สุดยอดมั๊กๆๆ

    เว็ปยังอืดต่อไปหรือคอมผมมันอืดหว่า

     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    เวบอืดครับคุณปู

    ผมก็เป็นเช่นกันครับ
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2013
  6. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สวัสดียามเช้าครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน

    เมื่อวานฟังข่าวเกิดอุบัติเหตุกันเป็นร้อยรายแล้ว ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มสุราและขับรถเร็ว ขอบารมีหลวงปู่ทวดและครูบาอาจารย์ที่ทุกท่านเคารพนับถือคุ้มครองให้เดินทางกันโดยปลอดภัยและมีความสุขกับเทศกาลปีใหม่คร๊าบบ
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    [​IMG]
     
  8. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม พระภควัมปติ -/\-

    ที่แท้ก็เวปอืดจริงๆ ช่วงปีใหม่ไปไหว้พระที่ไหนครับพี่วรรณ ของผมรอเพื่อนอยู่ท่าทางจะหลังปีใหม่แน่ๆคร๊าบบ
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    เหรียญสวยมากๆครับคุณโญ :cool::cool::cool::cool::cool::cool:

    [​IMG]
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    ยังไม่แน่ชัดเลยครับว่าจะไปไหนบ้าง แต่ิคิดอยากไปวัดประยูรฯ อยู่ครับ
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,845
    กระทู้เรื่องเด่น:
    119
    ค่าพลัง:
    +225,745
    [​IMG]
     
  13. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    ในตำนานของพระปฏิมากรพี่น้องที่ลอยน้ำมาด้วยกันนั้น นอกจากหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต วัดบางพลี หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อวัดบ้านแหลมแล้ว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานพระลอยน้ำอันเลื่องลือกันนี้ได้แก่ หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาตะเคราหรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดเพชรบุรี ที่ชาวไทยเคารพสักการะและเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก

    หลวงพ่อวัดเขาตะเคราเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ สูง 29 นิ้ว หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว ศิลปะเชียงแสน องค์พระถูกปิดด้วยทองคำเปลวพอกหนา ตำนานการค้นพบหลวงพ่อทองกล่าวว่า ได้ค้นพบคราวเดียวกันกับหลวงพ่อวัดบ้านแหลมในยุคปลายกรุงศรีอยุธยา เมื่อชาวบ้านแหลมเมืองเพชรบุรีหนีศึกสงครามมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ปากน้ำแม่กลองสมุทรสงคราม ได้ลากอวนแล้วพบกับพระปฏิมากรสององค์ในลำน้ำกลอง โดยได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม ส่วนพระพุทธรูปขัดสมาธินั้น ได้มอบให้กับญาติพี่น้องอัญเชิญไปยังเมืองเพชรบุรีซึ่งได้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเคราเป็นเวลามากกว่าสองร้อยปีแล้ว จึงเรียกกันว่าหลวงพ่อวัดเขาตะเครา มีเรื่องเล่าว่า เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “วัดเขาจีนเครา” เนื่องจากชาวจีนที่มีเครายาวได้รับคำสั่งจากเจ้าสัวให้ควบคุมการสร้างวัดและเรียกกันเพี้ยนต่อมาว่าวัดเขาตะเคราในที่สุด

    ต่อมาชาวเพชรบุรีเรียกหลวงพ่อวัดเขาตะเครา ว่าหลวงพ่อทอง เนื่องด้วยจากทองคำเปลวที่ชาวบ้านพากันติดบูชาท่านจนหนา เล่ากันว่าเคยมีผู้ลอกทองออกจาพระพักตร์หลงพ่อ ปรากฏว่าชายผู้นั้นเกิดหน้าบวม จนต้องทำพิธีขอขมาอาการจึงหาย ทำให้ไม่มีใครกล้าแตะต้ององค์หลวงพ่ออีก และเรียกท่านว่าหลวงพ่อทอง วัดเขาตะเคราเรื่อยมา นอกจากนี้ที่วัดยังมีหลวงพ่อวิหารบนเขาตะเครา หรือหลวงพ่อหมออันเป็นที่เคารพสักการะอย่างมากอีกด้วย

    ต่อมาวันที่ 28 กันยายน 2527 ได้เกิดไฟลุกไหม้ท่วมองค์หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ขณะนั้นประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ ขณะไฟลุกไหม้ทำให้ทองคำหลอมไหม้ไหลออกมาจากองค์หลวงพ่อทอง เมื่อนำทองคำทั้งหมดมาชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าได้น้ำหนักถึง 9 กิโลกรัม 9 ขีด

