ทรงทุกข์พระทัย ไฟใต้ยังลุกโชน ทำไมถึงแก้ไม่ได้

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 25 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ทรงทุกข์พระทัย ไฟใต้ยังลุกโชน 'ทำไมถึงแก้ไม่ได้'

    ผู้ต้องหาร่วมฆ่า 2 นาวิกโยธินเข้ามอบตัวระบุเป็นคนเอารังมดแดงมาทรมาน แต่ไม่รู้ว่ามีการฆ่ากันตาย ขณะตำรวจบุกจับมือปืนรับจ้างยิงผู้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างสถานการณ์ พบประวัติเพียบ แฉผู้มีอิทธิพล ขบวนการค้ายา ค้าอาวุธสงครามสนับสนุน เพื่อต้องการกำจัดเสี้ยนหนามที่ไม่มีประโยชน์ต่อขบวนการ ส่วนโจรใต้ยังเหี้ยมตามยิงลูกจ้างโครงการพระราชดำริ อีกรายซุ่มยิงถล่ม อบต.สาหัส ส่วนเมียดับ "รองสมุหราชองครักษ์" เผย พระราชินี ทรงทุกข์พระทัยในปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ ทรงถาม "ทำไมแก้ปัญหาไม่ได้"

    ที่สโมสรกองทัพบก วันที่ 22 ก.พ. พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ของรัฐรายวันว่า ในทางยุทธวิธีที่ผ่านมา เรากำลังเร่งสร้างหน่วยจรยุทธ์ให้มากขึ้น เพราะการเคลื่อนที่มากขึ้นทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีเสรีภาพ น้อยลง ดังนั้นเมื่อเราคุมพื้นที่ได้ทุกพื้นที่ เราก็จะกำจัดการปฏิบัติของฝ่ายตรงข้ามได้มาก ซึ่งจะเห็นว่าขณะนี้มีการยิงปะทะ การส่งกำลังเข้าไปช่วย และเข้าแก้ปัญหาต่อ ซึ่งนำไปสู่การได้มาของอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลา และหาวิธีที่สอดคล้อง แต่จะให้เหตุการณ์หยุดเลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอุดมการณ์เขายังมีอยู่ ส่วนมาตรการการคุ้มครองครู ขณะนี้ขวัญและกำลังใจของครูไม่ค่อยห่วง

    ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 03.30 น. พ.ต.ต.วิพัฒน์ สุวรรณรัตน์ สารวัตรเวร สภ.ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าล้มคว่ำอยู่ ส่วน ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ทราบชื่อนายสมบูรณ์ พุทธดอกขวา อายุ 42 ปี สมาชิก อบต.ปากล่อ และนางรัศมีมาน พุทธดอกขวา อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา อาชีพรับจ้างกรีดยาง ถูกยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนเข้าลำตัวและศีรษะ ซึ่งนางรัศมีมานทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ทั้งคู่กำลังจะออกไปกรีดยาง แต่ถูก คนร้ายที่ซุ่มอยู่ใช้ริมถนนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง ดังกล่าว

    ต่อมาเวลา 07.30 น. ร.ต.ต.ภูมิรัตน์ รินทร์สีมา ร้อยเวร สภ.ต.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนภายในหมู่บ้านโคกสยา หมู่ 8 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีแดง ทะเบียน กบก 167 นราธิวาส ล้มคว่ำอยู่ ส่วน คนบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทราบชื่อนายสนั่น พูนเทพ อายุ 24 ปี ลูกจ้างประจำศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 8 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ถูกยิงด้วยปืน พกขนาด .38 กระสุนถูกแขนขวา 1 นัด ใต้รักแร้ 1 นัด สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสนั่นได้ ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจะไปทำงานตามปกติ แต่มาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบ จากนั้นคนนั่งซ้อนท้ายจึงชักอาวุธปืนออกมายิงก่อนหลบหนีไป

