สวด ภาวนา ในชีวิตประจำวัน ฉบับมนุษย์เงินเดือน

ในชีวิตของลูกหลานพรหมปัญโญหลายท่านต้องหัวหมุนกับธุระหน้าที่การงานทางโลก แต่เราก็สามารถนำคำสอนหลวงตาม้าไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ เพียงแค่เราตั้งสัจจะอธิษฐานว่าเราจะสวดมนต์กี่ครั้งต่อวัน
เราคงเคยเห็นเพื่อนศาสนาอื่นที่มีวัตรปฏิบัติอันน่าช่ืนชมเกี่ยวกับการสวดมนต์ ซึ่งชาวพุทธน่าจะลองนำมาเป็นแบบอย่างบ้าง เพราะเขาจะสวดมนต์กันวันละหลายครั้งเพื่อให้จิตอยู่กับพระเจ้า
ลูกหลานพรหมปัญโญที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือไม่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ตาม แต่อาจไม่มีเวลาสวดพร้อมกับวัดถ้ำเมืองนะ จะลองตั้งสัจจะอธิษฐานสวดมนต์วันละ 6 ครั้งแบบนี้ดูก็ได้นะครับ
สวดครั้งที่ 1. ตอนตื่นนอน จะลุกขึ้นพนมมือสวดทันที หรือจะสวดขณะทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ แปรงฟันโดยสวดในใจก็ได้
สวดครั้งที่ 2. ตอนสายขณะขับรถหรือนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้าไปทำงาน หรือเมื่อถึงที่ทำงานแล้วก็สวดก่อนทำงาน หรือบางคนเดินไปชงกาแฟก็สวดในใจได้
สวดครั้งที่ 3. ตอนหลังทานอาหารมื้อกลางวันเสร็จแล้ว หาที่เงียบ ๆ นั่งสวด
สวดครั้งที่ 4.ตอนเย็นก่อนกลับบ้าน หรือขณะกลับบ้าน ขับรถ นั่งรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า
สวดครั้งที่ 5. ตอน 20.30 สวดพร้อมกับหลวงตาม้า บางคนอาจสวดไม่ไหวเพราะดึกเกินไปพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าก็อาจอนุโลมเป็น 19.30 ก็ได้
สวดครั้งที่ 6. ตอนนอน สวดไปเรื่อย ๆ จนหลับ (ผมเองตั้งใจจะสวดกี่จบก็ไม่ครบทุกที เพราะหลับก่อน)
ในการสวดแต่ละครั้งจะสวดจักรพรรดิกี่รอบ จะสัพเพกี่รอบ ก็ควรอธิษฐานไว้ด้วยแล้วทำให้ได้ตามที่อธิษฐานไว้ เช่น จักรพรรดิ 5 รอบ สัพเพ 3 รอบต่อครั้ง เป็นต้น
ส่วนวิธีการสวดก็ไม่จำเป็นต้องนั่งพนมมือ (เดี๋ยวเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานจะตกใจ) อาจกำพระไว้ในมือ จะหลับตาหรือลืมตาก็ได้ หรือจะหยิบภาพหลวงปู่ที่พกไว้ในกระเป๋าสตางค์มานั่งมองไปด้วยก็ได้ หรือจะติดภาพหลวงปู่ไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือจะเป็นหน้า desktop คอมพิวเตอร์ก็ได้
จริงอยู่การสวดมนต์ทุกลมหายใจเป็นเรื่องดีมาก แต่ทำได้ยากสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะเขาจ้างเรามาทำงาน เวลาทำงานสมองเราก็ต้องคิดเรื่องงาน แต่การที่เราอธิษฐานจิตสวดมนต์เป็นเวลาแน่นอนแบบนี้จะทำให้เราไม่ลืมภาพหลวงปู่ จิตเราก็จะอยู่ในบทสวด จะเบาสบายตลอดทั้งวัน ความทุกข์ในใจจะลดน้อยลงมาก ๆ
เห็นไหมครับว่าคำสอนหลวงตาม้าทำง่าย ๆ ใช้ประโยชน์ได้จริง และไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย ลองนำไปใช้ดูนะครับ ผมขออนุโมทนาสาธุล่วงหน้าครับ.


