กินอะไร ไกลมะเร็ง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย phuang, 22 สิงหาคม 2005.

  1. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    <TABLE width=299 align=center bgColor=#ffffcc border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG] กินอะไร ไกลมะเร็ง [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "อโรคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คือประโยคที่คนเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นประจำจะรู้ซึ้งถึงความหมายของมันดี ว่ารู้อย่างนี้ให้หัดป้องกันตัวเอาไว้แต่เนิ่น ๆ จะดีกว่าปล่อยให้โรคร้ายคืบคลายมากวนร่างกายและจิตใจคุณไปจนตาย ทุกวันนี้อัตตราตายด้วยโรคมะเร็งของคนไทยพุ่งขึ้นสูงเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้าโรคหัวใจและอุบัติเหตุแชมป์เก่าไปแล้ว ลอ งทำงานวิจัยเล็ก ๆ ของตัวเองดูซิ เหลียวไปรอบ ๆ ตัวมีใครบ้างที่เรารู้จักเป็นมะเร็งบ้าง ลองนับตัวดูซิว่า คุณมีญาติและคนรู้จักกันเที่เป็นมะเร็งกี่คน

    เคยให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานของผู้เขียนลองนับดูคนรู้จักกันที่เป็นมะเร็ง ก็ปรากฎว่าได้จำนวนถึง 2-8 คนเลยที่เดียว คนที่นับได้ 2 คนเป็นคนเงียบๆ มีคนรู้จักไม่กีคนส่วนคนที่นับได้ 8 คนเป็นคนชอบสังคมมากกว่าจึงรู้จักคน เยอะแยะ

    นอกจากมีคนเป็นมะเร็งกันมากแล้ว อายุของคนที่เป็นมะเร็งก็ยังน้อยลงมาอีกด้วย อย่าคิดว่าคุณเองยังอายุน้อยไม่เป็นมะเร็งหรอก คนแก่ ๆ ต่างหากที่เป็นมะเร็ง ถ้าคุณคิดแบบนี้ละก็ผิดถนัดเลยเพราะที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวีพบว่า มีคนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ที่ป่วยด้วยโรคนี้ คนที่มีอายุน้อยที่สุด คืออายุ 13 ปี เป็นมะเร็งโพรงจมูก (ซึ่งไม่ใช่มะเร็งในเด็ก) รองลงมาคืออายุ 14 ปี เป็นมะเร็งเต้านม อายุ 21 ปี เป็นมะเร็งปอด อายุ 22 ปีเป็นมะเร็งมดลูก อายุ 28 ปีเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ

    ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามผู้ป่วยอายุน้อยที่เป็นมะเร็งเหล่านี้ว่ากินผักผลไม้หรือไม่ เกือบทุกคนจะตอบว่าไม่ชอบกินผักเลย บางคนไม่เคยกินแม้กระทั่งผลไม้ด้วยซ้ำ

    แล้วทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นมะเร็ง คำตอบก็คือเราจะต้องสนใจอาหารการกิน แล้ววิถีชีวิตให้มากขึ้น และที่สำคัญต้องเตรียมตัวตั้งแต่วัยหนุ่มสาวจึงจะป้องกันตัวเองได้

    ในปี 1997 มีการประชุมสถาบันวิจัยมะเร็งเกือบทั่วโลกและได้ข้อสรุปว่า ปัจจัยที่เพิ่มอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งได้แก่ แอลกอฮอล์ อาหารที่เค็มจัด ของหมักดอง เนื้อแดง ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม อาหารไขมันสัตว์ อาหารปิ้ง ย่าง เผา ทอดที่เกรียมจัด น้ำตาล กาแฟ สารเจือปนในอาหาร การสูบบุหรี่ ความอ้วน ความเครียด เป็นต้นเหล่านี้ หากใครไม่อยากเป็นมะเร็งจะต้องเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ส่วนปัจจัยที่สามารถลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็ง ได้แก่ผักสดและผลไม้สด อาหารที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี แร่ธาตุ อาหารประเภทธัญพืชที่ไม่ขัดขาว หรือกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินอี และสารเส้นใย ชาเขียวญี่ปุ่น และการออกกำลังกาย เป็นต้น และเหล่านี้เองที่เราจะต้องขวนขวายกิน ขยันปฏิบัติจึงจะปลอดจากโรคมะเร็ง

