ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ‘ไฟดับครั้งใหญ่’ ในสเปน-โปรตุเกส คาดเกิดจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรุนแรง
    .
    วันที่ 28 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น เกิด “ไฟดับครั้งใหญ่” ทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย ส่งผลให้ประชาชนหลายสิบล้านคนในสเปน และโปรตุเกสไม่มีไฟฟ้าใช้
    .
    นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซของสเปนกล่าวว่า กำลังดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ทั่วประเทศ โดยในตอนนี้สเปนกลับมาใช้ไฟฟ้าได้แล้วราว 50% แต่สถานการณ์ทั่วประเทศยังไม่สมดุล เพราะบางแคว้นมีไฟฟ้ากลับมาแล้วมากถึง 90% แต่บางแห่งไฟฟ้ายังมาไม่ถึง 15%
    .
    ขณะที่ REN ผู้ให้บริการไฟฟ้าของโปรตุเกสกล่าวว่า สาเหตุของไฟดับในครั้งนี้อาจจะมาจาก อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสเปน ที่เรียกว่า “การสั่นของบรรยากาศเหนี่ยวนำ” (Induced Atmospheric Vibration) ส่งผลให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงเกิดการสั่นแบบผิดปรกติ ระบบไฟฟ้าไม่สามารถซิงโครไนซ์ได้ จนเกิดการรบกวนต่อเนื่องในเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันในยุโรป
    .
    ตามข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสเปน (AEMET) พบว่า อุณหภูมิทั่วประเทศอยู่ระหว่าง 15-21 องศาเซลเซียสในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าดับ และเมื่อสิ้นวัน อุณหภูมิสูงสุดได้พุ่งขึ้นอยู่ระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนเมษายน
    .
    ทั้งนี้ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ว่าไฟดับในครั้งนี้ อาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ โดยนายกรัฐมนตรีของสเปนกล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุกันแน่
    .
    เมื่อไม่มีระบบไฟฟ้าจ่ายให้กับเสาสัญญาณ ระบบโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งการโทรและส่งข้อความ เช่นเดียวกับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ รถไฟใต้ดินไม่สามารถให้บริการได้ รถติดยาวเหยียดเพราะไฟจราจรไม่ทำงาน เกิดอุบัติเหตุหลายแห่ง จนทางการต้องประกาศให้หลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ เที่ยวบินมากกว่า 300 ไฟล์ทบินดีเลย์
    .
    ผู้คน 35,000 คนที่ติดอยู่ในรถไฟมากกว่า 100 ขบวน จำเป็นต้องเดินโซเซไปตามอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่มืดสนิท โดยใช้เปิดแฟลชโทรศัพท์ส่องสว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนปลอดภัยในช่วงกลางคืน ขณะที่การแข่งขันเทนนิสรายการ Madrid Open ถูกระงับ
    .
    หลุยส์ มอนเตเนโกร นายกรัฐมนตรีของโปรตุเกสกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของสเปนหลายครั้งแล้ว คาดว่าทั่วประเทศจะกลับมามีไฟฟ้าใช้ภายใน 24 ชั่วโมง
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1178001?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจEnvironment

    https://www.facebook.com/share/p/16De8SRzqc/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    'ส่งออกจีน' วิกฤติหนัก ภาษีทรัมป์ชัตดาวน์โรงงาน แห่ย้ายฐานผลิตมา 'อาเซียน'
    .
    ซีเอ็นบีซีรายงานว่าแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของ “จีน” อย่างชัดเจน ตอนนี้บรรดาโรงงานหลายแห่งต้องตัดสินใจหยุดสายการผลิตชั่วคราวและหันไปแสวงหาตลาดใหม่ เนื่องจากสูญเสียคำสั่งซื้อจากสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจ้างงานภาคการผลิตจีนอีกด้วย
    .
    ตลอดเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สหรัฐได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหลายครั้งจนแตะระดับ 145% ซึ่งรัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ แม้ว่าทรัมป์จะยืนยันล่าสุดเมื่อ 24 เม.ย.ว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนยังคงดำเนินต่อไป แต่ทางฝ่ายจีนกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการเจรจาใดๆ กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
    .
    โรงงานพักการผลิต เสี่ยงปิดกิจการ
    .
    คาเมรอน จอห์นสัน จากบริษัทที่ปรึกษาไทดัลเวฟโซลูชั่นในเซี่ยงไฮ้เผยว่า มีโรงงานหลายแห่งหยุดการผลิตส่วนใหญ่และสั่งให้พนักงานกว่าครึ่งกลับบ้านไปกว่า 2-3 สัปดาห์ โดยโรงงานผลิตของเล่น อุปกรณ์กีฬา และสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกได้รับผลกระทบมากที่สุดในขณะนี้
    .
    แม้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะยังไม่ได้ส่งผลกระทบชัดเจนในวงกว้าง แต่กำลังปรากฏให้เห็นในหลายเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกที่สำคัญของจีน เช่น เมืองอี้อูและตงกวน และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะ “ทวีความรุนแรงมากขึ้น"
    .
    จากการประมาณการของโกลด์แมนแซคส์ พบว่ามีแรงงานในจีนประมาณ 10 ล้านถึง 20 ล้านคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อปีที่แล้ว จำนวนแรงงานอย่างเป็นทางการในเขตเมืองต่างๆ ของจีนอยู่ที่ 473.45 ล้านคน
    .
    แอช มองกา จากไอเม็กซ์ซอร์สซิ่งเซอร์วิส บริษัทบริการจัดหาในกว่างโจวกล่าวว่า ผลกระทบจากการขึ้นภาษี 2 เท่าได้สร้างผลกระทบมากกว่าช่วงการระบาดของโควิด-19 อย่างมาก โดยชี้ว่าการขึ้นภาษีสินค้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ อาจทำให้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์ไม่สามารถรับมือได้และอาจนำไปสู่การปิดกิจการ
    .
    อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/world/1177911?anm==
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/155JQue7htS/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ญี่ปุ่นบ้าดีเดือดขู่ขายพันธบัตรอเมริกาทิ้ง เพื่อต่อรองดีลการค้า!?!?!?!?! กล้าเกินไปรึเปล่า⚠️⚠️⚠️อันตรายมาก (ใครยุมา?) นี่อาจเป็นเส้นที่อเมริกาขีดไว้ว่าห้ามล้ำแต่ซามูไรริตะลุยแหกด่าน!!!
    รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นแถลงเองกับปาก พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เราถือครองไว้ สามารถเป็น "ไพ่" ในการเจรจาได้!!!!! เฮ้ย ไม่มีใครเคยกล้าพูดออกมาจากรูปากนะครับท่าน แม้แต่จีนก็ยังไม่เคยเอ่ยอะไรแบบนี้
    คิดอะไร?
    หรือเชื่อมั่นว่าสถานการณ์นี้ตัวญี่ปุ่นเองมี "แต้มต่อ"