เครดิต

 

ช่วงพักทานอาหาร เดินไปมา กำหนดให้เห็นหลวงปู่ หรือองค์พระท่านเดินซ้อนกับตัวเรา
เสียงสวดมนต์สวดข้างใน ( จะข้ามถนนดูดวยนะ อย่าสวดจนเดินให้รถชน *-* )


ช่วงพักสายตา หรือ เบรคงานเป็นระยะๆ ไม่เสียเวลาไปคุยไร้สาระนินทาเพื่อนร่วมงานหรือเรื่องทางโลก เราก็นั่งหลับตา ในอิริยาบถสบาย เอนพนัก คนอื่นคิดว่าเราพักสายตาธรรมดา แต่ใจเราสวดตลอดพร้อมกำหนดพระในกาย

ทำจนชิน

ใจจะเบา เพราะ ไม่สนว่าใครจะมาชม มาด่า มานินทา มาฯลฯ
งานโลกก็ไม่เสีย งานธรรมภายในก็เจริญ

 

เพื่อนเค้าถามว่า ขนาดหลับ ทำไมยิ้ม แหม กาย(รูป )ก็เป็นไปตามธรรมชาติ ตามอาการของใจ( นาม )

 

.....วันแห่งการสวดมนต์.......

"วันแห่งการสวดมนต์"
บทความนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ "ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ (The miracle of being awake)" ของท่านติช นัท ฮัน เรื่องการกำหนดให้มีวันแห่งการภาวนา
ลูกหลานพรหมปัญโญที่เป็นฆราวาสและต้องทำงานทางโลกเพื่อหาเลี้ยงชีพไปด้วยก็ควรตั้งสัจจะอธิษฐานให้มี "วันแห่งการสวดมนต์" ด้วยเช่นกัน คือกำหนดให้มีวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์เป็นวันแห่งการสวดมนต์ทั้งวัน เช่น วันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด
โดยเราจะจัดการภารกิจต่าง ๆ เช่นทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าให้แล้วเสร็จตั้งแต่วันเสาร์ และตั้งสัจจะอธิษฐานกำหนดให้ตั้งแต่เวลา 5.00 น. ของวันอาทิตย์เป็นเวลาเริ่มสวดมนต์ เราจะเข้าห้องพระปิดไฟ สวดคาถาพระมหาจักรพรรดิไปเรื่อย ๆ และจะทานอาหารแค่มื้อเดียวคือมื้อเช้าเพียงนม 1 กล่องกับกล้วย 1-2 ลูก โดยจะไม่ออกจากห้องพระเลยยกเว้นขับถ่าย (ซึ่งก็ต้องสวดมนต์ไปด้วย) จะสวดจนถึงเวลา 20.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกหลานพรหมปัญโญจะสวดพร้อมกันทั่วโลกจนจบแล้วกลับเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเตรียมพร้อมรับภารกิจในสัปดาห์ต่อไป
การกำหนดให้มี "วันแห่งการสวดมนต์" ทำให้มี 1 วันในสัปดาห์เป็นการฝึกใจเราให้ห่างจากโลก ทำให้เราหันกลับมามองกายและใจเรามากขึ้น เราจะเห็นอาการของกายและใจที่มันดิ้นรน กระวนกระวาย หิว ง่วง สงบ เบา สบาย เพลิน ขี้เกียจ สลับกันไปมา

จุดสำคัญคือการสวดมนต์จนใจสบาย แล้วให้เราบันทึกจดจำสภาวะจิตดังกล่าวเพื่อนำไปใช้เจริญสติระลึกถึงในชีวิตประจำวันต่อไป
ลองเปลี่ยนวันหยุดของคุณให้เป็นวันที่มีค่า แทนที่จะท่องเที่ยวเพลิดเพลินภายนอกมาเป็นท่องเที่ยวเพลิดเพลินภายในจิตใจของตัวเราเองบ้างนะครับ.






