ความจริง 50 ประการที่ทำให้เราไม่อาจระรานท้องทะเลไปได้มากกว่านี้!!

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 17 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การประมงขนาดเล็ก ในระดับท้องถิ่นก็จับปลาได้เกือบครึ่งโลก แต่ที่ไม่น่ายินดีก็ตรงที่ใช้แห ตาข่ายผิดวิธีและจับปลากันเกินพอดี (&copy; Friedrich Stark)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ทะเล" คงเป็นสิ่งแรกที่ชัดเจนที่สุดหากมองจากอวกาศมายังโลก
    "ทะเล" คงเป็นแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุด (โดยเฉพาะน้ำ)
    "ทะเล" คงเป็นสถานที่แรกๆ สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ
    และเพราะทะเลมันกว้างใหญ่เกินไป เราจึงใช้อย่างไม่รักษา...
    ลองมาดูซิว่าแหล่งน้ำใหญ่ของโลกสีฟ้าประสบชะตากรรมอะไรลงไปบ้าง...
    ลองชิมลางกับความจริง "50 ประการเกี่ยวกับท้องทะเล" กันดูแล้วจะขนลุกซู่ว่า "ทะเล" เป็นมากกว่า "ทะเล"


    1. น้ำทะเลครอบคลุมพื้นที่ 70% ของผิวโลก

    2. สิ่งมีชีวิตที่มีมวลทางชีวภาพบนโลกใบนี้มากกว่า 90% ถือกำเนิดจากท้องทะเล

    3. 80% ของมลพิษในท้องทะเลมาจากกิจกรรมบนแผ่นดิน

    4. 40% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในรัศมี 60 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเล

    5. 3 ใน 4 ของมหานครบนโลกในนี้อยู่ใกล้ทะเล

    6. ประมาณปี 2010 (พ.ศ.2553) ประชากรโลก 80% จะขยับขยายมาอยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตรจากทะเล

    7. มลพิษตามชายฝั่งทำให้คนเจ็บป่วยและล้มตาย สูญมูลค่าทางเศรษฐกิจไปถึง 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปีและผลกระทบจากอาหารทะเลเป็นพิษอีกปีละ 7,200 ล้านเหรียญ

    8.ขยะพลาสติกที่ตกสู่ท้องทะเลคร่าชีวิตนกทะเลกว่า 1 ล้านตัว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในมหาสมุทรอีกกว่า 100,000 ตัว นี่ยังไม่รวมปลาทั่วโลกอีกนับไม่หวาดไม่ไหว

    9. สิ่งมีชีวิตในท้องทะเลต้องจบชีวิตลงด้วยพลาสติกที่ไม่ย่อยสลายแถมยังเข้าสู่ระบบนิเวศน์ ซึ่งวนมาทำร้ายสัตว์พวกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    10.อันตรายจากการเพิ่มจำนวนของพืชที่มีคอโรฟิลด์ เนื่องจากสารอาหารในทะเลมากเกินไป โดยเฉพาะไนโตรเจนจากปุ๋ยในการเกษตรกรรมซึ่งทำให้เกิดวิกฤติท้องทะเลกว้างถึง 70,000 ตารางกิโลเมตร


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สิงโตทะเลที่เหลือไว้แต่คอ เพราะผู้ล่าต้องการแค่เพียงส่วนตัว จับมาเป็นๆ ตัดกันสดๆ แล้วโยนทิ้งริมทะเล...ภาพไม่น่าดูแต่เป็นอนุสรณ์สะท้อนใจ(&copy;Anatoly Lolis/UNEP/Topham)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 11.คาดว่าในแต่ละปีน้ำมันจากที่พักอาศัยและโรงงานอุตสาหกรรมซึมเปื้อนลงสู่ทะเลประมาณ 21 บาร์เรลส์

    12.ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบน้ำมันดิบกว่า 600,000 บาร์เรลส์รั่วลงสู่ทะเลระหว่างการขนย้านและจากเรือขนน้ำมันจม

    13.ถังน้ำมันกว่า 60% หรือประมาณ 2,000 ล้านตันของน้ำมันที่เราบริโภคกันทั่วโลก

    14.มากกว่า 90% ของการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศต้องขนถ่ายผ่านทะเล

    15.ในแต่ละปีเราพบว่าอับเฉาหรือที่ถ่วงน้ำหนักใต้ท้องเรือกว่า 10,000 ล้านตันจะถูกโยนลงทะเล

    16.และอับเฉาพวกนี้จะกลายเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลบางชนิด เช่นแมงกะพรุนซึ่งจะทำให้สัตว์ทะเลท้องถิ่นเสียความสมดุล

