แสงสีของดวงจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 19 พฤศจิกายน 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,026
    แสงสีของดวงจิต (aura)
    <!-- Main -->
    [SIZE=-1]
    [​IMG]
    แสงสีของดวงจิต (aura) / อวกาศสีขาว[/SIZE]​
    [SIZE=-1]
    ......วจีบอกสัญชาติ กิริยาบอกนิสัย แต่จะดูสันดานต้องดูที่จิตใจ
    สามัญปุถุชน คิดว่า* เราคิดดีคิดชั่ว ..ไม่มีใครสามารถรู้เห็นได้
    แต่กฎแห่งสัจธรรมชาติ ให้ผลตรงตามความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา
    ที่มีการกระทำทั้ง กาย-วาจา-ใจ โดยดูได้จากแสงแห่งดวงจิต

    .............................................................................แสง อรุณโกศล.........

    ***กายเนื้อคนเราเกิดจากธาตุสี่ ดิน น้ำ ลมไฟ รวมตัวตั้งอยู่โดยมีปราณเป็นพลังชีวิตประสานเชื่อมโยงไว้ ธาตุสี่ประกอบไปด้วยเซลล์เป็นหน่วยย่อย ย่อยลงไปอีกเป็นโมเลกุล-อะตอม ในอะตอมยังมีปรมาณูที่ให้พลังงานไฟฟ้า กายเนื้อมนุษย์จึงเต็มไปด้วยพลังงานไฟฟ้า

    ช่องว่างระหว่างโมเลกุลมีพลังงานไฟฟ้าสถิตไหลเวียน สร้างพลังงานโปร่งใสที่เรียกว่า-รังสี ซ้อนทับกายเนื้อนั้น

    ดวงจิตแผ่พลังออกไปได้รอบทิศ ความคิดมนุษย์เป็นกระแสคลื่นไฟฟ้าในลักษณะคล้ายความถี่คลื่นเสียง กระจายไปในอากาศ เป็นรังสีครอบคลุมล่องลอยอยู่รอบตัว ความคิดดีจะเกื้อกูลตัวเอง ความคิดชั่วจะทำร้ายตัวเราเอง

    อารมณ์ความคิดย่อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดเวลาที่ถูกระทบ

    ทุกๆ คราวที่คลื่นอารมณ์เข้ากระทบ จะเป็นผลต่อการคิดดีคิดชั่ว เมื่อถูกสั่งสมลงไปในดวงจิตมาเป็นเวลายาวนาน จนเป็นจริตนิสัยหรือกมลสันดานกับสิ่งที่ทำอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เกิดกายรังสีภายในที่แสดงอุปนิสัยดั้งเดิม หรือตัวตนแท้อยู่ภายใน อาจเรียกกายทิพย์ที่ห่อหุ้มจิตเดิมอยู่ จะเปล่งแสงแสดงออกมาเป็นสีสัน เป็นสัญลักษณ์แทนค่ากิเลสหรือภูมิธรรมต่างๆ เปลี่ยนแปลงได้ยาก

    ส่วนอารมณ์ความคิดใหม่ๆ ที่ถูกกระทบจะเพิ่งเกิดขึ้นชั่วขณะตามความคิดนั้น ส่วนเป็นหมอกล้อมรอบศีรษะถึงช่วงไหล่ เป็นรังสีที่แผ่ออกมาและจางหายตามช่วงเวลาที่ถูกกระทบ ก่อนเก็บลงสะสมรวมกับของเก่า เปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามอารมณ์

    รังสีจิตจากภายในจะผ่องแผ้วขึ้นหรือมัวหมองมีผลมาจากความคิดในปัจจุบันด้วย ถ้าเป็นผู้ตัดกิเลสลง จะทำให้รังสีภายในยิ่งสว่างไสวตามกำลังมากน้อยของการตัดกิเลสที่ดับลง

    [/SIZE]
    ***...ปรับแต่งและเรียบเรียงจากฝึกเพ่งมองแสงสีของจิต
    ในหนังสือคู่มือฝึกระลึกชาติของ คุณแสง อรุณโกศล