    ยิ่งก็น่าคิดว่า ก่อนนี้ ญี่ปุ่นเพิ่งพลิกเหลี่ยม : บิด position ตัวเอง จากถูกบีบให้ต้องดีล(แบบจำยอม) เปลี่ยนเป็นบท "วันทองสองใจ" มีตัวเลือก
    ที่แล้วมา ญี่ปุ่นเกรงใจอเมริกาอย่างยิ่ง --- ไม่เคยใช้จีนเป็น "ตัวแปร"
    เลี่ยงที่จะใช้จีนมาคานอำนาจ มาถ่วงดุล (อย่างที่ชาติอาเซียนบางชาติก็ใช้)
    ... แม้แต่นิด ญี่ปุ่นก็ไม่ทำ

    ตอนนี้ ต่างออกไป

    กระบวนทัศน์เปลี่ยน --- เพราะดีลมันใหญ่และยาก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    เดิมญี่ปุ่นมี mindset แบบ "หนักนิดเบาหน่อย" ยอมๆ ให้ลูกพี่
    แต่นี่ผลประโยชน์มหาศาล ต้องเอาจีนเข้ามาในกระดาน --- ข้ามีทางอื่นไป!
    ญี่ปุ่นเผยเป็นนัย "ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ที่จะซบจีน"

    ล่าสุด ก็คล้าย "ตัดไม้ข่มนาม" ก่อนเริ่มดีล
    (คิดไม่ถึง! ลูกสมุนกล้า "เกทับ" ลูกพี่)
    ชาติที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามากที่สุดในพิภพ ไม่ใช่จีนนะครับท่าน --- ญี่ปุ่นผงาดขึ้นบัลลังก์เป็นอันดับ 1 เมื่อสัก 5-6 ปีที่แล้ว (เพราะจีนก็เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ; ตัดสินใจถอยลงมาเองด้วย)

    ตัวเลขล่าสุด ญี่ปุ่นถืออยู่ มูลค่า 1.126 ล้านล้านดอลลาร์
    (จีนรองลงมา อยู่ที่ 7.84 แสนล้านดอลลาร์)

    ถ้าญี่ปุ่นกับจีนอยู่ข้างเดียวกัน หมายความว่าอะไร?

    รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นสะบัดกรงเล็บ "ไพ่นี้มีอยู่ในมือ"
    ลวดลายรำแพน "จะใช้หรือไม่ใช้ ก็อีกเรื่อง"
    แหม ยั่วเย้าโลมเล้าทั้งอเมริกา และทั้งจีน

    มองอีกมุม ถ้าไม่ใช่แง่เจรจาทางการค้า หรือว่าภูมิรัฐศาสตร์ geopolitics --- แต่เป็นในแง่สินทรัพย์ลงทุน
    ญี่ปุ่นเคลื่อนไหวกระบวนท่านี้ ไม่ต่างจากหย่อนระเบิด --- อาจทำให้นักลงทุนเทขายพันธบัตรอเมริกาหรือไม่?

    มองมิติไหน ทรัมป์ไม่ปลื้มแน่

    https://www.reuters.com/markets/asi...-talks-finance-minister-kato-says-2025-05-01/
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-could-be-negotiation-card?srnd=homepage-asia
    https://www.facebook.com/share/p/1AEhQA6fHw/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปีนี้ คนจีนจะเที่ยวในบ้านกระฉูด มูลค่าเฉียด $1ล้านล้าน สูงสุดประวัติศาสตร์ (โต19%) แต่เที่ยวนอกบ้านโตแค่3% (ปีก่อน มาไทยสัดส่วน9%)
    พยากรณ์โดย World Travel and Tourism Council
    ปีนี้ปี 2025 คนจีนจะเที่ยวกระหน่ำในบ้านตัวเองมากขึ้น และมูลค่าจะแซงปี 2019 (ก่อนเกิดโควิด) ; ซึ่งเที่ยวนอกบ้านน่ะ แซง 2019 ไปตั้งแต่ปีที่แล้วละ
    เพียงแต่มูลค่าเที่ยวนอกบ้านมันต่ำกว่าในบ้านค่อนข้างไกล
    ปี 2024 คนจีนเที่ยวนอกบ้านมูลค่า 1.40 แสนล้านดอลลาร์ และเที่ยวในบ้าน มูลค่า 8.16 แสนล้านดอลลาร์ --- ก็เห็นว่าเทียบกันไม่ได้ ซึ่งปี 2025 จะยิ่งฉีกกว้างเข้าไปอีก
    นอกบ้านจะโตแค่ 3% ส่วนในบ้านจะโต 19%
    ทำไม ... คนไทยน่าจะพอตอบกันได้แหละครับ ก็เทรนด์มันเปลี่ยน หลังๆ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นเหลือเกิน ส่งเสริมความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ซึ่งไม่ใช่ได้ผลทางการเมืองการปกครอง (ทั้งในระดับภายในประเทศเอง และระหว่างประเทศ สถานะในเวทีโลก) แล้วมันก็เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัวด้วย คือไม่ต้องไปประเทศอื่น ที่นี่ที่เมืองจีนคุณก็เที่ยวไม่หมดแล้ว สารพัดสารพันไม่มีซ้ำ --- หลังๆ รัฐบาลเน้นมาก ยิ่งต้องเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ให้คนในชาติจับจ่ายใช้สอยเพื่อต้านเงินฝืดด้วยแล้ว
    ไหนจะกระแสสงครามการค้า ก็ยิ่งปลุกกระแสชาตินิยมให้สูบฉีด คนก็หันมาเที่ยวในบ้าน เอาเงินเข้ากระเป๋าคนในบ้านตัวเองดีกว่า
    เทรนด์มันก็เปลี่ยนล่ะครับ --- นี่ถือว่ายังดีนะ เที่ยวนอกบ้านโตน้อยมาก แต่ยังโต ไม่ถึงขั้นติดลบ
    https://www.bloomberg.com/news/arti...llion-in-local-travel-boom?srnd=homepage-asia
    https://www.facebook.com/share/p/1FAizdidni/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    เฉือนคมนายแบงก์! "อีลอน มัสก์" บุกสอบ #เฟด ! ข้อหาสร้างตึกแบงก์ชาติแพงเวอร์! ให้รู้บ้างใครเป็นใคร! (ถ้ารีบลดดอก คงไม่สอบมั้ง?)

