เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ใครที่ตามรู้เสียงที่ละเอียดคงที่ไปเรื่อยๆจนสุดทาง...มันจะมีอาการดับไปแปบนึงแล้วมันจะเกิดตัววิปัสสนาญาณหรือตัวปัญญาญาณเกิดขึ้น...ตัวปัญญาญาณนี้มันถูกตัวสัญญาห่อหุ้มไว้อยู่

เมื่อได้ตัววิปัสสนาญาณหรือปัญญาญาณนี้แหละ จะเป็นการรู้ตามจริงฝั่งโลกุตระ

 

ว้าวส์ นั่นนะซิคะ แล้วนั่นคือ "จิต" หรือ "จิตวิญญาณ"

เพราะ "จิต" ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์กล่าวว่า "จิต" "มโน" "วิญญาณ" ที่ว่าเป็นสิ่งเดียวกัน บ้างก็เรียกชื่อต่างกันไป ที่จิตยิ้มเคยนำมาลงว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง นั่นก็คือ รวมแล้ว คือ ขันธ์ต่าง ๆ ที่รวมเป็นสังขารมนุษย์ นั่นเอง

ที่นี้จิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ ที่ผ่านมาจะกล่าวว่า คือ แก่นแท้ที่เป็นอนัตตา

จิตวิญญาณจะมี "จิตหยาบ" เป็นตัวแทน
ที่ทำหน้าที่เป็นแก่นแท้ของมนุษย์ ซึ่งมีคุณสมบัติหลักเฉพาะตัว 4 ประการ

รู้สึกได้
รู้เกิดอารมณ์ได้
รู้จำได้หมายรู้อารมณ์รู้สึกนั้น ๆ ของตนได้
รู้นึกคิดเองได้***

จิตหยาบตัวนี้แหละค่ะ ถ้าเมื่อใดที่เกิดรับรู้ขึ้น แล้วนำสิ่งที่ตนรับรู้นั้นมาปรุงแต่งหรือนำม สร้างเงื่อนไขให้กับจิตตนเอง เกิดอารมณ์รู้สึกนึกคิด แบบใดแบบหนึ่งขึ้นมา ที่เรียกว่า การรับเอา อันหมายถึง รับเอาสิ่งที่รู้มาปรุงแต่งให้เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกของตนเอง

มนุษย์ต้องรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า ตามธรรมชาติของจิตหยาบนั้น ในยามปกติที่มนุษย์มีความสุขสงบที่ในจิต การสั่นสะเทือนมันจะเคลื่อนไหลไปทางอารมณ์รู้สึกของมนุษย์แต่ละคนมันจะเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกเสมอ

ถ้าเมื่อใดที่จิตหยาบเกิดการรับรู้แล้ว มีการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกไปเป็นอื่น กล่าวคือ พอได้รับรู้แล้วจิตเกิดอาการไม่สุขสงบอย่างเดิมอีก อารมณ์รู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นนี้มันก็จะไปทำให้จิตหยาบนั้นหยุดการสั่นสะเทือนตนเองทางด้านบวกแต่เดิมเสีย แล้วมันก็จะสั่นสะเทือนตนเองไปตามอารมณ์รู้สึกใหม่ที่ไม่สุขสงบนั้นแทนทันที

จิตหยาบนี้แหละค่ะ...ที่เป็นตัวหลักในการหมุนธรรมจักร ให้ถูกต้องค่ะ

 

มโน คือ ใจ

วิญญาณ คือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับใจ

ใจมีลักษณะรู้เฉย...

วิญญาณมีลักษณะเกิดขึ้นแปรปรวนแล้วดับไป..((วิญญาณเป็นสังขาร))

 

จิตแบ่งออกเป็น๒ลักษณะ
จิตสังขาร๑
จิตเดิมแท้๑

...จิตสังขารมีลักษณะรู้แล้วยึด

...จิตเดิมแท้มีลักษณะรู้เฉย((จิตเดิมแท้คือใจนั้นแหละอันเดียวกัน))

 

ธรรมะจัดสรร...วันนี้ก็พอสมควร

แบตโทรศัพย์จะหมดแล้วขอพักก่อน

 

นิพพาน คือ อะไร?