    ก า ร ดู ล า ย มื อ ลายเท้า หรือผูกชะตาดูดวงตกฝากนั้น อาจทายได้แค่วาสนาอนาคตของเจ้าของดวงชะตาชีวิตนั้น แต่จะทายว่าเขาเป็นคนดีชั่วดีร้ายประการใด ไม่อาจเจาะจงชัดเจน แม้แต่การดูโหงวเฮ้งจะมีลักษณะบางอย่างบ่งบอกอุปนิสัยใจคอก็ตาม

    ที่เป็นเช่นนั้น เพราะแผนที่ดวงชะตาต่างๆ เป็นการกำหนดมาจากกรรมในอดีต รูปร่างกายมนุษย์นั้นถูกกำหนดมาโดยกรรมเก่า การดูดวงนั้นควรดูแค่เป็นแนวทางเพื่อรับมือกับกรรมเก่าที่จะส่งผล-ดีกว่ายึดถือจริงจัง บ้างพอมีโชควาสนาก็หลงเพลิดเพลินลืมตัว บ้างโชคร้ายตกต่ำก็โทษดวง แทนที่จะมีสติและคำนึงถึงการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ ซึ่งจะมีผลในอนาคตต่อไป

    การกระทำในปัจจุบันนั้น ที่ศาสนาพุทธให้ความสำคัญใหญ่หลวง เพราะกรรมอดีตเราแก้ไขไม่ได้ แก้ได้เฉพาะปัจจุบันเท่านั้น กรรมปัจจุบันเองก็มีส่วนส่งผลต่ออนาคตอย่างมหาศาล บ้างถึงกับสกัดกั้นกรรมเก่าได้ หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เปรียบกับตะกอนเป็นความชั่ว น้ำเป็นความดี ยิ่งน้ำมากเท่าไหร่ ความขุ่นก็เจือจางลงได้

    ส่วนการเห็นแสงของจิตนั้น เป็นการเห็นที่ก้าวข้ามกายหยาบ รังสีจะแสดงภาวะความคิดจิตใจภายในที่ดีชั่วออกมาเป็นคลื่นแสง ซึ่ง 1.จะแสดงตัวตนแท้ (กายใน) และ 2.อารมณ์ขณะนั้น (รังสีจากกายใน) ทั้งยังแสดงสภาพความสมบูรณแข็งแรงหรือเจ็บป่วยชำรุดของกายหยาบนั้นด้วย

    เราจึงสามารถตรวจสอบความเจ็บป่วยของร่างกายด้วยแสงออร่า และหยั่งรู้อารมณ์ความคิดอีกทั้งนิสัยใจคอรวมถึงไปถึงภูมิธรรมได้ด้วยคลื่นแสงนี้

    การเห็นออร่าจึงไม่เหมือนการมองด้วยตาเปล่า ไม่ถูกฉาบบังด้วยบุคลิกที่น่าเชื่อถือ หรือคำพูดที่หวานหู ใครจะเป็นใหญ่เป็นโต เป็นดาราดัง หรือคนต้อยต่ำ ไม่อาจปิดบังสภาวะของจิตใจภายในได้ สามารถรู้ว่าใครเป็นเทวดาหรือซาตาน เปรียบเหมือนคนมีดวงตาที่สาม

    ความจริงการเห็นออร่า หากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถเห็นอดีตและอนาคตได้ด้วย เพราะออร่านั้นก็คือกายแสงที่ซ้อนทับๆ กันมาในชาติต่างๆ หรือกายละเอียด (กายทิพย์) ที่ห่อหุ้มจิตไปตามกระแสความคิด (กระแสกรรม) เดินทางข้ามมิติและซ่อนตัวอยู่กายใหม่ที่ได้รับในปัจจุบัน อาจถือว่าเป็นรูปขันธ์หนึ่ง แต่ละเอียดกว่ารูปขันธ์ของร่างกายมนุษย์ มีสภาวะเป็นคลื่นแสงหรือที่เราเรียกรังสี

    แม้คนส่วนใหญ่มักจะทึกทักไปเอาตามที่ตัวคิดว่า คนอื่นเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ นั่นก็เพราะจิตยังปรุงแต่งไปตามความคิดความเชื่อของตน ใครทำให้พอใจพูดให้พอใจก็ว่าเขาดี ใครทำให้ไม่พอใจพูดให้ไม่พอใจก็ตัดสินว่าเขาไม่ดี ไปตามอารมณ์ที่อคติชอบชัง และไม่วางใจเป็นกลาง