    เออ เล่นกับใครไม่เล่นแฮะ ต้องเจอ "อีลอน มัสก์" ซะหน่อยยย!!!
    เงียบไปพักหนึ่งนะครับ ให้ทรัมป์ออกโรงอยู่คนเดียว ล่าสุดเขากลับมาแล้วจ้า มาทั้งทีต้องจัดใหญ่!!!!! ชน "เฟด" เลยนะครับ กระทรวงพัฒนาประสิทธิภาพรัฐบาลของ อีลอน มัสก์ จะส่งคนเข้าไปตรวจสอบกรณีรีโนเวทตึกด้วยงบมหาศาลถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทาง อีลอน มัสก์ มองว่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สิ้นเปลืองเกินไป
    น่าสนใจนะครับ ทรัมป์แว้ดๆ เฟดเรื่องลดดอกเบี้ยท่าเดียว (จริงๆ เป้าโจมตีเจาะไปที่ประธานเฟดคนเดียว) --- ต้องให้ อีลอน มัสก์ มา ถึงจะพลิกแพลง มีมุขใหม่น่าสนุกครับ
    ไม่ค่อยเห็นกรณีแบบนี้ในเมืองฝรั่งที่เจริญๆ แล้วเลยนะครับ เพราะปกติเขาบริหารจัดการงบอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีนอกไม่มีใน ไม่มีหมกเม็ด
    ก็ต้องไปดูครับ ว่าบริษัทไหนเป็นผู้รับเหมา เกี่ยวข้องกับ "ซินเคอหยวน" หรือไม่!!!???
    https://www.bloomberg.com/news/arti...mine-federal-reserve-costs?srnd=homepage-asia