    หลวงพ่อจึงได้นำเอาทองไปจัดทำเป็นลูกอมทองไหลหลวงพ่อทอง แล้วแจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชนนำไปติดตัวและบูชา ได้ปัจจัยมาทั้งหมด 11 ล้านบาท เพื่อนำมาสร้างมณฑป โรงเรียน และศาสนสถานอื่นๆ สำหรับลูกอมหลวงพ่อทอง ต่อมาได้เกิดปาฏิหาริย์มากมาย โดยเฉพาะทางด้านแคล้วคลาด ทำให้ประชาชนเคารพศรัทธามากขึ้น และเรียกหลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา ตลอดมาถึงปัจจุบัน


    ที่มา:หมูหิน, tiny zone

    ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ



    [​IMG]
     
  14. oatlovetong

    oatlovetong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +17,296
    สวัสดีครับ ^^
     
  15. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ;aa44 อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับพี่วรรณ พี่ปู น้องข้าวโอ๊ต และทุก ๆ ท่าน...
     
  16. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,438

    อรุณสวัสดิ์ครับพี่ปู พี่โญ พี่วรรณและทุกท่าน....
     
  17. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดีคุณปู คุณโญ คุณวัน คุณนอร์และทุกๆท่าน
    อากาศยังหนาวอยู่ครับ
     
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,691
    ค่าพลัง:
    +53,127
    [​IMG]

    สวัสดีทุกๆท่านด้วยครับผม

    เชียงรายไม่ค่อยหนาวมาก พอดีๆ ครับ
     
  19. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดีคุณเอ็ม...ถึงเชียงรายแล้วเดินทางเหนื่อยไม๊
     
  20. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    เหรียญปี ๒๕๒๐ ที่ระลึกสิริอายุครบ ๘๐ ปี ๖๐ พรรษา



    [​IMG]

    [​IMG]

    พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก)

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) เดิมชื่อ พรหมา พิมสาร เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2441 ณ บ้านป่าแพ่ง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรของพ่อเป็ง และแม่บัวถา มีพี่น้องทั้งหมด 13 คน บิดามารดาของท่านเป็นผู้มีฐานะ มีอาชีพทำนา ทำสวนประกอบสัมมาอาชีวะ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีความขยันขันแข็ง มีจิตใจหนักแน่นในกุศลธรรม รักษาอุโบสถศีลทุกวันพระ ในบั้นปลายชีวิตบิดาของท่านได้ออกบวช เป็นที่รู้จักกันในนามของครูบาพ่อเป็ง โพธิโก มารดาของท่านได้นุ่งขาวรักษาอุโบสถศีลจนถึงแก่กรรม สำหรับพี่น้องของท่านที่ได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา จนมีชื่อเสียงได้แก่ พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทรจักรรักษา วัดน้ำบ่อหลวง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเป็นพี่ชาย และพระครูสุนทรคัมภีรญาณ (ครูบาคัมภีระ วัดดอยน้อย จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเป็นน้องชาย

    การศึกษา
    ในขณะเยาว์วัยครูบาพรหมาได้รับการศึกษาอักษรล้านนาและไทยกลางที่บ้านจากพี่ชายที่ได้บวชเรียนแล้วสึกออกไป เมื่อท่านได้บรรพชาแล้วจึงได้ท่องจำบทสวดมนต์ และเข้าโรงเรียนประชาบาลจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เมื่ออุปสมบทแล้วจึงได้ศึกษานักธรรมด้วยตนเอง ในปี พ.ศ. 2462 ทางการคณะสงฆ์ได้จัดสอบนักธรรมสนามหลวงขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยพระมหานายกเป็นผู้นำข้อสอบมาสอบยังวัดพระเชตุพน ในครั้งนั้นมีพระภิกษุเข้าสอบจำนวน 100 รูป ผลการสอบปรากฏว่ามีพระภิกษุที่สอบผ่านจำนวน 2 รูป คือ ครูบาพรหมา และพระทองคำ วัดเชตุพน จังหวัดเชียงใหม่ นับว่าครูบาพรหมาเป็นพระรูปแรกของจังหวัดลำพูนที่สอบนักธรรมได้ ภายหลังจากสอบนักธรรมได้แล้ว ท่านได้พยายามหาความรู้ด้านการปฏิบัตธรรมจากครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ พระครูพิทักษ์พลธรรม (ครูบาหวัน มหาวโน) พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทรจักรรักษา) ผู้เป็นพระพี่ชาย ครูบาแสน ญาณวุฑฒิ วัดหนองเงือก ครูบาบุญมา ปารมี วัดกอม่วง เป็นต้น