    17.มลพิษ และสัตว์ทะเลสายพันธุ์ประหลาดๆ จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์

    18.ปะการังชายฝั่งของ 109 ประเทศเริ่มมีพัฒนาการที่ช้าลง และมีสัญญาณว่าชนิดของปะการังกำลังจะมีจำนวนลดลงในอีก 93 ประเทศ

    19.แม้ว่าปะการังจะกินพื้นที่บนทะเลเพียง 0.5% ปะการังก็เป็นแหล่งพึ่งพาทั้งทางตรงและทางอ้อมของสัตว์ทะเลกว่า 90%

    20.มีปะการังกว่า 4,000 ชนิดอยู่ในทะเลทั่วโลก และ 1 ใน 4 ของปะการังเป็นที่พักอาศัยของปลาทะเล


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ใครจะรู้ว่าโลมาหน้าตาน่ารักจะถูกจับแยกออกจากฝูงเพื่อถูกล่า!! (&copy; KLEIN)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 21.เกรตแบร์ริเออร์รีฟ แนวปะการังใหญ่ที่สุดในโลกที่ออสเตรเลีย มีความยาวถึง 2,000 กิโลเมตร สามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์

    22.แนวปะการังปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ โดยเป็นแนวกันคลื่นลมพายุให้เบาบางลงเมื่อมาถึงชายฝั่ง

    23.เกือบ 60% ของปะการังที่ยังเหลืออยู่บนผืนโลก มีสัญญาณอันตรายที่จะล้มตายจนหายไปภายใน 30 ปี

    24.ประเด็นหลังที่ทำให้ปะการังหายไปคือการพัฒนาชายฝั่งทะเล ตะกอนหมักหมมที่ชายฝั่ง การประมงผิดวิธี มลพิษ การท่องเที่ยว และภาวะโลกร้อน

    25.กาลอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้ปะการังส่วนใหญ่ของโลกเสียหาย

    26.ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาน้ำระดับทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 10-25 เซ็นติเมตรทั่วโลก และถ้าน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายก็จะมาช่วยเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงขึ้นอีก 66 เมตร!!

    27. 60% ของแนวชายฝั่งแปซิฟิก และอีก 35% ของแนวชายฝั่งแอนแลนติกกินพื้นดินเข้าไปปีละ 1 เมตร

    28.ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นเหตุหลักทำลายสุขภาพของปะการัง โดยในปี 1998 ปะการัง 75% ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวและกว่า 16% ก็ต้านทานไม่ไหว ตายไปตามๆ กัน

    29.แผนในการพัฒนาชายฝั่งแบบยั่งยืนทั่วโลกได้เริ่มขึ้นในปี 2004 (พ.ศ.2547) และจะสามารถสร้างเครือข่ายเพื่อปกป้องทะเลทั่วโลกได้สมบูรณ์ในปี 2012 (พ.ศ.2555)

    30.แหล่งที่อาศัของสัตว์ในทะเลน้อยกว่า 1.5% ได้รับการป้องกัน แต่บนผืนดิน 11.5% ได้รับการดูแล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ป่าชายเลนแห่งหนึ่งในประเทศไทย งดงาม อย่างนี้ยังจะกล้าทำลายไหม (&copy; Hartmut Schwarzbach )</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 31.ทะเลหลวง หรือทะเลมีเจ้าของเป็นอาณาเชตตามกฎหมายของแต่ละประเทศ กินพื้นที่ 50% ของโลก แต่ว่าได้รับการเหลียวแลน้อยกว่าน่านน้ำสากลเสียอีก

    32.แม้ว่าจะมีข้อตกในการอนุรักษ์ปลาวาฬ และการทำประมงในน่านน้ำของแต่ละประเทศ แต่ก็ไม่มีมาตรการดูแลรักษาทะเลของตัวเอง

    33.ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการไม่ดูแลปกป้องแหล่งที่อาศัยของสัตว์ทะเล ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ปะการัง หญ็าทะเล มีผลต่อขนาดของปลาที่นับวันจะยิ่งเล็กลง และกระทบต่อการประมง

    34.90% ของการประมงทั่วโลกเป็นการประมงขนาดเล็กในระดับท้องถิ่น จับปลาได้มากกว่าครึ่งของจำนวนปลาทั่วโลก

    35.95% ของปลาที่จับได้ในโลกนี้ (ประมาณ 80 ล้านตัน) มาจากแหล่งน้ำใกล้ชายฝั่ง

    36.ประชากรมากกว่า 3,500 ล้านต้องพึ่งพาอาหารจากทะเลเป็นหลัก และภาายใน 20 ปีนี้ผู้บริโภคอาหารจากทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง 7,000 ล้านคน