    https://www.facebook.com/share/p/16GLSe9TCG/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ไม้เด็ด! “สหรัฐฯ” ขู่เล็งจัดหนักบีบบรรดาประเทศที่เรียงหน้าซื้อน้ำมันรัสเซีย โดนขึ้นภาษี 500% แน่ถ้า “ปูติน” ล้มแผนเจรจาสันติภาพยูเครน
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวในไม่ช้าเตรียมใช้ไม้เด็ดเตรียมคว่ำบาตรรัสเซีย พร้อมข่มขู่จะใช้ยาแรงมาตรการภาษีลงโทษ 500% กับบรรดาประเทศต่างๆที่ซื้อขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย ถ้าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ล้มโต๊ะคุยแผนเจรจาสันติภาพยูเครน
    .
    เดลีเมลของอังกฤษรายงานวานนี้(1 พ.ค)ว่า ลินด์ซีย์ แกรม (Lindsey Graham) สว.แกนนำพรรครีพับลิกันคนดังพันธมิตรของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัดล์ ทรัมป์ ออกมาอ้างว่ามีเสียงในมือมากพอสำหรับกฎหมายของตัวเองที่มีเป้าหมายเพื่อบีบประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ต้องหันมาเจรจาสันติภาพกับเคียฟ
    .
    เป็นข้อเสนอที่ถูกประกาศในวันเดียวกันกับที่ยูเครนและสหรัฐฯได้ลงนามข้อจกลงแร่ธรรมชาติครั้งประวัติศาสตร์
    .
    ภายใต้ข้อเสนอของสว.แกรมนี้จะเห็นอัตราภาษีลงโทษสูง 500% บังคับใช้จากบรรดาประเทศทั้งหลายที่ซื้อเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรวมไปถึงยูเรเนียมจากรัสเซียแต่ส่งสินค้ามาขายที่สหรัฐฯหากว่าปูตินล้มเหลวหาทางมาที่โต๊ะเจรจาสันติภาไม่ได้
    .
    สว.ใกล้ชิดทรัมป์กล่าวว่า “เป้าหมายเพื่อช่วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ” และเสริมต่อว่าเป็นมาตรการรุนแรงบดกระดูก
    .
    พร้อมกันนี้ในความคิดเห็นของ สว.แกรมชี้ว่า เขาคิดว่าทรัมป์เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการทำให้เป้าหมายที่จะทำให้สงครามยูเครนสามารถยุติลงได้อย่างสง่างามและยุติธรรม แต่เขายังอ้างว่า การคว่ำบาตรเหล่านี้ได้สะท้อนมุมมองของสภาสูงสหรัฐฯที่ว่า "พวกเราเห็นผู้ร้ายหลักคือรัสเซีย"
    .
    และเสริมต่อว่า ประธานาธิบดีปูตินจะทำพลาดอย่างมหันต์ในการที่เล่นกับทรัมป์ ดังนั้นกฎหมายนี้จะอยู่ในกล่องเครื่องมืออุปกรณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์
    .
    กฎหมายแกรมภายใต้ชื่อ กฎหมายการคว่ำบาตรรัสเซียปี 2025 จะถูกเสนอก็ต่อเมื่อมอสโกปฎิเสธที่จะเจรจาสันติภาพ ละเมิดข้อตกลงสันติภาพหรือโจมตียูเครนอีกครั้งในอนาคต
    .
    แกรมคาดการณ์ว่า กฎหมายของเขาจะมีผู้สนับสนุนร่วมไม่ต่ำกว่า 67 คนจากสว.ภายในสุดสุปดาห์ เพียงพอที่จะเมินการวีโตจากประธานาธิบดีสหรัฐฯหากว่าทรัมป์ต่อต้านแผน
    .
    สำนักงานของสว.ลินด์ซีย์ แกรมกล่าวว่า ภาษีลงโทษ 500% นี้น่าจะส่งผลกระทบหนักสุดไปที่ประเทศคู่ค้าสำคัญรัสเซียทั้ง จีน อินเดีย และอิหร่าน และอีกทั้งอาจยังมีผลกระทบต่อพันธมิตรยุโรปบางชาติที่ยังคงซื้อสินค้ารัสเซียต่อไป
    .
    ทรัมป์ที่ผ่านมาออกมาเลี่ยงมาตรการลงโทษใดๆต่อรัสเซียถึงแม้ฝั่งมอสโกจะยังคงโจมตียูเครน
    .
    หลังจากรัสเซียได้โจมตีกรุงเคียฟในเดือนที่แล้วและสังหารพลเรือนไป 12 คน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกปากตำหนิมอสโก โดยเรียกการโจมตีว่า “ไม่จำเป็นและเป็นการลงมือที่ผิดเวลา” พร้อมเรียกร้องโดยตรงไปยังปูตินด้วยการประกาศว่า “วลาดิมีร์ หยุด!” แต่ไม่ได้กล่าวต่อไปถึงผลใดๆที่จะตามมา
    https://www.facebook.com/share/p/1BpbAcM8Dt/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ฝรั่งเศสตามรอย “สหรัฐฯ” สั่งคิดภาษีสินค้าราคาประหยัดจาก “จีน” ปิดช่องว่างกัน “TEMU-SHEIN” ทะลักเข้ายุโรป
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ – ฝรั่งเศสประกาศเตรียมเริ่มต้นเก็บภาษีสินค้าราคาประหยัดที่ส่งตรงจากจีนเพื่อแก้ปัญหาสินค้าจีนราคาถูกจากแพลตฟอร์ม TEMU-SHEIN ไหลทะลักเข้ายุโรปตามหลังสหรัฐฯ
    .
    ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี(1 พ.ค)ว่า รัฐมนตรีผู้แทนด้านงบประมาณและการบริหารงบประมาณฝรั่งเศส (Minister delegate for the Budget and Public Accounts) Amelie de Montchalin กล่าวว่า ภาษีสำหรับสินค้าราคาประหยัดที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ปีหน้าจะถูกเก็บเป็นจำนวนแค่ไม่กี่ยูโรต่อหนึ่งแพกเก็จหรือไม่กี่เซนต์ต่อชิ้นเท่านั้น
    .
    การประกาศเกิดขึ้นท่ามความวิตกว่า ภาษีสหรัฐฯที่สั่งเรียกเก็บจากจีนอาจทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ตลาดยุโรป
    .
    นอกเหนือจากการขึ้นภาษีแบบเหวี่ยงแหต่อสินค้านำเข้าจีน ทรัมป์ยังสั่งปิดช่องทางสินค้าราคาประหยัดและจัดการคิดภาษีอัตรา 120% ของสิ่งของที่สูงเกิน 800 ดอลลาร์ที่เข้าสู่สหรัฐฯเริ่มประเดิมตั้งแต่วันศุกร์(2)
    .
    สหภาพยุโรป EU กำลังอยู่ระหว่างหาทางเพื่อปฎิรูปสหภาพศุลกากรของตัวเองภายในปี 2028 เพื่อกำกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ส่งสินค้าราคาประหยัดมายังผู้บริโภคยุโรปแบบปลอดภาษี ซึ่งบรรดาร้านค้าและผู้จัดทำนโยบายทั้งหลายต่างเริ่มวิตกต่อนโยบายสินค้าปลอดภาษีที่คนเหล่านี้ต่างชี้ว่า แพลตฟอร์มชื่อดังของจีนทั้ง Shein และ Temu ต่างตักตวงประโยชน์อย่างไม่สนใจใครด้วยการจำหน่ายสินค้าในราคาที่แทบไม่น่าเชื่อ
    .
    EU มีแผนการยกเลิกมาตรการปลอดภาษีสำหรับสินค้าที่สั่งทางออนไลน์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 150 ปอนด์หรือ 127 ยูโร
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสหกล่าวว่าปารีสต้องการ การก่อตั้งอย่างรวดเร็วในระดับยุโรปของการจัดการเครื่องมือค่าธรรมเนียมสำหรับแต่ละแพกเก็จย่อยที่เดินทางเข้าสู่ยุโรป
    .
    การตั้งค่าธรรมเนียมที่ว่านี่จะต้องได้รับการเห็นชอบโดย EU โดยรวมและจะใช้ทั่วทุกประเทศสมาชิก
    .
    พบว่ามีแพกเก็จย่อยสั่งผ่านระบบอีคอมเมิร์ซร่วม 1.5 พันล้านชิ้นถูกส่งไปยังลูกค้าแดนน้ำหอมทุกปีและราว 800 ล้านชิ้นของทั้งหมดมีมูลค่าสินค้าต่ำกว่า 150 ยูโรหรือ 127 ปอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวที่ได้ย้ำว่า “พวกเราอยู่ในระบบศุลกากรสหภาพดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถทำได้ตามลำพัง”
    .
    ในวันอังคาร(29 เม.ย) สมาพันธ์ผู้ประกอบการรายย่อยและกลางฝรั่งเศสได้ออกมาเรียกร้องภาวะฉุกเฉินในการต่อต่านการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาประหยัดที่หาซื้อทางออนไลน์ เอเอฟพีรายงาน
    https://www.facebook.com/share/p/1AT6WL3XmH/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    บทเรียนเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ต้นกำเนิดการคลังสมัยใหม่
    .
    วิกฤติโลกเขย่าสยาม เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
    .
    เมื่อย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1930 โลกกำลังเผชิญกับ "เศรษฐกิจตกต่ำครั้งยิ่งใหญ่" หรือ Great Depression วิกฤติที่เริ่มจากสหรัฐอเมริกาแพร่กระจายไปทั่วโลก ประเทศไทยในยุคนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรง
    .
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก สถานะการคลังในรัชกาลที่ 7 ประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ นำไปสู่การลดการจ้างงานภาครัฐ สถานการณ์เลวร้ายถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติเศรษฐกิจโลก
    .
    ขณะที่หลายประเทศพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ แต่ไม่สามารถก้าวข้ามวิกฤติได้ สำหรับประเทศไทย วิกฤติเศรษฐกิจกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย
    .
    วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน ได้ร่วมกันปฏิวัติ โดยมีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการปกครองให้มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
    .
    ปฏิรูปภาษี สร้างความเป็นธรรมทางสังคม
    .
    แถลงการณ์คณะราษฎรได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเศรษฐกิจ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่นำโดยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ซึ่งดำรงตำแหน่งทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
    .
    คณะกรรมการราษฎร ผลักดันการแก้ไขโครงสร้างภาษีอากรเพื่อความเป็นธรรมกับสังคม เนื่องจากเดิมภาระภาษีตกอยู่กับเกษตรกรฝ่ายเดียว และเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ราษฎรยิ่งประสบความยากลำบากในการเสียภาษี
    .
    ปี พ.ศ. 2475 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติภาษีใหม่หลายฉบับ ซึ่งกลายเป็นรากฐานของกฎหมายประมวลรัษฎากรในปัจจุบัน
    .
    ต่อมาเมื่อนายปรีดี พนมยงค์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2481-2484) ได้แถลงนโยบายว่า "จะจัดการปรับปรุงภาษีอากรให้ยุติธรรมแก่สังคม" และได้ปรับปรุงระบบภาษีอากรครั้งใหญ่ โดยการออกพระราชบัญญัติประมวลรัษฎากร ประกาศใช้วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482 พร้อมทั้งยกเลิกกฎหมายภาษีอากรที่ล้าสมัย
    .
    สงครามโลกครั้งที่ 2 จุดกำเนิด "ธนาคารแห่งประเทศไทย"
    .
    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2482 เหตุการณ์จากสงครามเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินไทย กระทรวงการคลังเริ่มจัดตั้งสำนักงานธนาคารชาติ ซึ่งนำไปสู่การตราพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485
    .
    ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มประกอบธุรกิจเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2485 โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นผู้ว่าการคนแรก (พ.ศ. 2485-2489) พระองค์ทรงวางระเบียบแบบแผนที่เป็นรากฐานของธนาคารแห่งประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน
    .
    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา เนื่องจากสถานการณ์สงครามและการที่ไทยต้องเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ส่งผลกระทบต่อการเงินของประเทศอย่างรุนแรง การค้าขายกับต่างประเทศหยุดชะงัก ทุนสำรองเงินตราในประเทศอังกฤษและสหรัฐถูกอายัด
    .
    พระราชบัญญัติดังกล่าว ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงเพื่อควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ควบคุม
    .
    อ่านต่อ https://www.bangkokbiznews.com/corporate-moves/business/economic/1178605