    บรรพชาและอุปสมบท
    ครูบาพรหมา ได้บรรพชาเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2455 ขณะอายุได้ 15 ปี ณ วัดป่าเหียง ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

    โดยมีครูบาแก้ว ขัตติโย (ครูบาขัตติยะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2461 ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดป่าเหียง โดยมีครูบาขัตติยะเป็นพระอุปัชฌาย์

    ออกธุดงค์
    เมื่อครูบาพรหมาอายุได้ 24 ปี บวชได้ 4 พรรษา ท่านได้ออกธุดงค์ โดยครั้งแรกไปจำพรรษา ณ ดอยน้อย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

    หลังจากนั้นท่านได้ธุดงค์ไปในสถานที่ด่างๆ ทั่วภาคเหนือ และประเทศพม่า และได้จำพรรษาในเขตพม่าเป็นเวาถึง 5 ปี ท่านได้จาริกธุดงค์ถึง 20 พรรษา โดยถือธุดงควัตร อยู่ป่าเป็นวัตร ออกบิณฑบาตเป็นกิจวัตร ฉันภัตตาหารมื้อเดียว นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ท่านเพียรพยายามอดทนด้วยวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดที่สุด

    ภายหลังจากธุดงค์เป็นเวลานาน ท่านจึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดหนองเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นเวลา 4 พรรษา หลังจากนั้นได้มาจำพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า 1 พรรษา อยู่วัดม่อนมะหิน 2 พรรษา ก่อนจะย้ายกลับไปจำพรรษาอยู่วัดป่าหนองเจดีย์อีก 2 พรรษา ถึงแม้ว่าในช่วงปัจฉิมวัยครูบาพรหมาจะได้จำพรรษาเป็นประจำ ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้าแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ทิ้งธุดงควัตร หากโอกาสเหมาะท่านก็จะพาพระเณรออกธุดงค์เป็นประจำ

    บูรณะวัดพระพุทธบาทตากผ้า
    ในปี พ.ศ. 2491 ครูบาพรหมาได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า และได้จำพรรษาอยู่วัดนี้เรื่อยมาจนมรณภาพ ท่านได้เป็นประธานอำนวยการบูรณะวัดพระพุทธบาทตากผ้า เช่น ต่อเติมยอดมณฑปวิหารครอบรอยพระพุทธบาทที่ครูบาศรีวิชัยได้มาบูรณะไว้

    สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ศาลาพระปริยัติธรรม นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม “พรหมจักรสังวร กิตติขจรประชาสรรค์” และเป็นประธานในการบูรณะวัดพระนอนม่อนช้าง วัดป่าหนองเจดีย์ วัดม่อนมะหิน วัดบ้านหวาย และวัดช้างค้ำ เป็นต้น

    หนังสือธรรมะ
    ครูบาพรหมาได้เผยแพร่ธรรมะ แสดงพระธรรมเทศนา และเขียนหนังสือธรรม และสุภาษิตคำสอนหลายเล่ม อาทิ หนังสือคำถามคำตอบ เรื่องหนานตั๋นกับหนานปัญญา หนังสือสุภาษิตคำสอน หนังสือทน ศีล ภาวนา หนังสือคำถามคำตอบ เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา หนังสืออภิณหปัจเวกขณ์ หนังสือเขมสรณาคมน์ เป็นต้น

    สมณศักดิ์
    เนื่องจากครูบาพรหมาได้ประกบคุณงามความดีแก่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเผยแพร่ธรรมะแก่ศรัทธาสาธุชน เป็นผู้มีวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัด มีปฏิปทาอันงดงาม จนเป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูพรหมจักรสังวร

    ฝ่ายอรัญวาสี ปี 2500 ต่อมาจึงได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระสุพรหมยานเถร ในปี พ.ศ. 2519

    มรณภาพ
    ครูบาพรหมาได้บำเพ็ญสมณธรรมจนย่างเข้าสู่วัยชรา และได้เกิดอาการอาพาธ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนที่ท่านจะละสังขาร ท่านได้ตื่นจากการจำวัดแต่เช้า และปฏิบัติธรรมตามกิจวัตร เมื่อถึงเวลาท่านลุกนั่งสมาธิ และได้ดับขันธ์ (มรณภาพ) ในท่านั่งสมาธิภาวนาในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2527 คณะศิษยานุศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 ภายหลังจากพระราชทานเพลิงศพแล้ว อัฐิของท่านได้แปรเป็นพระธาตุมีวรรณะสีต่างๆ ซึ่งสร้างความปิติโสมนัสแก่บรรดาศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...