ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 13 ธันวาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    [​IMG]
    พระเทพฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ทรงบันทึกไว้ในช่วงปี 2551-2552 จำนวน 187 ภาพ จัดแสดงนิทรรศการ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" ...

    [​IMG]
    พระอัจฉริยภาพของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวไทยว่า ทรงพระปรีชาสามารถในหลากหลายด้าน ทั้งด้านวิชาการ, ภาษา, ศิลปะ, ดนตรีไทย ฯลฯ นอกจากนี้ ยังทรงมีความสนพระทัยเฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชชนก ในเรื่องการถ่ายภาพอีกด้วย

    ดังจะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นเนืองๆ ที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคล้องกล้องติดพระศอ 1-2 กล้อง ยามที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งทรงจดรายละเอียดสิ่งที่ได้ทอดพระเนตร ขณะเดียวกัน ก็จะทรงเก็บภาพเพื่อทรงนำมาถ่ายทอดในหนังสือพระราชนิพนธ์ให้คนไทยได้รับความรู้และเรื่องราวที่ได้เสด็จฯไปในสถานที่ต่างๆด้วย

    [​IMG]

    ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ต่างๆมากมายที่ทรงถ่ายไว้ ได้สะท้อนถึงความใส่พระทัย แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่บอกถึงพระอารมณ์ขันของพระองค์ และนับเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งที่ประชาชนชาวไทยจะได้มีรอยยิ้มจากการชมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ทรงบันทึกไว้ในช่วงปี 2551-2552 จำนวน 187 ภาพ เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการในชื่อว่า "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง"

    นิทรรศการครั้งนี้จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกรุงเทพมหานครและสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และพร้อมกันนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์จากนิทรรศการจำนวน 25 ภาพ แก่สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ เพื่อประมูลหารายได้สนับสนุนกิจกรรมของสมาคมอีกด้วย
    [​IMG]

    ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงาน พร้อมทั้งทรงบรรยายถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ด้วยพระองค์เอง ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ทำให้ทราบถึงเกร็ดและมุมมองจากช่วงขณะที่ทรงถ่ายภาพนั้นๆ และแสดงถึงความมีพระอารมณ์ขันของพระองค์ โดยได้ทรงเกริ่นในตอนต้นถึงชื่อนิทรรศการ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" ว่า เป็นคำพูดในนิทานพม่าเรื่องหนึ่งที่ใช้คำพูดนี้บอกในเรื่องของความสำเร็จ แต่คำนี้คนที่ชอบใช้มากที่สุดคงเป็นพวกบริษัททัวร์ ที่รถจะพาเลี้ยวไปที่ไหน เดินทางต่อไปเดี๋ยวก็ถึงเอง ซึ่งถ้ามีจุดมุ่งหมายอะไร ถ้าไม่ย่อท้อ ก็จะถึงจุดมุ่งหมายตามที่ปรารถนา พร้อมกันนี้ยังได้รับสั่งอีกว่า

    "ที่จริงก็อันตราย จะถึงไม่ถึงจุดมุ่งหมายขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ภาษิตที่ดีๆอย่างความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น และพึงรู้จักประมาณตนจะดีกว่าอยู่อย่างนี้ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์โนเบลไพร์สก็ลำบาก ถึงจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่ที่เป็นไปไม่ได้ ทำอะไรมีข้อคิดเยอะ อย่างปกหนังสือ ผู้ออกแบบบอกว่า หมายถึงการเดินทาง มีฟ้า มีน้ำ กลัวคนไม่รู้ เลยต้องมีพระจันทร์เสี้ยวมาใส่ให้เห็น"
    [​IMG]