    https://www.facebook.com/share/p/19XerCGeDu/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    เปิดวิธีใช้ทักษะลดความขัดแย้งในที่ทำงาน สยบดราม่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงาน
    .
    เรื่องดราม่าในที่ทำงานก็เหมือนกองไฟ ยิ่งมีลมพัดกระพือ (หรือในที่นี้คือ "อารมณ์ร่วม") เข้าไปมากเท่าไหร่ ไฟก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต คนที่ชอบสร้างดราม่ามักจะพูดเกินจริง ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และถ้าเราเผลอมีปฏิกิริยาเกินเหตุโต้ตอบกลับไป ก็เท่ากับเติมเชื้อไฟให้เขาโดยไม่รู้ตัว
    .
    ผลการศึกษาจาก Leadership IQ พบว่า หากวัยทำงานอยู่ในออฟฟิศที่มีดราม่ามากๆ หรือบ่อยๆ มักจะเครียด เบื่องาน และประสิทธิภาพการทำงานลดลง เพราะดราม่าไม่ได้แค่สร้างความรำคาญ แต่ยังบั่นทอนบรรยากาศและคุณภาพงานโดยตรง แพร่พลังลบ ขัดขวางงานสำคัญ ฯลฯ
    .
    แต่ถ้าเรารู้วิธีรับมือให้ถูกจุด ก็สามารถ “เบรกดราม่า” ได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
    .
    มาร์ค เมอร์ฟี (Mark Murphy) นักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times ผู้เชี่ยวชาญงานเขียนด้านความเป็นผู้นำ การจ้างงาน และการมีส่วนร่วมของพนักงาน อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า ดราม่าเติบโตจากอารมณ์ ยิ่งคุณตอบสนองด้วยความตกใจ เห็นใจ หรือโมโห คนสร้างเรื่องก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง “ถูกต้อง” ตามที่เขาคิดไว้
    .
    มนุษย์เราถูกตั้งโปรแกรมมาให้ตอบสนองต่อสิ่งไม่คาดคิดด้วยอารมณ์ เพราะเป็นกลไกเอาตัวรอดตามธรรมชาติ แต่ในโลกการทำงาน มันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์
    .
    ทั้งนี้ วิธีรับมือที่ถูกต้องคือ ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานบุกเข้ามาคุยด้วยเรื่องเวอร์ๆ เขากำลังรอให้คุณมีปฏิกิริยาแบบ “ว้าย จริงเหรอ!?” หรือ “เห้ย..แย่มาก!” คุณอย่าเพิ่งรอให้เขาหรือเธอพูด แต่สิ่งที่ควรทำทันทีคือบอกไปด้วยวลีนี้ว่า “ขอเฉพาะข้อเท็จจริง”
    .
    ตามหลักจิตวิทยาพฤติกรรมอธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า เมื่อคนเริ่มรู้ว่าเล่นใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีคนสนใจ ดราม่าจะค่อยๆ มอดดับลงไปเอง เพราะดราม่าต้องการ “ผู้ชม” ในการส่งพลังโต้ตอบกัน แต่ถ้าไม่มีคนให้พลัง มันก็จบไปเอง
    .
    นอกจากนี้ การโฟกัสที่ข้อเท็จจริงยังช่วยสร้างวัฒนธรรมการแก้ปัญหาแบบมีเหตุผล เมื่อพนักงานเห็นว่าการตัดสินใจต่างๆ ขึ้นอยู่กับข้อมูล ไม่ใช่อารมณ์ พวกเขาจะรู้สึกมั่นใจและกล้าพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1178394?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจWorklife

    https://www.facebook.com/share/p/1AVMpUsgue/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    May 6, 2025 เบาใจได้! "พิชัย"ยันยังไม่เก็บภาษี VAT ธุรกิจรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท แต่เกิน 1.5 ล้านต่อปี กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ชี้ขอทบทวนทั้งระบบ

    นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีแนวคิดการปรับปรุงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะให้ธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี แต่เกิน 1.5 ล้านต่อปีเสีย VAT 1% ว่าในเรื่องนี้ต้องมาดูใหม่ทั้งระบบ

    เมื่อถามว่าจะมีผลกระทบกับธุรกิจรายย่อยในภาวะเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน นายพิชัย โบกมือไม่ตอบคำถาม

    โดยก่อนหน้านี้นายพิชัย ได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่องนี้ว่าเป็นการปรับปรุงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมองว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากหันมาทำธุรกิจ แต่ยื่นแบบรายได้ให้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อไม่ต้องเข้าเกณฑ์จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต ดังนั้น จึงกำลังพิจารณา ว่า ในกรณีที่ธุรกิจที่มีรายได้ 1.5 ล้านบาท/ปีขึ้นไป อาจจะเพิ่มเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทที่ 2 เหมือนในยุโรป อาจขอเก็บแวต 1% ของรายได้ /คาดจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 2 แสนล้านบาท ทำให้บฯ ขาดดุลของรัฐต่ำลง จากปัจจุบันขาดดุล 4.4% ของจีดีพี อาจเหลือแค่ 3.5%

    #พิชัย #VAT #ภาษี #ธุรกิจ #คลัง #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1AYt4ueogQ/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    เงินเฟ้อไทยเม.ย.ติดลบครั้งแรกใน 13 เดือน มีแววจะติดลบอีกเดือนพ.ค.นี้ ตกลงคนไทยกำลัง เจอเงินฝืด หรือเจอศก.ฝืด BTimes
    https://www.facebook.com/share/p/16XYpwmt2D/

    May 6, 2025 ยังไม่เงินฝืด ! พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อไทยเดือน เม.ย. ติดลบ 0.22 % ลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน จากพลังงานที่ปรับลดลง มาตรการลดค่าครองชีพ ราคาผักสดปรับลง

    นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือน เม.ย.68 ติดลบ 0.22 % ลดลงลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ประกอบกับมีการลดลงของราคาผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อน ขณะที่ราคาสินค้าอาหารบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

    “เงินเฟ้อไทยยังไม่ถึงภาวะเงินฝืด โดยดูจากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังสูงอยู่ที่0.98 % ทั้งนี้สนค.กำลังพิจารณาปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั้งปีในเดือนพ.ค.โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงอีก”นายพูนพงษ์ กล่าว

    โดยสาเหตุที่เงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลง 0.22 % ในเม.ย.มาจากหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.45 % จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แป้งทาผิวกาย) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาถูพื้น) และเสื้อผ้า (กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดบุรุษ เสื้อเชิ้ตบุรุษ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล ค่าเช่าบ้าน ค่าทัศนาจรต่างประเทศ และค่าแต่งผมบุรุษและสตรี

    หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.63 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ผักสด (มะนาว ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักชี ผักกาดขาว พริกสด) ไข่ไก่ ส้มเขียวหวาน และไก่ย่าง

    ขณะที่ เงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.98 %เร่งตัวขึ้นจากเดือนมี.ค.68 ที่สูงขึ้น 0.86 %