เครดิต
https://www.facebook.com/profile.php?id=100010893124790

 

หลวงตาสอนว่า "ไม่มีใครรักเราจริง เท่ากับเรารักตัวเอง" ดังนั้นหากท่านรักตัวเองก็ขอให้ตั้งใจจริง นี่แหละถึงจะเรียกได้เต็มปากว่า รัก แท้แน่นอน


สัจจะธรรมของชิวิต คือ "หากไม่รักตัวเองก่อนแล้ว ถึงแม้เราจะมีคนรักมากมาย ก็ไม่อาจจะทำให้ชิวิตท่านมีความสุขได้ "

นี่คือจุดสำคัญ ที่ท่านควรพิจารณาทุกวัน สำหรับผู้ที่มีความรัก และความสุขดีอยู่แล้ว ขอให้มั่นคงในความรักและความปรารถนาดี กับผู้ที่ให้ความรักต่อเรา ความรักอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่มาแต่คำพูด หรือ แค่คิด แต่ความรักคือการกระทำให้คนที่เรารัก มีความสุข โดยเราจะมีความสุขที่เราได้กระทำ เพื่อคนที่เรารัก


สุดท้ายนี้ข้อสำคัญที่สุดคือการหมั่นดูจิต รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองอยู่เสมอ เพราะการคิดถึงสิ่งไม่ดีในอดีตนั้น จะมีแต่ทำให้จิตเราเศร้าหมอง และกระแสแห่งบุญก็จะไม่เข้า หลักการทำอารมณ์ให้ดีนั้นที่สำคัญเราไม่ต้องไปเอาฤกษ์ยามอันใดเป็นหลักในการทำจิตเราให้สบายแต่อย่างใดเลย ดังคำของหลวงตาม้าที่ท่านกล่าวให้เหล่าศิษย์ฟังว่า "คนเราชอบพูดกันว่าวันที่ เท่านั้นๆ เป็นวันดี แต่หลวงตาว่า หากวันไหนเราอารมณ์ดี วันนั้นคือวันดี และดีทุกวัน"







https://www.facebook.com/SthanThrrm...286109108244/1112905118779669/?type=3&theater

 

ตั้งสัจจะ-อธิษฐานก่อนออกจากบ้าน

ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะ-อธิษฐาน

ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าวันนี้ มีสติในกายในใจ มองเห็นความจริงอันเป็นกุศล
ว่าร่างกายนี้ และอารมณ์เครื่องปรุงแต่งใจเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยึดมั่นถือมั่นจน
ใจตกต่ำ
มีสติสัมปชัญญะระลึกได้ไวในธรรมอันเป็นกุศล

พระรัตนตรัย คือสรณะอันสูงสุด

ขอให้กาย วาจา ใจ ที่จะดำเนินไปในชีวิตประจำวันวันนี้
เป็นเครื่องก่อบุญก่อกุศล ที่จะเป็นมรรค เป็นผล นำไปสู่ความพ้นทุกข์

ไปในสถานที่ใด ก็มีประโยชน์ต่อตน ต่อทุกภพภูมิ ตามกำลัง

ฯลฯ

 

ทุกดวงใจ นับแสน นับล้าน และหลายล้านชีวิตรวมกัน
เกิดเป็นกำลังใหญ่ เพราะ ทุกรูปนามจะเป็นกลไกให้กำลัง่จักรพรรดิ ไตรสรณคมน์และกำลังความดีงาม
ทั้งปวงที่ยังมีในโลก ได้ผ่านมายังเป้าหมาย คือ แผ่่นดินสยาม แห่ง่นี้

เชิญสวดพร้อมกัน ทั่วโลก ณ เวลา 20.30น. (ประเทศไทย )

ถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต ทั่วโลกพร้อมกัน ทุกวัน



คลิกฟังการถ่ายทอดเวลา 20.30น. ตอบปัญหา 19.20 น

วัดถ้ำเมืองนะ (วัดพุทธพรหมปัญโญ) : สมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ทวด, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, หลวงตาม้

 

ขั้นตอนการบวชใน อย่างละเอียด

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/q4N0S5hYD9w?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ในชีวิตประจำวัน ที่ใช้จริง

อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ทำงานที่ต้องใช้ความคิด

เราไม่มีเวลามาสวดหรือตั้งท่าอะไรมาก

ก็สามารถ กำหนดภาพพระหรือครูอาจารย์ที่เราเชื่อมั่นหรือสัมผัสได้ว่า
มีกระแสพลังมาก ที่ใช้ได้ทันทีเพียงกระดิกจิต ดึงจิตกลับจากโลกได้ไว้


่ตั้งสัจจะอธิษฐาน ไว้ว่า ( ่ตัวอย่าง )

ขอให้จิต ใจ กายทิพย์ กายธรรมของข้าพเจ้า ระลึกและเชื่อมต่อกับกำลังพระ
ได้ตลอดเวลา และสามารถแผ่กำลังพระ กำลังบุญกุศลได้อัตโนมัติ