นิพาน คือ อย่างไร?

มนุษย์ตายไปสู่นิพพาน หมายความว่าอย่างไร?

จงพิจารณาคำตอบที่เป็นความรู้ใหม่ ต่อไปนี้ให้กระจ่าง แล้วจะรู้ว่าอะไรคืออัตตาอนัตตาบ้าง

ลองพิจารณาดูค่ะ....เป็นความรู้ที่หลายคนอาจอึ้ง!!

นิพพาน คือ สภาวะที่จิตวิญญาณของมนษย์ สามารถนำตนเองหลุดพ้นออกไปจากแรงดึงดูดดาวเคราะห์โลกได้ เมื่อกายสังขารแห่งกรรมดับลงในภพชาตินั้นแล้ว

สภาวะนิพพานที่จิตวิญญาณมนุษย์เข้าถึงได้ จะต้องเกิดจากกรณ๊ที่ตอนเป็นมนุษย์ สามารถทำให้คุณสมบัติทางพลังงานกรรม ไม่ว่าด้านบวกหรือด้านลบ ที่สั่งสมไว้เป็นมวลหยาบ ๆ ในมิติคู่ขนานเกิดการแตกสลายสู่ความเป็นกลางได้ทั้งหมด และในภพชาติปัจจุบันไม่ได้สร้างพลังงานกรรมที่มีคุณสมบัติมวลหยาบ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกในมิติคู่ขนาน ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้ มนุษย์จะต้องดับจิตหยาบที่เต็มไปด้วยกิเลสและการยึดติดตัวตนให้หมด ทำให้มันนิพพานเสียให้ได้ตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น

ความจริงมีอยู่ว่า ถ้ามนุษย์ก่อผลกรรมที่เป็นมวลหยาบ ๆ ทางพลังงานไว้ในมิติคู่ขนานแม้เพียงอณูเล็ก ๆ ก็ตาม เมื่อจบชีวิตลงมวลหยาบ ๆ ของผลกรรมนั้น มันจะตกเป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณของตนทั้งหมด โดยมันจะถูกเหนี่ยวรั้งเข้าไปเกาะติดไว้กับจิตวิญญาณ ทำให้น้ำหนักมวลของจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นเพราะมีมวลมากกว่าเมื่อเริ่มแรกถูกแบ่งภาคมาสู่รูปธรรมมนุษย์ ในภพชาติแรก ซึ่งเป็นระดับที่ไม่มีผลต่อแรงดึงดูดของโลกในจุดของความพอดี เพียงแค่จิตวิญญาณมีมวลเพิ่มขึ้นแม้เพียงนิดเดียว จะไม่อาจหลุดพ้นไปจากอำนาจการเหนี่ยวรั้งของโลกที่กระทำต่อมวลทุกชนิดได้

ถ้าจะหลุดพ้นได้ จิตวิญญาณจะต้องไม่มีภาระด้านมวลที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเท่านั้น

การสร้างผลกรรมทางพลังงานจิต ไม่ว่าพลังงานด้านบวกหรือลบที่มีคุณสมบัติของกิเลสติดเป็นมวลหยาบ ๆ ไว้ด้วย จิตวิญญาณไม่อาจหลุดพ้นออกไปได้ เรียกว่า ยังไม่นิพพาน ต้องย้อนกลับสู่การเกิดในภพชาติต่อไปเพื่อหาทางกำจัดมวลที่เพิ่มขึ้น ด้วยการชดใช้กรรมเดิม โดยการตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้องในเรื่องเดิมเมื่อชาติก่อนอีกครั้ง ถ้าตัดสินใจผิดมันจะยังคงอยู่ต่อไป ถ้าตัดสินใจใหม่ได้ถูกต้อง มวลของพลังงานกรรมนั้นก็จะระเบิดแตกสลายไร้กรรมทันที