    #เงินเฟ้อ #เงินเฟ้อพื้นฐาน #ราคาสินค้า #น้ำมัน #พาณิชย์ #BTimes

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152


    Screenshot_2025-05-09-13-10-09-65_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ฝันค้างแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯ สั่งถอย รื้องบกระตุ้นศก.
    .
    นายกรัฐมนตรีแพทองธาร สั่ง "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกฯ และ รมว.คลัง ทบทวนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ หลังงบเหลือเพียง 1.5 แสนล้านบาท ไม่เพียงพอต่อโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมเร่งรับมือนโยบายภาษีจากสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
    .
    คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมหารือมาตรการใหม่ ครอบคลุมด้านงบประมาณ การลงทุน การส่งออก และการขยายฐานภาษี ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังเสนอทางออก เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และการเพิ่มการค้ากับจีนในกรณีที่จีนลดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ
    .
    งบประมาณปี 2569 เผชิญข้อจำกัดหนัก โดยงบลงทุนลดลง 7.3% เหลือเพียง 864,000 ล้านบาท และตั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจเพียง 25,000 ล้านบาท ขณะรายจ่ายชำระหนี้เพิ่มขึ้น การกู้เงินถือเป็นทางเลือกสุดท้าย รัฐบาลหวังมาตรการที่ออกมาเร็วนี้จะช่วยให้ GDP ปี 68 โตมากกว่า 2.1%
    .
    ภาคเอกชนชี้มาตรการแจกเงินมีผลระยะสั้น เสนอแนวทางยั่งยืน เช่น ลดค่าครองชีพ สนับสนุนการท่องเที่ยวและการส่งออก พร้อมขอความร่วมมือธนาคารปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาฯ และส่งเสริมการโรดโชว์ไทยในต่างประเทศ เพื่อดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ
    .
    #เงินหมื่น #ดิจิทัลวอลเล็ต
    FB_IMG_1746771490144.jpg
    https://www.facebook.com/share/1DWuC6e5ja/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    แบกรับไม่ไหว “ร้านอาหาร” แห่ปรับราคาขึ้น เนื้อหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช ถีบต้นทุนทะยาน
    https://www.thansettakij.com/business/627013
    .
    ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งไม่หยุด! ร้านอาหารไทยทั่วประเทศได้รับผลกระทบหนัก หลังราคาเนื้อหมู ไก่ ไข่ และน้ำมันพืชปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ฟู้ดคอร์ท และร้านทั่วไปต้องปรับราคาขายขึ้น 5-10 บาทต่อจาน พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยต่างวอนภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน
    .
    ผู้ประกอบการอย่าง “Siam Steak” และ “ครัวแม่นิด” เผยว่า ต้นทุนเพิ่มสูงจนยากจะควบคุม แม้จะพยายามปรับตัวด้วยการซื้อวัตถุดิบจากแหล่งตรง และบริหารจัดการฟู้ดเวสต์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ขณะที่บางร้านเริ่มขาดทุนหนัก จากที่เคยขายได้วันละหมื่น เหลือเพียง 4,000 บาทต่อวัน
    .
    สถานการณ์นี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะโลกร้อน ปัญหาสงคราม ส่งผลให้วัตถุดิบเกษตรขาดแคลน และต้นทุนขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าอย่างน้ำมันพืชปรับขึ้นถึง 3-4 ครั้งในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือโดยด่วนเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
    .
    เสียงจากภาคธุรกิจชี้ชัดว่า หากรัฐบาลไม่เร่งออกนโยบายควบคุมราคาวัตถุดิบและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของธุรกิจอาหารไทยในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    FB_IMG_1746771661405.jpg