หากอกุศลเข้าสิงจิต หรือจิตติดในโลกธรรม ให้มีสติสัมปชัญญะกำหนดรู้ได้เร็ว สลัดออกเร็ว ฯลฯ




ให้หมั่นตั้งสัจจะ-อธิษฐาน ไว้สั้นๆง่ายๆ ก่อน
เมื่อทำได้ จะมีกำลังใจขึ้นมาก ในการก้าวต่อไป

 

อย่างน้อยก่อนนอน อธิษฐานรวมกำลังบุญกุศล ในอดีตมาจนถึงขณะนี้

วันๆหนึ่ง

เราเผชิญโลกทางอายตนะทั้งหก

มีเผลอทำบาปอกุศลด้วย กาย วาจา และ ใจ


ต้องอธิษฐานรวมกำลังบุญกุศล ที่ทำมาจนถึงปัจจุบัน

เพื่อเป็นกำลังหนุนให้ทำดี สร้างบารมีต่อไปได้

คล้ายนักธุรกิจ ที่ต้องคิดบัญชี ปิดบัญชี กำไร-ขาดทุน ในแต่ละวัน



โดย

ขออาราธนากำลัง บารมี หลวงปู่ดู่เป็นต้น (หรือพระโพธิสัตว์ ครูอาจารย์ที่แต่ละท่านศรัทธา) ช่วยรวมกำลังบุญที่ตนได้ทำมา

และให้ท่านเหล่านั้นเป็นพยาน ช่วยนำทาง ช่วยดูแล ในที่ลับต่อไป

 

หลวงตาม้า...ท่านเคยแนะนำใช้อธิฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค
เพียงหาซื้อขวดน้ำเปล่าหรือถังน้ำที่บ้านก็ได้ครับ ส่วนผมจะใช้โอ่งมังกรแล้วมีพระผงจักรพรรดิใส่น้ำในโอ่งมังกร พร้อมพระผงของดีต่างๆ ใช้หล่อพระและแบ่งดื่มกินทุกวัน อาบน้ำมนต์ทุกวัน
*********************
หลวงตาม้าท่านได้กล่าวไว้ว่า...ให้นำพระผงกรรมฐานเลี่ยม
ก็ได้หรือไม่เลี่ยมก็ได้มากำสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดิ 7 จบ แล้วอธิษฐานว่า "ขออาราธนาเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ บารมีรวมพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ พระธรรมบารมีรวมพระอริยะสงฆ์ตั้งแต่อดีตปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ดู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวลแผ่มายังน้ำบริสุทธิให้มี(พุทธานุภาพ,ธรรมานุภาพ,สังฆานุภาพ,มหิทธานุภาพ) เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้งสี่ และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ดู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิด"
********************
เสร็จแล้วจึงค่อยๆ จุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ จากนั้นจึงกล่าวคำอัญเชิญพระเข้าตัว คือ สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง
พันธามิ สัพพะโส (สัพเพ 3-5 จบ)
********************
อันดับต่อไปให้อธิฐาน (ในสิ่งที่อธิฐานไว้) แล้วสวด
พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ















https://www.facebook.com/profile.php?id=100012336692229

 

ทุกบท ที่ทำให้เรา นึกน้อมศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ในการทำดี ล้วนดี ( เป็นแก่น แกนกลาง ที่ต้องมี )


แต่ออฟชั่น หรือ พลังงานเสริม ในเรื่องต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ประกอบเข้ามาต่างกัน


ดังนั้น พิจารณาดูว่า บทไหน มีออฟชั่นเสริมในสิ่งที่ต้องการเพื่อเกื้อกูลตาม
ประสาผู้ต้องใช้ชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม



...ระยะเวลาในการสวด ต้องถามว่า สวดแล้วใจสบาย เป็นสุข สงบ ได้นานเท่าไร


ให้จับจุดตนเองให้ได้ว่า วางอารมณ์อย่างไร แล้วสวดด้วยใจเป็นสุข

ถ้าทำได้ในเวลาสั้นๆ ก็ค่อยๆเพิ่มเวลา เพิ่มสภาพแวดล้อมในการสวด ให้สามารถสวดได้ในสถานการณฺ์ต่างๆ

แล้วจะมีกำลังใจทำได้ ไม่ทิ้ง ไม่ถอย