    แต่หลายคนแม้นไม่สามารถเห็นออร่าด้วยตาเปล่า ก็มีสัมผัสที่หกพอจะสัมผัสได้ตามกำลังของจิตอยู่บ้าง เช่น... รู้สึกสดชื่นหรือห่อเหี่ยวเมื่อเข้าใกล้ใครบางคน รู้สึกว่ามีคนจ้องมองเมื่อเหลียวไปดูก็มีคนจ้องอยู่จริง ชอบหรือเกลียดคนบางคน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก หรือรู้สึกว่าคนที่คุยด้วยไม่จริงใจกับคุณ และภายหลังพบว่าเป็นจริง

    การอยู่ภายใต้ธรรมชาติ หรือฝึกสติทำให้จิตให้มั่นคงไม่ฟุ้งซ่านอคติ หรือคิดในแง่บวก จะช่วยให้จิตใจมีพลังขึ้น ออร่าย่อมสว่างไสวเป็นไปตามจิตนั้น กายแสงนี้ยิ่งสว่างไสวมากเท่าใด ก็แสดงว่ากิเลสลดลงเท่านั้น หากชำระกิเลสหมดลงเมื่อใด จะเหลือแต่จิตที่เป็นประภัสสร


    . . . . . .


    สีของออร่าและความหมาย

    1. สีพื้นฐานของออร่า (กายใน)

    ไปคำนวณได้ที่นี่ http://astrology.dd108.com/?process=aura

    1. สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ
    พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์ สามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำแต่อย่าให้ถึงกับว่า คุณวิ่งไม่เร็ว แต่คุณสร้างโครงการท้าทายความสามารถ โดยฝันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม
    ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด

    2. สีส้ม/แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี
    คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ
    ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ

    3. สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด
    คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่าย ปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว
    ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง

    4. สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค (สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค)
    คุณเป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้
    ข้อเสีย ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

    5. สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง
    คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้าง แต่ยังยิ้มสู้เสมอ แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวย ดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน
    ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย

    6. สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง
    คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว
    ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

    7. สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ
    คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตรลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้
    ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป

    8. สีชมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ
    คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้นรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสำเร็จ อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตา ขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก
    ข้อเสีย มุงานมากเกินไปจนเครียด ควรหางานอดิเรกคลายเครียด

    9. สีทองเหลือง ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์
    คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี
    ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

    11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ
    คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว
    ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ

    22. สีทอง ศักยภาพ : ไม่มีขอบเขตจำกัด
    คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

    2. สีของความคิดและอารมณ์ (รังสีจากกายใน)

    จะมีลักษณะเป็นหมอก มีความไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ จะเห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะ และเหนือบ่า มีสีสันต่างๆ เช่น

    2.1 สีชมพู หมายถึงพลังที่แจ่มใส เต็มไปด้วยความรัก อารมณ์ขัน ถ่อมตนสามารถ ปลอบประโลม ผู้อื่น โรแมนติก ข้อเสียคือมักจะใจคอโลเล

    2.2 สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉง และ มีพลังทางเพศ ถ้าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึงอารมณ์รุนแรง ถ้าเป็นสีแดงสดใสหมายถึงความ ภาคภูมิใจ และทะเยอทะยานในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสีแดงขุ่นเป็นพวกใจคอโหดร้าย

    2.3 สีส้ม / แสด เป็นสีของความกระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข สุขภาพ ที่เต็มไปด้วยพลัง ถ้ามีแสงสีนี้มากเกินไปจะกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง สีนี้ยังเป็นสีที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อด้วย
    สีส้มมัวหม่น หรือ ส้มปนน้ำตาล แสดงถึงปัญญาต่ำ ถ้าสีส้มแดงหมายถึง เย่อหยิ่ง อวดฉลาด

    2.4 สีเหลือง เป็นสีที่มองเห็นง่ายที่สุดในออร่า เป็นสีของความฉลาดความเมตตา มองโลกในแง่ดี รักเพื่อนมนุษย์ นอกจากนั้นยังเป็นสีของภูมิคุ้มกันโรค สีเหลืองอมส้มแสดงถึง ความฉลาด - ปราดเปรื่อง สีเหลืองขุ่นค้นแสดงถึงความอิจฉาริษยา หรือความคลางแคลงใจ