    จากนั้นได้ทรงเล่าถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์บางส่วนที่ได้พระราชทานฯมาจัดแสดงนิทรรศการด้วยว่า ทรงชอบถ่ายภาพเมฆบนเครื่องบิน เพราะเมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเรียนเรื่องเมฆ คุณสมบัติของเมฆ การเกิดเมฆ และเมื่อทอดพระเนตรเมฆ จะทรงปั้นเรื่องไปต่างๆนานาว่าเหมือนภูเขา เหมือนไอศกรีม
    [​IMG]
    นอกจากนี้ ยังมีภาพที่ทรงถ่ายไว้ขณะที่เสด็จพระราชดำเนินไปต่างแดน ทั้งการเสด็จฯไปทรงร่วมงานพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก 2008 ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีทั้งภาพลูกโลกที่เปลี่ยนสี ที่ทรงตั้งชื่อภาพว่าโลกสีแดง, โลกสีเหลือง, มนุษย์หลอดไฟ รวมทั้งภาพนักกีฬายกน้ำหนักไทยที่ทรงตั้งชื่อว่า "แข็งแรง" โดยทรงเล่าว่า "พิธีเปิดโอลิมปิกเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นจีนเจริญขึ้นได้ ทำให้คนเราสะสมความคิดได้ถึงการติดต่อกับคนทั่วโลก การเปิดซีเกมส์ของลาวมีการแสดงต่างๆที่น่าดูเช่นกัน นอกจากนี้ได้ไปดูยกน้ำหนักเป็นกีฬาที่เราได้เหรียญ แต่คนที่ถ่ายภาพมาไม่ได้เหรียญ เขายกอยู่ตอนถ่าย แต่ก็ยกอยู่ไม่ได้นานตามกำหนด"

    ในครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสเปน ในช่วงกลางเดือนกันยายน ปี 2551 ได้ทรงถ่ายภาพไว้มากมาย ทั้งรูปคนเล่นกับโลมา, ทะเลเมฆ, นอกจากนี้ มีรูปที่ไปประเทศสเปนและหมู่เกาะคานารีของสเปน ทรงเล่าว่า "รูปโลมานี้เดินทางไปที่เกาะ เป็นสวนสนุก เจ้าของเป็นคนเยอรมันไปทำธุรกิจที่สเปน ภูมิศาสตร์ของเกาะนี้อยู่ในแอฟริกา ดูภาพแล้วเหมือนคนกระซิบกับโลมา ที่นี้มีสวนนกสวย เลยได้ถ่ายภาพนกหันหน้าจากกันและหันหน้าไปทางเดียว กัน ไม่มีที่หันหน้าเข้าหากัน ไม่รู้ว่าทำไม"

    [​IMG]

    นอกจากนี้ ยังทรงเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของภาพ "ดาวตก" ที่ทรงถ่าย ณ ประเทศสเปน เป็นภาพท้องฟ้ามืดมิด เห็นพระจันทร์ ดวงเล็กและมีดาวตกหนึ่งดวง ซึ่งเรียกรอยยิ้มให้แก่คนฟังว่า "บังเอิญถ่ายท้องฟ้าแล้วมีดาวตกขึ้นมา ได้เอาหนังสือภาพถ่ายไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกรูปจะทรงมีพระราช ดำรัสว่า "ที่ถ่ายนี้กดไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรนักหนา หรือมีการวางแผน" ได้กราบบังคมทูลว่า "กดไปเรื่อยๆเป็นส่วนใหญ่ วางแผนเล็กน้อย มีการวางองค์ประกอบบ้างนิดหน่อย" พร้อมกันนี้ ทรงรับประกันอีกว่า "รูปถ่ายทั้งหมดไม่มีการตกแต่งภาพเอาแบบธรรมชาติ เอาความบังเอิญมาเป็นตัวช่วย" ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะให้แก่ผู้ฟังจำนวนมาก

    อีกภาพหนึ่งที่สร้างความประทับใจและทรงนำมาเล่าคือ ภาพถ่ายที่ทรงบันทึกระหว่างเสด็จฯไปประเทศ อินเดีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ทรงถ่ายภาพผู้คนที่นำกล้องและโทรศัพท์มือถือมาฉายพระรูปพระ องค์ท่าน และการต้อนรับพระองค์ของชาวไทอาหมที่รัฐอัสสัม มาต้อนรับพร้อมชูป้าย "ขอรับเสด็จเจ้าฟ้าหญิง สู่แผ่นดินตะกูลไท" และ "เจ้าฟ้าหญิงที่รักยิ่ง จงเจริญ" ฯลฯ โดยทรงเล่าว่า "ไทอาหมเป็นมิตรกับคนไทย วันนั้นคนมาต้อนรับเป็นหมื่นเป็นแสน ว่ากันว่าผู้นำอินเดียไป ยังไม่มาต้อนรับอย่างนี้เลยอยู่ 2-3 วัน ได้รับของขวัญมาเป็นทิวเลย"
    [​IMG]