    37.ชาวประมงผู้ตกปลาด้วยมือซึ่งตกปลาได้กว่าครึ่งหนึ่งของปลาในโลก เริ่มหาทางเลี้ยงชีพด้วยการทำผิดกฎหมายเพื่อให้ได้ปลาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจค้าปลาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    38.มากกว่า 70% ของอุตสาหกรรมประมง ที่ตกปลา ล่าสัตว์ทะเลเกินขอบเขตของความพอดี

    39.ประชากรปลาขนาดใหญ่ที่เป็นที่ต้องการในตลาดค้าปลา เช่น ทูนา ค็อด ปลากฉนาก และปลามาลิน ลดจำนวนลง 90% ตั้งแต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

    40.คณะกรรมการการประชุมสุดยอดว่าด้วยเร่องการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (WSSD) ได้กำหนดแผนเร่งด่วนในการจำกัดจำนวนปลาในการล่าและเก็บสต็อกสำหรับอุตสาหกรรมประมง ซึ่งจะบังคับใช้ได้ภายในปี 2015 (พ.ศ.2556)


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นี่ก็ "วาฬ" แหวกว่ายอย่างเป็นสุขในท้องทะเล แต่ใครจะรู้ว่าไม่ใช่แค่ไม่ล่าก็ไม่สามารถทำให้มันอยู่ได้ แต่ต้องรักษาน้ำทะเลให้สะอาดด้วยต่างหาก (&copy; Denis Page )</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 41.WSSD ยังออกข้อกำหนดที่จะจัดการกับการประมงผิดวิธี

    42.รัฐบาลทั่วโลกทุ่มเงินราว 1,500 - 2,000 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการประมง ทำให้เกิดการจับสัตว์ทะเลที่เพิ่มมากขึ้น เกินความจำเป็น

    43.การประมงผิดวิธีทำให้สัตว์ทะเลอีกร้อยๆ สายพันธุ์ในจำนวนพันๆ ชนิดในท้องทะเลต้องตายไปในแต่ละปี และยังทำลายแหล่งอาศัยใต้ทะเล

    44.การตกปลาโดยใช้เบ็ดหลายร้อยอันโรยเป็นสายยาวเป็นไมล์ๆ ในทะเลเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย โดยตะขอเบ็ดเป็นพันๆ อัน ได้คร่าชีวิตนกทะเลไปมากกว่า 300,000 ชีวิต และอัลบราทอสส์อีกราว 100,00 ตัว

    45.ในแต่ละปีปลาฉลามกว่า 100 ล้านตัวถูกล่าเพื่อเอาครีบและเนื้อมาทำซุปหูฉลาม ซึ่งคนล่าปลาฉลามมักจะจับขึ้นมาเป็นๆ แล้วก็ตัดครีบ โยนปลาไร้คีบลงทะเลให้เลือดของเหยื่อมนุษย์ไหลแดงทั่วทะเลก่อนที่จะตายลง

    46.อุปกรณ์ตกปลาทั้งอวน แห ตาข่าย เบ็ดหลายหัว ที่ทำมาใช้ในทะเลเฉลี่ยแล้วกว่า 20 ล้านตันต่อปี

    47.รายงานจากรอบโลกพบว่า ปลาวาฬขนาดเล็ก โลมา ถูกพรากออกจากฝูงและตายขณะถูกจับกว่า 300,000 ตัว

    48.การจับกุ้งอย่างตะกรุมตะกรามพบว่ามี 2% ทั่วโลก แต่ 1 ใน 3 จากจำนวนนี้ใช้เหยื่อล่อจับ

    49.ฟาร์มกุ้งก็มีเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ก็เป็นฟาร์มผิดวิธี เพราะเน้นการใช้สารเคมีและปุ้ย ทำให้เกิดมลพิษในน้ำ ซึ่งฟาร์มกุ้งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้ป่าชายเลน และปัจจุบันกินพื้นที่ 1 ใน 4 ของแหล่งโกงกางทั่วโลก

    50.ต้นโกงกาง ที่ป่าชายเลนเป็นที่อาศัยของปลาที่ใช้ในการพาณิชย์กว่า 85%


    จาก
    http://www.thaiday.com/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9470000003263

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. กระสือข้างส้วม

    กระสือข้างส้วม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,212
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +392
    เพราะทะเลคลั่งแล้ว ทีเองข้าไม่ว่า ทีข้าเองอย่าโวย
     

แชร์หน้านี้

Loading...