    2.5 สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีความเข้าใจผู้อื่น นอกจากนั้นยังเป็นสีของ ความรัก การเปลี่ยนแปลง การรักษาโรค ความสามารถในการใช้มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล
    ถ้าเป็นสีเขียวสดใสแสดงว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง ใจดี ชอบอิสระ ถ้าเป็นสีเขียวมืดจะเป็นพวกขี้โกง ขี้อิจฉา ถ้าเป็นสีเขียวอมฟ้าเป็นพวกชอบช่วยเหลือผู้อื่นไว้วางใจได้ เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และแสดงถึงความสามารถในการรักษาโรค ถ้าเป็นสีเขียวขี้ม้าเป็นพวกชอบหลอกลวง ต้มตุ๋น ขี้โกง และขี้เหนียว

    2.6 สีน้ำเงิน เป็นสีของความสงบและสัจจะ เป็นสีของการสื่อสาร พลังจิตความฉลาด ความมีอุดมคติ ขยันขันแข็ง ความสำเร็จ สามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง จริงใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น มักจะเป็นพวกสมถะ แต่ใจคอหงุดหงิดง่าย
    สีน้ำเงินขุ่นแสดงว่าทัศนะวิสัยถูกปิดกั้น กลายเป็นคนขี้กังวล และขี้ลืม

    2.7 สีคราม เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต ความฉลาดล้ำลึกความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต

    2.8 สีม่วง เป็นพวกจิตละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสที่ 6 ชอบทางสมาธิ และโน้มเอียงไปทางศาสนา ชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีสีนี้ ผู้ที่มีสีนี้มักจะมีพลังจิตสูง แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับบริเวณท้อง เนื่องจากจักระช่วงบนพัฒนาล้ำหน้าจักระช่วงล่าง

    2.9 สีน้ำตาล เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบๆ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เห็นแก่ตัว ชอบคุยแต่เรื่องตัวเอง เป็นคนน่าเบื่อ สีน้ำตาลยังเป็นสีของจักระเท้า พลังธรณี และอดีตที่ผ่านมา
    ข้อดีของสีนี้คือ เป็นสีของความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบ และอาจหมายถึงความมุ่งมั่นที่จะให้สู่จุดมุ่งหมาย และความสำเร็จ

    2.10 สีดำ หมายถึง การสิ้นสุด ซึ่งในที่นี้หมายถึง การสิ้นสุดของสถานการณ์หนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้สถานการณ์ใหม่เข้ามา อาจหมายถึงการเกิดใหม่ หรือความล่าช้าก็ได้ บางครั้งอาจหมายถึง โรคร้ายแรง หรือโรคเรื้อรัง อิทธิพลมืด บางครั้งอาจหมายถึงการปกป้องตัวเองจากพลังภายนอก หรือคนผู้นั้นอาจจะมีความลับ ถ้าสีดำเกิดปะปนอยู่กับสีอื่นๆ เช่น สีแดง แสดงถึงความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท สีเหลือง แสดงถึงความคิดชั่วร้าย สีเขียวหมายถึง ความคิดหักหลัง อิจฉา

    2.11 สีขาว เป็นสีที่มีความสมดุล และสมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับพวกนักบุญ พระ หรือ ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่ำเสมอ ถ้าปรากฏเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านเข้ามาในแสง อาจหมายถึงข่าวสาร จากมิติอื่นเข้ามา พวกที่เข้าทรงจะมีสีขาวเข้ามาในแสงระหว่างการเข้าทรง
    ผู้ที่มีสีขาวปรากฏอยู่ในออร่า หมายถึง กายแสงได้รับการชำระและฟอกให้บริสุทธิ์ หรืออาจหมายถึง สภาพจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และบริสุทธิ์