    https://www.facebook.com/share/p/192zJZmD8X/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    วอชิงตันจะเปิดตัวข้อตกลงการค้ากับหลายสิบชาติในเดือนหน้า แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะคงอัตราภาษีพื้นฐาน 10% กับประเทศต่างๆเกือบทั้งหมด จากการเปิดเผยของ ฮาวเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ของอเมริการะหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันพฤหัสบดี(8พ.ค.) อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันเขาส่งสัญญาณว่า บรรดาชาติที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ จะยังต้องเจอกับเพดานภาษีที่สูงกว่า
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโดนัลด์ ทรัมป์ ง่วนอยู่กับการประชุมต่างๆนานาที่วุ่นวายนับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯรายนี้ กำหนดมาตรการรีดภาษีพื้นฐาน 10% กับเกือบทุกประเทศ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ตามด้วยการปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากบรรดาคู่หูหลายสิบชาติในระดับที่แตกต่างกันออกไป ก่อนระงับบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน ในเวลาต่อมา นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังรีดภาษี 25% ยานยนต์, เหล็ก และอลูมีเนียมนำเข้า รวมถึงปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจีน 145%
    .
    "ในเดือนหน้าหรือเดือนถัดๆไป เรากำลังจะมีการเปิดตัวข้อตกลงหลายสิบฉบับ" ลุตนิคให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี และเมื่อถูกถามว่าภาษีพื้นฐาน 10% จะยังคงมีผลบังคับใช้กับทุกประเทศใช้หรือไม่ เขาตอบว่า "ผมคิดว่า มันจะคงอยู่เช่นนั้น"
    .
    อย่างไรก็ตาม ลุตนิค กล่าวต่อไปว่าเพดานภาษีพื้นฐาน 10% จะคงอยู่ในระดับนี้เฉพาะกับชาติต่างๆที่มีการค้าที่สมดุลกับสหรัฐฯเท่านั้น ส่วนประเทศทั้งหลายที่มีตัวเลขเกินดุลการค้ากับอเมริกา จะเจอกับมาตรการรีดภาษีที่สูงกว่านั้น
    .
    "เวลานี้ ถ้าประเทศต่างๆเหล่านั้นต้องการเปิดตลาดของพวกเขา ถ้าพวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการมีการค้าที่ยุติธรรมและสมดุลกับสหรัฐฯ เมื่อนั้นทางที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือ เพดานภาษี 10% มันมีความเป็นไปได้มากที่สุด พวกเขาอาจเจอกับเพดานภาษีที่สูงกว่านั้น ดีที่สุดของพวกเขาก็คือ 10%"
    .
    ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจากทำเนียบขาว ชี้ว่า ไทยมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 45,600 ล้านดอลลาร์ ติดท็อปเท็นชาติที่เกินดุลการค้าอเมริกามากที่สุดในโลก ตัวเลขที่ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯมหาศาลนี้ ถึงขั้นทำให้รัฐบาลทรัมป์จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่ม 15 สกปรก (Dirty 15) ทีเดียว
    .
    รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้คำนิยามกลุ่มประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ มหาศาลว่า คือกลุ่ม 15 สกปรก คือ Dirty 15 โดยอธิบายว่า เป็นเหล่าประเทศที่คิดเป็นสัดส่วน 15% ของชาติคู่ค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับประเทศเหล่านี้เป็นจำนวนมหาศาล โดยประเทศต่างๆในกลุ่มนี้น่าจะมีอยู่ราว 10-15 ชาติ
    .
    ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยรายชื่อของ Dirty 15 ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป เม็กซิโก เวียดนาม ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา อินเดีย ไทย สวิตเซอร์แลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา แอฟริกาใต้
    .
    ขณะเดียวกัน ลุตนิค เปิดเผยด้วยว่าวอชิงตันเล็งเป้าหมายลดความตึงเครียดกับจีน ผ่านการเจรจาทางการค้าที่กำลังมาถึง
    .
    ความคิดเห็นนี้สอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ในวันพฤหัสบดี(8พ.ค.) ส่งเสียงคาดหมายถึงการเจรจาที่เป็นรูปธรรมระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย และบอกว่าจะไม่รู้สึกประหลาดใจเลยหากว่าสามารถบรรลุข้อตกลงหนึ่งๆได้ และทำนายว่ามาตรการลงโทษทางภาษีที่กำหนดเล่นงานจีน 145% น่าจะถูกปรับลดลงมา
    .
    (ที่มา:รอยเตอร์mgronline/)
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9680000043300
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1Fu6XY5UNX/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ทุกชาติต้องรีบศึกษา
    ออกมาแล้ว "ดีลการค้า" แรก ในยุคทรัมป์เทอมสอง หน้าตาเป็นเช่นไร ไส้ในเป็นเยี่ยงไร --- เพื่อเป็น "แนวทาง" และน่าจะเห็น "กรอบ" และ "ขีดจำกัด" ว่าเราจะได้แค่ไหนยังไง
    สรุป ที่ใหญ่ที่สุด ต้องเข้าใจว่า baseline 10% ไม่น่าจะมีชาติไหนหนีพ้น "เด็ดขาด"
    อังกฤษ ชาติแรกที่บรรลุข้อตกลงการค้า สรุปว่า ต้องโดนกำแพงภาษี 10% เป็นอย่างน้อย
    ***เท่ากับว่า เรา ("เรา" ในที่คือชาวโลกทุกชาติ) อนุมานได้ว่า อย่างน้อยที่สุด ต้องมี 10% ที่โดนแน่ เป็นขั้นต่ำ --- ทำใจเลย
    แล้วที่น่าตลก คือ ก่อนหน้านี้ (2 เม.ย.) ที่ทรัมป์ประกาศ reciprocal tariff "ภาษีคืนสนอง" นั้น --- อังกฤษโดน 10% ( = baseline ) คือโดนน้อยที่สุดแล้วนั่นเอง
    เจรจายังไง
    จาก 10% เหลือ 10%
    เท่ากับอังกฤษชนะ นายกฯ อังกฤษหัวเราะร่า ... เออ
    ***นี่เป็นจุดที่เราต้องสังเกตนะครับท่าน
    ที่อังกฤษเจรจาง่ายและเร็วกว่าเพื่อน เพราะจาก 10% เหลือ 10%
    แล้วอังกฤษได้อะไร?
    ทรัมป์บอกว่า "ไม่ต้องห่วงน่า เจมส์ บอนด์"
    James Bond has nothing to worry about
    ที่ได้ลด คือ กำแพงภาษีใหญ่ ที่โดนทุกชาติแบบไม่เฉพาะเจาะจง
    ได้แก่ ภาษีรถยนต์ 25% / ภาษีเหล็กกล้าและอลูมิเนียม 25%
    นี่ต่อรองสำเร็จ
    อเมริกา ลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหราชอาณาจักร เหลือ 10%
    (โควตา 1 แสนคัน ; ซึ่งก็คือแทบทั้งหมดแหละ --- เกินกว่านั้น โดน 25% ตามเดิม)
    อเมริกา ลดภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจากสหราชอาณาจักร เหลือ 0%
    (ตรงนี้ มีชวนฉงนนิด เพราะตอนนู้นที่ทรัมป์ประกาศ คือ กำแพงภาษีรถยนต์ 25% สำหรับทุกประเทศ --- แต่ล่าสุดนี้ อังกฤษแถลงว่าเดิมคือ 27.5%)
    ดีลอื่นที่ได้มา (ต่างหาก ; ไม่เกี่ยวกับต่อรองภาษีทรัมป์)
    อเมริกา ลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องบินจากสหราชอาณาจักร เหลือ 0%
    แลกกับการที่สายการบินของสหราชอาณาจักร ต้องซื้อเครื่องบิน "โบอิ้ง" ของอเมริกา มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านดอลลาร์
    อเมริกา ลดภาษีนำเข้าเนื้อวัวจากสหราชอาณาจักร เหลือ 0%
    (โควตา 1.3 หมื่นตัน)
    แลกกับการที่สหราชอาณาจักร ต้องซื้อเนื้อวัวอเมริกาเพิ่มขึ้น 250 ล้านดอลลาร์
    สหราชอาณาจักรลดภาษีนำเข้าเอทานอลจากอเมริกา เหลือ 0% และต้องซื้อเอทานอลอเมริกาเพิ่มขึ้น 700 ล้านดอลลาร์
    เป็นต้น
    และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะเจรจาหาดีลกันต่อ
    เช่น อุตสาหกรรมหนังเป็นต้น
    สรุปแล้วเบ็ดเสร็จ เพื่อให้อเมริกาลดกำแพงภาษีลง ล่าสุดอังกฤษยอมตกลงว่าจะนำเข้าสินค้าอเมริกาเพิ่มขึ้น รวมมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์!!!!! หลักๆ คือสินค้าเกษตร
    ภาษีอังกฤษต่ออเมริกา เดิมเฉลี่ยทุกอย่าง ที่ 5.1% --- ตอนนี้ เหลือ 1.8%
    และ และ และ
    ภาษีอเมริกาต่ออังกฤษ (ก่อนนโยบายกำแพงภาษี) เดิมเฉลี่ยทุกอย่าง ที่ 3.4% --- ตอนนี้ 10%
    นี่คือความเสียเปรียบที่ทุกชาติต้องยอม
    ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ "เลือก" เอาอะไรไปเสียเปรียบ
    และขึ้นกับว่าที่เราเสนอนั้น อเมริกา "เลือก" อะไร (หรืออเมริกาจะเป็นฝ่ายเสนอ ซึ่งเราไม่น่าจะ "เลือก" อะไรได้มากนัก)
    ดีล คือ ต้องซื้อสินค้าอเมริกาเพิ่มขึ้นแน่ๆ --- อยู่ที่ว่าเป็นของที่เราก็ต้องการหรือจำเป็นอยู่แล้วรึเปล่า
    ส่วนภาษี ไม่มีทางเลี่ยงอื่นเลย
    ทุกชาติ ย่อมต้องโดนหนักขึ้น (ดีที่สุดที่ดีได้ คือ 10%)
    และทุกชาติ กลับกัน ต้องลดที่เก็บอเมริกาให้น้อยลงค่อนข้างมาก
    ต้องรีบศึกษาและหาทางให้เราเสียเปรียบแต่พอควร
    https://www.reuters.com/world/us/us...ys-comprehensive-agreement-coming-2025-05-08/
    https://assets.publishing.service.g...99b3c1d2a9d/US_UK_EPD_050825_FINAL_rev_v2.pdf
    https://www.reuters.com/world/europe/us-britain-expected-announce-tariff-deal-thursday-2025-05-08/
    https://www.cnbc.com/2025/05/08/trump-uk-trade-deal-tariffs.html
    https://www.bloomberg.com/news/arti...of-frenzied-trade-strategy?srnd=homepage-asia
    https://www.facebook.com/share/p/1DeqcfMpAw/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ทรัมป์ฉลาดเหนือเมฆ จัดละครฉากใหญ่มาก มัดมืออังกฤษเล่น "มวยล้ม" ต้มคนดู
    "อังกฤษมันจะเซ็นทำพรื้อ!?"
    อเมริกา "เกินดุล" อังกฤษ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์!!!!!!!!! (ตัวเลขปีที่แล้ว)
    จะบ้า ...
    ต้องขออธิบายก่อนว่า นโยบาย "ภาษีคืนสนอง" (reciprocal tariff) ของทรัมป์ คือ เพื่อขู่เข็ญประเทศที่อเมริกา "ขาดดุล"
    เกินดุล(ต่อชาติใด) = อเมริกาส่งออก มากกว่า อเมริกานำเข้า
    ขาดดุล(ต่อชาติใด) = อเมริกาส่งออก น้อยกว่า อเมริกานำเข้า
    ทรัมป์จะแก้ขาดดุล
    ดังนั้นกับพวกชาติที่อเมริกาขาดดุล ทรัมป์ต้องทำให้อเมริกานำเข้าลดลง และ ต้องทำให้อเมริกาส่งออกเพิ่มขึ้น
    จึง 1.) ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสุดโหด --- (อเมริกาจะได้นำเข้าลดลง)
    และนอกจากนี้ ข้อ 1.) จะบีบให้ชาติพวกนั้นต้อง . . .
    2.) พยายามทำดีล ด้วยการลดภาษีนำเข้าสินค้าอเมริกาลง --- (อเมริกาจะได้ส่งออกเพิ่มขึ้น)
    และ
    3.) พยายามทำดีล ด้วยการตกลงจะนำเข้าสินค้าอเมริกาเพิ่มขึ้น --- (อเมริกาจะได้ส่งออกเพิ่มขึ้น)
    จะเห็นว่าทั้งสามข้อ ก็คือเล่นกับสมการข้างบนนั่นเอง
    เพื่อให้ อเมริกา "ขาดดุล" กับชาตินั้นน้อยลง
    หรือถ้าให้ดี คือ อเมริกาพลิกเป็น "เกินดุล" กับชาตินั้น
    กลับไปที่คีย์เวิร์ดข้างบนๆ
    {{{ อเมริกา "เกินดุล" อังกฤษ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ }}}
    !?!?!?!?!
    คืออเมริกา "เกินดุล" อังกฤษอยู่แล้วไง
    อังกฤษมีความจำเป็นน้อยยิ่งกว่าน้อย ที่จะต้องเร่งรุดไปทำดีลกับอเมริกา
    ยิ่งกว่านั้น ต่อให้เอาโฟมกับกระดาษมาทำเป็นสมองก็ยังมองออกเลยว่า มันไม่น่าจะสามารถเรียกเป็น "ดีล" จริงๆ ได้เลย
    เดิม ภาษีที่ทรัมป์เล่นงานอังกฤษ คือ 10%
    ใหม่ ภาษีที่ทรัมป์ผ่อนปรนให้อังกฤษ คือ 10%
    "อังกฤษมันจะเซ็นทำพรื้อ!?"
    การผ่อนปรนภาษีนี้ แลกกับการที่อังกฤษจะนำเข้าสินค้าอเมริกาเพิ่มขึ้น 5 พันล้านดอลลาร์
    5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้มาซึ่ง . . . . . จาก 10% เป็น 10%
    ไม่เรียก "มวยล้ม" ต้มคนดู แล้วจะให้เรียกอะไร
    (ทั้งนี้ มันก็มียิบย่อยน่ะแหละ แต่ก็ย่อยแบบยิบมาก แทบเป็นเศษ
    รถยนต์ เหล็กกล้า อลูมิเนียม ฯลฯ ... เพียงเอามาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก)
    ละครบันลือโลกฉากนี้ ทรัมป์ฉลาดล้ำเลิศอย่างยิ่ง
    คนดูมองตาปริบๆ
    https://ustr.gov/countries-regions/europe-middle-east/europe/united-kingdom#
    https://www.facebook.com/share/p/1AK6xwN1Gk/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,146
    ค่าพลัง:
    +97,152
    กำแพงภาษีแล้วไง! --- กลายเป็นจีนส่งออกพุ่งขึ้น
    ยอดส่งออก เม.ย. 2025 ปรากฏว่าเพิ่มขึ้น 8% เพราะส่งไปอาเซียนกับยุโรปแทนจีนก็หาทางไปจนได้ล่ะน่า ... ละดันมาแถวๆ นี้ซะอีก!!!
    ส่งมาอาเซียน กระฉูด 21% และไปยุโรปเด้งขึ้น 8% --- "เกินพอ" ชดเชยที่ส่งไปอเมริกา "ติดลบ" ที่ -21%
    ทำให้หักลบรวมแล้ว +8% (เทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ; year-on-year)
    มูลค่าส่งออกทั้งสิ้น 3.16 แสนล้านดอลลาร์