    ประเทศมองโกเลีย เป็นอีกประเทศที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเสด็จฯเยือนและทรงบันทึกภาพไว้ ซึ่งได้ทรงเล่าให้ฟังพร้อมพระสรวลว่า "ไปมองโกเลียเผ่าซาตาน เป็นชื่อเผ่าเร่ร่อน เลี้ยงกวางเรนเดียร์ ได้กินนมวัว, นมแพะ, นมแกะ, นมม้า, นมอูฐ มาแล้ว ตอนนี้ได้กินนมเรนเดียร์ อร่อยกว่าทั้งหมด และได้ขี่เรนเดียร์ด้วย เราก็ตัวหนัก เรนเดียร์สะบัดต้องลงก่อนที่จะตกลงมา" ทรงเล่าให้เห็นภาพจนคนฟังต้องอมยิ้มในพระอารมณ์ขันของพระองค์
    [​IMG]

    ส่วนภาพสัตว์ที่น่าสนใจที่ทรงนำมาเล่าอีกภาพหนึ่งคือ ภาพ "คุณพระครับ เจี้ยมเจี้ยมจ๋อ" ที่ทรงกล่าวถึง "คุณพระเศวต" พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "คุณพระเศวตอายุ 57-58 ปีแล้ว เป็นเชือกแรกในรัชกาล เฝ้าอยู่ที่หัวหิน ว่ายน้ำทะเลทุกวัน คุณพระเศวตขนาดใหญ่ขนาดนี้ มีพี่เลี้ยงบอกให้นั่ง ยืน คุณพระก็ทำตาม ตอนสถาปนาคุณพระ มีประวัติเล่าลือว่า หันไปกราบบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดย ไม่มีคนบอกเลย"
    [​IMG]

    ภาพที่สร้างรอยยิ้มให้กับคนฟังอีกภาพคือเรื่องราวของแมว สุนัข และกาในวังสระปทุม ที่ทรงถ่ายไว้ โดยทรงเล่าว่า "แมวเป็นพลเมืองชั้น 2 ในวังสระปทุม หมาจะได้สิทธิพิเศษกว่า แมวจะเลี้ยงดูตัวเอง แมวจะมี 2 กลุ่มคือหางกุดและหางยาว เคยมีแมวสวยอย่างแมววิเชียรมาศ คิดอยากประกวดแต่ไล่จับเขาไม่ได้ หมากับแมวเห็นกัน หมาก็จะไล่ ต้องพยายามไม่ให้ 2 ฝ่ายพบกัน ในบ้านเราเดินไปทางเดิน บาง ทีเจอในสิ่งไม่เคยเจอ เคยเจอพังพอนวิ่งตัด หน้า ส่วนกาในวังสระปทุม ไม่เยอะเท่าที่วังสวนจิตรลดา กาชอบมาตีผลไม้ แล้วก็ชอบร้องกา กา จากเสียงต่ำไปสูงได้" ระหว่างที่ทรงเล่าก็ทรงเลียนเสียงร้องของกา ด้วยพระสุรเสียงจากต่ำไปสูง สร้างบรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเองอย่างยิ่งเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมในพิธีเปิดนิทรรศการ สร้างความเพลิดเพลินและสนุกสนาน ทำให้มีรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อได้เห็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทุกภาพไป
    [​IMG]

    นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" หรือ "DESTINATION" ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2553 ในเวลา 10.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) ณ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน (ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสยามและสนามกีฬาแห่งชาติ)
    [​IMG]

    นิทรรศการนี้คงสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้อย่างแน่นอน!!

    ทีมข่าวหน้าสตรีถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ - ข่าวไทยรัฐ
     

แชร์หน้านี้

Loading...