    2.12 สีเงิน หมายถึงแรงบันดาลใจ หรือข่าวสารข้อมูลจากโลกวิญญาณ หรือจากมิติอื่น

    2.13 สีทอง เป็นพลังของจักรวาล หรือพลังจากเทพที่เข้ามาช่วยถ่ายโรคออกจากร่างกาย

    2.14 สีเทา เป็นพวกขาดจินตนาการ คร่ำครึ หัวโบราณ ยึดถือความคิดตนเป็นใหญ่ เจ้าระเบียบ
    ถ้าเป็นสีเทามืด ยิ่งมืดทึบมาก ยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่เหี่ยวเฉา สลดหดหู่ คนพวกนี้มักจะว้าเหว่ ถ้ามีจุดมืดสีนี้ในแสงแสดงถึงโรคอวัยวะที่มีปัญหา หรืออิทธิพลมืด
    ถ้ามีจุดสีแดงอยู่ในเงามืดของแสง แสดงถึงความคิดแง่ลบ ได้แก่ ความเกลียด เคียดแค้น หรือ แม้แต่อารมณ์ฆาตกร สีเทาค่อนไปทางสีเงิน แสดงถึงว่าสมองซีกขวาได้รับการกระตุ้นก่อให้เกิด จินตนาการและ สัมผัสที่ 6
    สีที่ไม่ค่อยปรากฏอยู่ด้วยกันคือสีน้ำเงินกับสีแสด ถ้าใครมีสองสีนี้อยู่ด้วยกัน จะเป็นคนที่น่าอิจฉา เพราะสีน้ำเงินเป็นสีของความสงบ และสีแดงเป็นสีของความสุข คุณจะมีแต่ความสงบสุขทางจิตใจ
    <!-- End main-->



    ออร่า บอกโรคภัย
    <!-- Main -->... เมื่อวานไปเดินทำธุระค่ะ อวกาศฯเห็นมีซุ้มมาจัดถ่ายภาพออร่า คิดจะถ่ายดีไม่ถ่ายดี สุดท้ายก็เข้าไปถ่าย รูปที่ได้ออกมา ก็เออ.. หน้าคนหรือผนังตึกกันล่ะเนี่ย - - “ เพราะไม่มีตาหูจมูกปาก นอกจากวงขาวๆ ขอบเหลืองเยลโล่โอค เหมือนที่บวกลบคูณหารตามเทคนิคนี้เลย..

    สีของออร่าและความหมายมี 2 ประเภท
    1. สีพื้นฐานของออร่า(กายใน กายทิพย์ หรือจิต)
    2. สีของความคิดและอารมณ์(รังสีจากกายใน หรืออารมณ์ที่เกิดและเปลี่ยนแปลง คนที่ฝึกจิตมาดีจะรักษาอารมณ์ไว้ได้ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง.. มีความมั่นคงทางจิต..)
    .....วิธีคำนวนดูออร่า

    <center>[​IMG] [​IMG]</center>

    ภาพออร่าของอวกาศฯที่ได้มาไม่รู้จะเอาไปสแกนที่ไหนมาให้ดู เลยเอากล้องจากมือถือถ่ายคร็อปมาให้ดูอีกที

    คนที่อ่านออร่าได้ จะต้องฝึกฝนมาเชี่ยวชาญพอสมควร พอได้ภาพถ่ายออร่ามาแล้ว ก็มีคนมาอ่านออร่าจากภาพที่ได้ ถึงอุปนิสัยใจคอและรวมไปถึงบอกว่ามีโรคภัยไข้เจ็บอะไรบ้าง

    คนที่อ่านออร่า.. เขาว่าอวกาศฯเป็นคนดื้อ ไม่เชื่ออะไรใคร
    เหวออ.. แล้วจะเชื่อดีไหมล่ะ ถ้าเชื่อ ก็ทายไม่ถูกอ่ะเด๊.. สับสนมั่กๆ ต้องไม่เชื่อไว้ก่อน เขาจะได้ทายถูกง่ะ.. ^__^ *

    ส่วนที่ทายถูกก็มี ไม่ถูกก็มี เรื่องโรค ก็นับว่าแม่นใช้ได้ แต่เรื่องนิสัยใจคอน่ะ คงทายอวกาศฯยากหน่อยล่ะ เพราะเป็นคนไม่ค่อยปกติ เหอๆๆ

    พอถามว่าแล้วจะรักษาโรคที่เป็นอยู่ได้ไง เขาตอบว่าก็ต้องไปที่ศูนย์.. ของเขาบ่อยๆ โอ..ไกลแบบนั้นใครจะไป แถมค่าถ่ายภาพก็ 400 เข้าไปแล้ว ไปรักษาจะแพงหรือเปล่าล่ะนั่น..