เรื่องของรูปธรรมทางจิตวิญญาณที่ไม่เกิดการหลงมิติแห่งจิต จนสร้างตัวตนในมิติคู่ขนานขึ้นมาเองให้เป็นอย่างที่ตนคิดนึก ตามของคุณสมบัติของจิตหยาบที่ถูกถ่ายทอดมาให้ เพราะขาดการชำระจิตหยาบนั้นให้บริสุทธิ์สะอาดก่อนต่าย มันก็เป็นเพียงรูปธรรมที่สมดุลทางพลังงานรูปธรรมหนึ่งซึ่งมีตัวตน ในมิติคู่ขนานที่ตามนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ ถ้าคิดแบบจิตมนุษย์ก็ว่าเป็น อนัตตา เพราะว่าไม่เห็นว่ามี แต่แท้แล้วมันคือ มีอัตตา เพราะเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุลในตัวเองรูปธรรมหนึ่งเช่นกัน ที่มีความสามารถในการ คิดรู้ได้ด้วยตนเอง จากการสั่นสะเทือนของนิวเคลียสตรงใจกลางนั้น และสามารถจะเคลื่อนที่ไปไหน ๆ ก็ได้ตามความคิดอันเกิดจากนิวเคลียสของตนนั้น ไม่ว่าจะหลุดพ้นไปจากจักรวาลได้หรือไม่ก็ตาม

ถ้ากล่าวถึงสภาวะนิพพาน จะหมายถึงการที่จิตวิญญารไร้ภาระมวลหยาบ ๆ อันเกิดแต่กรรม ที่สร้างขึ้นไว้ในมิติคู่ขนานเมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่ จนสามารถนำตนเองกลับรวมตัวกันกับจิตจักรวาลตัวตนภาคแรกของตนแต่เดิมก่อนถูกแบ่งภาคออกมาสู่รูปธรรมมนุษย์ เพื่อสร้างความสมดุลใหม่อีกครั้งเพราะจบบทเรียนโลกแล้ว

ถ้าจิตจักรวาลเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุล มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ คิดรู้ได้เองทุกสรรพสิ่งหรือรู้แจ้งได้ และมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 11 เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมมีมุมไม่เท่ากัน สามารถเคลื่อนที่ไปไหน ๆ ในสนามพลังงานจักรวาลสากลได้อิสระแล้ว การนิพพานของจิตวิญญาณมนุษย์ เพื่อได้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับนิวเคลียสภาคแรกของตนอีกครั้ง จึงไม่ใช่การแตกดับของจิตวิญญาณเยี่ยงการคิดแบบจิตมนุษย์ แต่เป็นการสร้างใหม่เพื่อความสมดุลเพื่อการดำรงคงอยูู่ต่างหาก และย่อมมีอัตตาหรือตัวตนในทางพลังงาน ที่มนุษย์ไม่ล่วงรู้อีกต่างหากด้วย

ถ้านิพาน หมายถึงการแตกดับหรือดับสูญ ก็คือ การแตกดับของกิเลสตัณหาและการดับตัวตนที่จิตหยาบมันเกาะติดอยู่เท่านั้น ขณะที่รูปธรรมของจิตวิญญาณ ไม่ได้แตกดับหรือสลายไปอย่างที่คิดกัน

ถ้าพิจารณาอย่างถ่องแท้กับคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว .....จะรู้ว่าเป็นอย่างไรคะ

 

"จิตวิญญาณ" กับ "จิตหยาบ"
เบื้องต้นที่ผ่านมากล่าวว่าเป็นคนสิ่งกันนะคะ

วงจรปฏิสมุปบาท พระพุทธองค์ก็ตรัสให้ดับลงที่ "วิญญาณ" นะคะ

 

อันนี้คือสภาวะพ้นภพพ้นขันธ์...

ผู้ฝึกจิตดีแล้วจะเห็นว่าการเกิดเป็นทุกข์...จึงไม่ติดในบุญและบาป...ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

ในส่วนนี้ไม่อยากอธิบายมากเพราะมันละเอียดอ่อน...ถ้าอธิบายมากไปคนจะคิดผิดเห็นผิดได้...ทำให้เข้าใจไปอีกทาง

 

อธิบายในส่วนนี้ให้เห็นภาพชัด...