    ด้าน พ.ต.ท.สมชัย เทศนอก สวป.สภ.อ. สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้สนธิกำลังตำรวจ ทหาร และ อส.กว่า 100 นาย บุกเข้าปิดล้อมค้นบ้านเลขที่ 131/17 ถนนทรายทอง 5 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก ของนายอดิศร มะเย็ง อายุ 17 ปี หลังสืบทราบว่าเป็น 1 ในกลุ่มมือปืนรับจ้างที่ร่วมก่อเหตุยิงชาวบ้านมานับไม่ถ้วนเพื่อสร้างสถานการณ์ ซึ่งเมื่อนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.อ.สุไหงโก-ลก นายอดิศรได้รับสารภาพว่ามีเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน คือนาย บือราเฮง หะราตี อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/4 ต.กาว๊ะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงไปติดตามจับกุมมาได้ พร้อมปืนขนาด .38 กระสุนอีก 5 นัด

    จากการสอบสวนทั้งสองรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายอีซัน เจ๊ะนาแว อายุ 21 ปี บริเวณหน้าร้านซักอบรีด ถนนเจริญเขต ซอย 4 เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการ ลงมือยิงชาวบ้านแต่ละครั้งจะมีผู้อิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งมีอาชีพค้าอาวุธสงคราม ยาเสพติด ให้การสนับสนุน เพื่อต้องการกำจัดเสี้ยนหนามที่ไม่มีประโยชน์ต่อขบวนการ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ทั้งคู่อ้างถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตามประกบตัวอยู่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กอ.สสส.จชต. พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 นายประชา เตรัตน์ ผวจ. นราธิวาส ร่วมกันแถลงข่าวการรับมอบตัว นายซอลีฮีน หรือ ซารีฮี ผิวอ่อน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ จ.660/2548 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2548 ในคดีร่วมกันฆ่า 2 นาวิกโยธิน โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนหารังมดแดงนำมาทรมาน 2 นาวิกโยธิน และที่เข้ามอบตัวเพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งบิดา มารดา ขอร้อง อย่างไรก็ตาม เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

    นายซอลีฮีน กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดและเห็นชาวบ้านออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก จึงเข้าไปดู เห็นทหารทั้ง 2 นาย อยู่ในห้อง ตนจึงหยิบรังมดแดงไปวางไว้ตามลำตัว ก่อนจะเดินออกมา ซึ่งไม่ทราบว่ามีการฆ่ากันในเวลาต่อมา

    ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิง จ.ส.ต. ประพนธ์ สุวรรณโกตา ตชด.ที่ 44 ค่ายพญาลิไท เสียชีวิต และเพื่อนตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ได้ใช้ ปืนเอ็ม 16 ยิงนายมูฮำหมัด หะยีหะมะ อายุ 20 ปี หนึ่งในคนร้ายเสียชีวิต ล่าสุดแหล่งข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ยึดได้จากนายมูฮำหมัด พบว่ามีการโทรฯ ติดต่อจากหลายหมายเลข คาดว่าน่าจะเป็นการประสานงานของกลุ่มแนวร่วม ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อ ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้หมดแล้ว ว่ามีใครบ้าง และกำลังออกติดตามตัว ส่วน ประวัติ นายมูฮำหมัด พบว่าจบการศึกษาจากโรงเรียนแสงธรรม อ.สุไหงโก-ลก และขณะนี้กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อ.เมือง จ.ยะลา ด้านศาสนา ระดับ 10 ซึ่งถูกส่งตัวไป ฝึกสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

    แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับอาวุธปืนที่นายมูฮำหมัดใช้ยิง จ.ส.ต.ประพนธ์ เจ้าหน้าที่คาดว่า จะเป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิง พ.ต.ต.ก้าว โกศัยกานนท์ สารวัตรธุรการ ภ.จว.ยะลา ด.ต. ชรินทร์ ปานนาค พลขับของ พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน อดีต ผบก.จ.ยะลา ด.ต.โสภณ ไม้จันทร์ ตร.สภ.อ.เมืองยะลา ช่วยราชการหน่วยเทศกิจเทศบาลนครยะลา และยิงนายพรพิชัย โอภาศรีโรจน์ หัวหน้าช่างก่อสร้างสำนักงานไฟฟ้า จ.ยะลา

    ส่วนกรณีคนร้ายลอบเผาห้องครัวโรงเรียนบ้านกรงปินัง หมู่ 1 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับความเสียหายเล็กน้อย เมื่อกลางดึกวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 45 ยะลา ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ โดยใช้น้ำมันเบนซินราดก่อนจุดไฟเผา

    นายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว รองผู้ อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ยะลา เขต 1 เปิดเผยว่า ทาง สพท.ยะลา เขต 1 ได้ประชุมร่วมกันและได้พิจารณาย้ายผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 19 คน โดยการย้ายมีสาเหตุหลักอยู่ 3 ประการคือ กรณีมีตำแหน่งว่างที่โรงเรียนตะโล๊ะซูแม อ.กรงปินัง จ.ยะลา เนื่องจาก ผอ.โรงเรียน เสียชีวิตลง จึงต้องย้ายผู้บริหารจากโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล สับเปลี่ยนมาดำรงส่วนกรณีครูโรงเรียนบ้านลือมุ ขอย้ายออกนอกพื้นที่เกือบทั้งโรงเรียน ก็ต้องเห็นใจครูเช่นกัน คนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงจะไม่ทราบถึงสภาพจิตใจของครูกลุ่มนี้ ทาง สพท.ยะลา เขต 1 ก็จะพิจารณาให้ แต่ในช่วงนี้อยู่ในระหว่างใกล้ปิดภาคเรียน ใกล้ช่วงเวลาสอบ ก็คงให้ครูทำหน้าที่ให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นจะพิจารณาดูแลให้เป็นพิเศษ นอกจากนั้น ก็จะบรรจุครูเข้าไปทดแทนกำลังที่ย้ายออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนครูในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเด็กนักเรียนหากไม่มีครู

    ที่โรงแรมดุสิตธานี วันเดียวกัน พล.อ. ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษเฉลิมพระเกียรติฉลองศิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี เรื่อง "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยราษฎร" จัดโดย มูลนิธิรัฐบุรุษซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังประมาณ 500 คน อาทิ น.พ. ประสพ รัตนากร ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด พล.อ. มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.ทบ. ว่า เวลานี้พระองค์ทรงห่วงใยปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ในระดับบน ได้แก่ อุสตาซ หรือโต๊ะอิหม่ามให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ แต่ระดับล่าง เด็กอายุ 11-13 ปี ไม่ยินดีกับโครงการที่นำไปช่วยเหลือ ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะถูกล้างสมอง โดยตนได้เฝ้าสังเกตในช่วงที่พระองค์ทรงเยี่ยมพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้ให้ไปตามเด็กวัยรุ่นเข้ามาร่วมแต่พบว่ามีน้อยมาก ทำให้เกิดลักษณะแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง คือ ส่วนหัวก็เจรจาไป ส่วนล่างก็ก่อความไม่สงบกันไป เนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับฟังประชาชนในพื้นที่ด้วยพระองค์เอง ทำให้ทรงทราบว่าคนมุสลิมส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายก่อความไม่สงบ

    รองสมุหราชองครักษ์ กล่าวอีกว่า ในการเสด็จฯ เยี่ยมประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้มีตัวแทนชาวบ้านจาก ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มาทูลถามพระองค์ว่าจะให้พวกเขาอยู่หรือไป ซึ่งพระองค์ทรงตรัสว่าก็ให้อยู่ทุกคน จากกรณีนี้ทำให้พระองค์มีความทุกข์ในพระทัยว่าทำไมจึงแก้ปัญหาไม่ได้ พระองค์จึงมีรับสั่งให้มีการฝึกอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองจึงมีโครงการราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านขึ้น และกลายเป็นปัญหาเพราะมีหลายคนออกมาระบุว่าทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างคนพุทธกับมุสลิม นอกจากนั้นเมื่อปีที่ผ่านมามีสถิติการอพยพโยกย้ายของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สูงมาก เช่น หมู่บ้าน ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เคยมีชาวบ้านถึง 220 ครอบครัว แต่ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 12 ครอบครัว ใน อ.สุไหงโก-ลก เหลือ 3 ชุมชน มีเหลือชุมชนละ 30 ครอบครัว ส่วนอำเภอที่หนักที่สุดคือ อ.เจาะไอร้อง เหลือเฉพาะที่ตัวอำเภอเพียง 23 ครอบครัว อ.สุไหงปาดี เหลือเพียงตำบลเดียว จาก 12 หมู่บ้าน เหลือ 9 หมู่บ้าน เพราะประชาชนอพยพไปอยู่ที่อื่นหมด
    [​IMG]
     
  2. visarut

    visarut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,580
    ขอความผาสุขจงบังเกิด
    ด้วยพุทธบารมี[b-wai]
     

แชร์หน้านี้

Loading...