    ไปดูออร่าของคนอื่นๆ ..
    http://www.powerlifecenter.com/index.php?lay=show&ac=photo_view&event_id=1442
    ตารางกิจกรรมที่ศูนย์พัฒนาพลังชีวิต
    http://www.powerlifecenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=344354

    เรื่องรัศมีกาย หรือรังสีจากคลื่นของร่างกายและจิตนั้น (ออร่า) สามารถบอกสภาวะทางอารมณ์ (อารมณ์ความคิด) รวมไปถึงภาวะของจิตภายใน (สภาพของจิต) บ่งบอกโรคภัยไข้เจ็บ และสามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายได้ (คล้ายกระแสของกรรมปัจจุบันที่จะส่งผลในอนาคตรึเปล่าไม่ทราบ แต่แสงออร่าจะบอกว่าร่ายกายจะเป็นอะไรต่อไป ถ้าเร้นลับหน่อย ก็สามารถบอกวันตายได้ เช่นแสงออร่าของศีรษะหายไป หรือไม่ก็สีทึบทึมหม่นมัว ประมาณเนี๋ยะ.. บรื้ออออ...)

    นับว่าเป็นอีกเทคโลโยหนึ่งที่นำมาใช้ในการรักษาในการแพทย์ทางเลือกด้วย โดยสามารถนำมาช่วยในการรักษาโรคอีกทางหนึ่ง ใครที่สนใจเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ สามารถหาสาเหตุของโรคจากแสงออร่าของตัวเองที่ปรากฏขึ้นมาได้ด้วย

    การแพทย์ทางเลือกคืออะไร ไปอ่านกันค่ะ .. (มีอีกหลายทางเลือกสำหรับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ)
    http://www.balavi.com/index_th.asp
    http://www.dtam.moph.go.th/index1.php

    ก า ร เ ห็ น อ อ ร่ า ด้วยตาเปล่านั้น สามารถฝึกฝนได้ และพระเกจิอาจารย์ของไทยทั้งผู้ปฏิบัติธรรมบางท่านก็สามารถเห็นได้ บางคนมีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่เกิดก็มี บางคนเห็นออร่า เห็นอีกโลกมิติ หากแต่ไม่ได้ฝึกฝนหรือสนใจ ความสามารถ (ด้านสมาธิ) ก็อาจจะหดหายไป หรือหากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกก็จะหายไปได้เช่นกัน

    อันนี้เป็นออร่าของแมว ที่หมดสภาพแล้ว หิ้วไปทิ้งที่ไหน ก็ไม่รู้เรื่องหรอก..

    <center>[​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]</center>

    ส่วนใครไม่ชอบทั้งวิทยาศาสตร์และสิ่งเร้นลับ ขอแนะนำ.. ให้ไปว่ายน้ำ ดีที่ซู๊ด ช่วยได้มากๆ ว่ายน้ำ ฟังดนตรี เต้นลีลาศ แต่ใครจะมีเวลาไปหาความสุขอย่างนั้นได้ล่ะ เศร้าเนอะ..

    บางคนไม่เห็นทั้งออร่า อ่านออร่าไม่เป็น แต่ดูคนออกอย่างกะจับวาง แม่นกว่าพวกอ่านออร่าได้ซะอีก (เพราะไม่รู้อ่านมั่วหรือเปล่า) คนแบบนี้ต้องมีจิตที่นิ่งมากเช่นกัน


    เครดิต....คุณ อวกาศสีขาว.. จันทโรทัย.. WHITESPACE GROUP.LTD
     
  2. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    ไม่เคยเห็นนะครับ.รู้แต่ว่าถ้ารักษาศีลได้ กายข้างนอกจะสดใสผุดผ่อง และยิ่งเจริญสมาธิด้วย.กายข้างในจะเบาสบาย.รู้เห็นเข้าใจเรื่องต่าง ๆได้รวดเร็ว ..เห็นมาแค่นี้เน้อะ.ตอนนี้สิเราเริมหมองอีกแล้ว..อิอิ..สู้กันกิเลส
     

แชร์หน้านี้

Loading...