สภาวะนิพพาน คือ ความสว่างที่ครอบโลกธาตุนี้อยู่...โดยความสว่างนั้นกว้างใหญ่ไพศาลหาที่สิ้นสุดไม่ได้

 

Streaming malfunction reveals popular young gamer is actually a 58-year-old Chinese woman

#หนึ่งนารีขี่ม้าขาว

#โป๊ะแตก ฟิวเตอรผิดพลาด
ความแตกนักเกมเ.มอร์สาวที่
แท้ จิกยิ้ม58ปีมะวาน

 

จะเห็นสภาวะนิพพานได้ด้วยการหยุดใจ...ใจหยุดได้เมื่อไหร่ก็เห็นนิพพานเมื่อนั้น..

 

อาการของการหยุดใจ...มันนิ่งมันว่างมันไม่มีขอบเขต...มันสุขเหนือสุข...เป็นบรมสุข

 

จิตสังขารมันสร้างความคิดขึ้นแล้วลากเราไปไม่หยุดหย่อน...เราไปเกาะเกี่ยวอยู่ในความคิดนั้นโดยที่ไม่รู้

ความคิดที่จิตสังขารสร้างขึ้นมีหลายชั้น..ตั้งแต่ความคิดหยาบๆที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้...จนไปถึงความคิดที่ละเอียดที่สุด..ในส่วนนี้ผู้ที่จะเห็นความคิดที่ละเอียดที่สุดได้ก็ด้วยการฝึกจิตเจริญสติ

 

ผู้ที่เข้าถึงฌานสี่ได้ถ้ามีสติคอยสังเกตุอาการตอนจิตถอนออกมาจากฌานในแต่ละขั้น...จะเห็นได้เลยว่ามันเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้..

 

อาการของฌานสี่นั้น...จิตมันจะไปหมุนอยู่ข้างใน...ปัญญามันจะหมุนพิจารณาธรรมอยู่อย่างนั้น...ทั้งจิตและปัญญามันจะทำงานของมันเอง...โดยที่เราไม่ได้กำหนดอะไร

มันเกิดขึ้นเอง...มันเป็นของมันเอง...จริงๆแล้วมันไม่ได้ตัดกิเลสอะไร...เพียงแต่มันรู้แล้วมันวางเท่านั้นเอง..

 

เจ้าของกระทู้ก็อย่าไปรักโลกจนหาทางออกไม่ได้...จักรวาลและโลกมันเจริญแล้วเสื่อมเป็นธรรมดา..

สัตว์โลกเจริญแล้วเสื่อมเป็นธรรมดา...การเกิดในแต่ละภพชาติก็เพียงแต่มาเรียนให้รู้แจ้งโลกก็เท่านั้น...ทำปัญญาตนให้แจ้ง...ทำจิตตนให้สงบ...การรู้แจ้งโลกก็ไม่ยากจนเกินไป

 

เกิดมาเพื่อตาย...เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้น...ก่อนจะตายได้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นหรือยัง..

ความตายเป็นเรื่องธรรมดา...อย่าไปกลัวความตาย...การปฏิบัติแต่ละครั้งก็ถวายความตายเป็นพุทธบูชาไปเลย..ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา...ยอมมอบกายถวายชีวิตไปเลย...

ทำให้ถึงทำให้สุด...บอกตัวเองไว้เสมอว่าอย่างมากแค่ตาย..

 

เจ้าของกระทู้..ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิก็อย่าเสียดายชีวิต..

 

จิตสังขารมันหมุนตามโลกอยู่ตลอดเวลา..

จิตมันหมุนเป็นวัฏจักร..หาสวิตท์แห่งวัฏจักรได้ทุกอย่างก็จบลง..

จิตสังขารมันสร้างเงื่อนปมขึ้นมาเอง...หาจุดเริ่มต้นเงื่อนปมได้..ทั้งหมดก็คลายตัว..

ทุกอย่างมีอวิชชาเป็นปัจจัย...อวิชชาพาให้จิตหมุนไปตามวัฏจักร...หยุดจิตได้วัฏจักรทั้งหลายก็จบลง..

 

คุณสงบเชิญไปสนธนาในห้องนี้ได้เลยครับ มีแต่ผู้ที่สำรวมกาย วาจา ใจ
และมิตรสหาย เก่าของท่านมากมาย
https://palungjit.org/threads/พิมพ์เขียวโลกใบใหม่.682151/