    กลับกัน ยอดนำเข้าลดลง 0.2% (ก็ทรงๆ น่ะแหละ)
    ซึ่งก็แน่นอนว่า อเมริกาโดนหนักสุด จีนนำเข้าลดลงถึง -14%

    จับนำเข้ามาลบส่งออก ทำให้สุทธิแล้ว จีน "เกินดุล" 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์

    ... คือ ไม่มีอเมริกา จีนก็ยังหาทางไปได้สบายๆ
    แต่ที่น่าหนักอกหนักใจ ก็คือย่านนี้แหละ ที่สินค้าจีนจะไหลบ่ามาถล่มทลาย⚠️⚠️⚠️

    แล้วก็อุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ที่จะจุกอก
    เช่น ล่าสุด Maersk "เมอส์ก" สายเรือขนส่งยักษ์ใหญ่ ก็มาบอกว่าส่งตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างอเมริกา-จีน เดือน เม.ย. 2025 หดลง 30-40% จากผลกระทบของ "สงครามการค้า"
    ซึ่ง Maersk ก็ชี้แจงว่าบริหารจัดการได้ --- ก็สับสล็อตเรือไปวิ่งเส้นอื่นแทน
    ก็อย่างเช่นตามข่าวนี่เป็นต้นไง จีนก็ส่งไปอาเซียน ไปยุโรปแทน
    แต่ แต่ แต่ ก็จะเห็นใช่มะล่ะ ว่าระยะมันสั้นกว่ากันเยอะ ค่าเรือก็ถูกกว่าแยะ
    กระเทือนผลประกอบการมั้ย ... ก็ไม่น่ารอด

    ก็ต้องดิ้นรนกันไป

    ... จนกว่าจีน-อเมริกาจะเจรจาลุล่วง
    ซึ่งก็อาจเร็วๆ นี้ (มั้ง)
    ภาวนาลุ้นเอา

    https://www.bloomberg.com/news/arti...iffs-undercut-us-shipments?srnd=homepage-asia
    https://www.reuters.com/world/china...ectations-imports-narrow-declines-2025-05-09/

    https://www.facebook.com/share/p/1AJHzZWPTU/
     

แชร์หน้านี้

Loading...