    จะว่าไปแล้ว ในแต่ละวันหากจัดอาหารให้กับตัวเองให้มีข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้สดมาก ๆ และหลากหลายเป็นประจำกิจวัตรประจำวันมีการออกกำลังกายและคลายเคลียดก็จะสามารถลดอัดตราเสี่ยงของมะเร็งลงได้หลายชนิดจากการประชุมที่กล่าวมาข้างต้นได้ยกตัวอย่าง เช่น มะเร็งปอดลดลง 20-30 % มะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง 66-75% มะเร็งเต้านมลดลง 33-50% มะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง 66-75% มาะเร็งปากและคอลดลง 33-50% มะเร็งตับลดลง 33-66% เป็นต้น




    <TABLE width=518 align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#339933>
    อาหารต้านมะเร็ง
    </TD></TR><TR><TD height=79>ผัก- ผลไม้
    จากการศึกษาพบว่าสาว ๆ ที่ชอบกินผัก-ผลไม้ และกินอย่างน้อยวันละ 5 ส่วนอาหารความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง จะลดลงมาก ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอค่ะ ก็ในผัก-ผลไม้มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทั้งเบต้าแคโรทีน วิตามินอี วิตามินซี และอีกสารพัดวิตามิน ที่บรรดาคุณหมอบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วยป้องกันมะเร็งได้จริง ๆๆ


    </TD></TR><TR><TD>ใยอาหาร
    คุณ ๆ ขา...ไม่มีอะไรจะเริ่ดและเดิ้นไปมากกว่าใยอาหารอีกแล้วค่ะ เพราะวงการแพทย์คอนเฟิร์มมาว่าใยอาหาร ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ใยอาหารนี่ก็คือส่วนของผัก-ผลไม้หรือธัญพืชที่ไม่ถูกร่างกายย่อยสลาย อาหารที่อยากแนะนำก็คือพวกรำช้าว ซีเรียลกากใยสูง ข้าวโพดคั่ว แครกเกอร์ข้าวไรน์ ขนมปังวีทเจิร์ม ขนมปังเสริมใยอาหาร และถั่วต่าง ๆ
    </TD></TR><TR><TD>ถั่วเหลือง
    ในบรรดาสารพัดถั่ว ถั่วเหลืองขึ้นชื่อเลยค่ะว่าช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้หลายโรค หนึ่งในนั้นก็คือ โรคมะเร็งเต้านม เพราะถั่วเหลืองมีสารฟลาโวนอยด์ สารซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนเพศหญิงที่ช่วยบล็อก การก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ถ้าคุณไม่ชอบกินถั่วเหลือง ลองมองหา เต้าหู้ เต้าฮวย นมถั่วเหลืองดูซิค่ะ หรือจะเป็นเทมเป้ถั่วหมักญี่ปุ่น โปรตีนถั่วเหลือง ก็เข้าทีดีเหมือนกันค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับผักในบ้านเราที่มีสารต้านมะเร็งและน่าสนใจนำมาบริโภคพอจะยกเป็นตัวอย่างได้แก่

    ผักใบเขียวจัด ๆ เช่น ใบยอ ตำลึง ชะพลู ผักกูก ใบบัวบก ฯลฯ

    ผักใบเขียวจัดมากเท่าใดยิ่งมีเบต้าแคโรทีนมากเท่านั้น ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ใช้ตาดูสีผักก็ได้ อะไรที่เขียวกว่าให้เลือกกินอย่างนั้น ผักไทยอย่างใบยอ ใบตำลึง ชะพลู ผักกูด ใบบัวบก อันที่จริงแล้ว มีเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทเสียอีก สำหรับผัก ผลไม้สีเหลือง แดง เช่น ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก ก็มีเบต้าแคโรทีนมากเช่นเดียวกันมีรายงานจากอังกฤษว่า ใครก็ตามที่ไม่กินผักใบเขียวหรือผลไม้สีเหลืองแดง มีระดับเบ้ต้าแคโรทีนในเลือดต่ำเกินไป จะป่วยเป็นมะเร็งอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 20 ปี ดังนั้นหากใครไม่อยากเป็นมะเร็งจะต้องกินผักใบเขียวดังกล่าววันละ 2 จาน ผลไม้วันละ2 จาน และน้ำคั้นจากผลไม้จะ เป็นน้ำส้ม(ซึ่งมีไลโมนีนสูง) น้ำมะเขือเทศ (ซึ่งมีไลโคปีนสูง) ก็มีสารต้านมะเร็งเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ป่วยมะเร็งอายุน้อยที่ยกตัวอย&egrave;างมาข้างต้นไม่กินผัก จึงไม่มีเบต้าแคโรทีนปกป้องเซลล์ร่างกายเขาก็เลยป่วยเป็นมะเร็งภายใน 20 ปี ตรงตามทฤษฎี

    ขมิ้นชัน

    ขมิ้นสีเหลืองแง่งเล็ก ๆ ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของเราอุดมไปด้วยเคอร์คูมิน ฟูมาริค และไบโอฟลาโวนอยด์ ทั้ง 3 ชนิดเป็นสารต้านมะเร็ง มีรายงานว่าหากหนูที่เป็นมะเร็งแล้วให้กินขมิ้นชัน ภูมิต้านทานของมันจะดีขึ้น ก้อนมะเร็งจะลดขนาดลงได้ ยังมีรายงานอีกว่า หนูทดลองที่ให้กินสารก่อมะเร็งและกินขมิ้นชันด้วย ปรากฎว่าหนูกรงนั้นไม่เป็นมะเร็ง เมื่อเทียบกับหนูกรงที่กินแต่สารก่อมะเร็งแต่เพียงอย่างเดียวแล้วเป็นมะเร็.กันยกกรง แสดงว่าขมิ้นชันนอกจากใช้รัก ษามะเร็งให้ก้อนเล็กลงแล้ว ยังสามารถใช้ป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย ต่อมานักวิทยาศาสตร์พบว่า สารต้านมะเร็งในขมิ้นชันไประงับเซลล์ตับของเราไม่ให้ผลิตสารก่อมะเร็งขึ้นมากล่าวคือ ม่สารบางอย่างที่กินเข้าไปแล้วตับของเราเปลี่ยนให้เป็นสารก่อมะเร็ง เช่น ดินประสิวในแหนม ไส้กรอก ฯลฯ เช่น อาหารปิ้ง ย่าง ทอดที่เกรียม ส่วนที่ไหม้เกรียมจะถูกตับของเราเปลี่ยนไป เป็นสารก่อมะเร็ง อยาง ที่คุณ ๆ ก็คงเคยอ่านผ่านตามาแล้วบ้างว่า กินหมูย่างไก่ย่างทะให้เป็นมะเร็งได้นั่นแหละ แต่ความจริงก็คือ สารในขมิ้นชันสามารถหยุดกระบวนการเปลี่ยนสารก่อมะเร็งของตับได้ ดังนั้นการกินขมิ้นชันกัลอะไรที่ทอดย่างจะป้องกันมะเร็งได้ดกว่า จะเห็นว่าคนไทยสมัยก่อนเขาป้องกันลูกหลานของเราจากมะเ็งไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ ปลาทอดขมิ้น เขาล้วนทาขมิ้นเอาไว้ก่อนนำไปย่างทอดเสมอ ดังนั้นหากอยากป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็ง ก็หาเรื่องกินขมิ้นชั้นเป็นอาหารเเท่าที่จะทำได้หรือไม่เช่นนั้นก็กินชมิ้นชันวันละ 2-4 เม็ดเป็นประจำก็น่าจะช่วยได้

    ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด


    เครื่องต้มยำของเราทั้งสามตัวมีสารต้านมะเร็งคือ ACA ซึ่งสามารถป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ดี หากไม่อยากเป็นมะเร็งโดยเฉพาะทั้งสิงชนิดที่กล่าวมา หรือหากคุณมีญาติสายตรงที่เป็นมะเร็งดังกล่าวคุณอาจจะมีอัตราเสี่ยงเป็น มะเร็งกระเพาะอาหารสูงกว่าคนปกติ จึง&curren;วรต้มยำเป็นประจำ จะให้ดีเคี้ยวข่าตะไคร้ ใบมะกรูดเข้าไปด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าแค่น้ำต้มยำจะมีสารต้านมะเร็งมากขนาดไหน รู้แต่ว่าสาร ACAทนไฟ ต้มแล้วไม่ได้หายไปไหน

    สะเดา


    ผักพื้นบ้านของเรานี้เองที่มีสารไลโมนอยด์ และสารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ที่เป็นสารต้านมะเร็งอยู่ ความขมของมันมีประโยชน์ เพราะใช้ได้ทั้งลดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวในยามอากาศเปลี่ยนและสามารถเสริมภูมิต้านทานต้านมะเร็งไปในตัว ว่าง ๆ ก็หาสะเดามากินกับน้ำปลาหวาน แกล้มด้วยปลาดุกย่าง หรือกุ้งเผาก็ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...