น้อมรำลึกพระเมตตา-ความผูกพัน ในโอกาสครบรอบ 108 ปี วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 18 ตุลาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    น้อมรำลึกพระเมตตา-ความผูกพัน ในโอกาสครบรอบ 108 ปี วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมรา

    น้อมรำลึกพระเมตตา-ความผูกพัน

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในโอกาสครบรอบ 108 ปี วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม,กรุงเทพมหานคร,สมาคมสร้างคุณค่าในประเทศไทย,มูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ และผู้ร่วมสนับสนุน กำหนดจัดงาน
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี


    <TABLE class=fontblacksm border=0 cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#f7fafe vAlign=top><TABLE class=fontblacksm border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD>สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เดิมชื่อ สังวาลย์ ตะละภัฏ ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ของพระชนกช ู และ พระชนนีคำ ทรงมีพระภคินี และพระเชษฐา 2 คนซึ่งได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย เหลือแต่พระอนุชา คือ คุณถมยา ซึ่งอ่อนกว่าพระองค์ 2 ปี พระชนกชู มีอาชีพเป็นช่างทอง เป็นบุตรคหบดี ชื่อ ชุ่ม มีเชื้อสายสืบจากผู้ดีเก่าแถวตึกขาว มีนิวาสสถานอยู่ใกล้ ๆวัด อนงคารามพระชนกชูได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่ทรงพระเยาว์มาก และพระชนนีคำถึงแก่กรรมเมื่อพระองค์มีพระชนมายุ เพียง 9 พรรษา หลังจากนั้นพระองค์ทรงอยู่ในความอุปการะของป้าซ้วย พี่สาวของพระชนนีคำ ซึ่งมีอาชีพรับจ้างมวนบุหรี่ และทำขนมขาย


    พระชนนีคำเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษในการอ่านและรู้หนังสือ จึงได้นำความรู้นี้มาสอนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเปรียบเสมือนรากฐานสำคัญที่ได้ผลักดันให้พระองค์ทรงก้าวสู่การศึกษา ขั้นสูงขึ้นต่อไป ด้วยพระอุปนิสัยที่ชอบการเรียนรู้ และการอ่านหนังสือตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงทรงเฉลียวฉลาด ญาติของครอบครัวพระชนกชู มาแนะนำพระชนนีคำ ให้นำสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ไปฝาก คุณจันทร์ แสงชูโต ซึ่งเป็นญาติ และเป็นพระพี่เลี้ยงของ สมเด็จเจ้าฟ้า วไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสรินธร พระเชษฐภคินีของสมเด็จพระบรมราชชนก และพระราชธิดาในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เพื่อถวายตัวเป็นข้าหลวง ด้วยพระชนมายุเพียง 7- 8 พรรษา ต่อมาพระองค์ถูกส่งไปศึกษา ที่โรงเรียนสตรีวิทยา โดยประทับอยู่บ้านคุณหวน หงสกุล ข้างวัดมหรรณพาราม ระหว่างประทับ อยู่ที่บ้านคุณหวน พระองค์ทรงถูกเข็มเย็บผ้าตำฝ่าพระหัตถ์ ต้องเข้ารับผ่าตัดกับ พระยาดำรงแพทยกุล (ฮวด วีระไวทยะ)
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงตัดสินพระทัยเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช เมื่อ พ.ศ.2456 ตามคำชักชวนของพระยาดำรงแพทยกุล หลังจากสำเร็จการศึกษา ทรงได้รับการคัดเลือก ให้ทรงไปศึกษาวิชาพยาบาล ที่สหรัฐอเมริกา พร้อมกับนางสางอุบล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ขณะนั้นกำลังทรงศึกษาวิชาแพทย์ ปีที่ 1 ที่โรงเรียนแพทย์มหาลัยฮาร์วาร์ด ทรงพบ และพอพระทัยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระศิริโฉมงดงาม ,พระอุปนิสัย และพระคุณ สมบัติอื่น ๆ จึงทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งเป็นพระราชมารดา ขอพระราชทาน พระราชานุญาตหมั้นกับ นางสาวสังวาลย์ และมีพิธีอภิเษกสมรสที่วังสระปทุม เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2463 หลังจาก อภิเษก สมรสแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ตามเสด็จ สมเด็จพระบรมราชชนกไปประพาสเมืองต่างๆ ในทวีปยุโรป และ เสด็จไป สหรัฐอเมริกา เพื่อทรงศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบันเอ็มไอที เมืองบอสตัน และทรงให้สมเด็จพระบรมราชชนนี เรียนหลักสูตรเตรียม พยาบาลที่วิทยาลัยซิมมอนส์ เมืองบอสตัน


    หลังจากสมเด็จพระบรมราชชนกทรงจบการศึกษา ทรงเสด็จที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้ประสูติพระราชธิดาพระองค์แรก เมื่อ 6 พ.ค.2466 ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า " หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา มหิดล" ภายหลังทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อ พ.ศ.2538 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

    ในเดือน ต.ค.2466 เสด็จกลับเมืองไทยพร้อมด้วยพระราชธิดาเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมราชชนกทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัย ประทับอยู่ประมาณ 20 เดือน สมเด็จพระบรมราชชนกทรงประชวร แพทย์ถวายคำแนะนำให้ประทับในที่อากาศเย็น สมเด็จพระบรมราชชนนีจึงได้ตามเสด็จ สมเด็จพระบรมราชชนกและพระราชธิดาไปประทับที่เมือง ไฮเดลเบอร์ก ประเทศเยอรมันดี สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้ประสูติพระราชโอรสพระองค์แรก เมื่อ 20 ก.ย.2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระนามว่า "หม่อมเจ้าอานันทมหิดล"

    ในวันที่ 25 พ.ย.2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จกลับกรุงเทพฯ เพียงพระองค์เดียว เพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพ และประทับอยู่จนถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2469 สมเด็จพระราชชนก ทรงนำครอบครัวไปประทับที่เมืองบอสตันสมเด็จพระบรมราชชนกได้ทรงเรียนแพทย์ที่ มหาลัยฮาร์วาร์ด ส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนีได้ทรงเรียนวิชาจิตวิทยาการทำอาหาร และโภชนาการที่วิทยาลัยซิมมอนด์ระยะหนึ่ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ประสูติพระราชโอรสองค์ที่สอง ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ เมื่อ 5 ธ.ค.2470 ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า " พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช"

    ขณะที่ทรงศึกษาวิขาแพทย์ปีสุดท้าย สมเด็จพระบรมราชชนกทรงประชวรโรคพระวักกะกำเริบ และพระโรคหวัด แต่ทรงสามารถสอบได้ปริญญาแพทยศาสตร์ขั้นเกียรตินิยม หลังจากสอบเสร็จ ประชวรพระโรคไส้ติ่งอักเสบ ต้องรับการผ่าตัด เมื่อหาย ประชวร ทั้งสองพระองค์ได้พาพระราชโอรสธิดาเดินทางกลับประเทศไทย โดยประทับที่พระตำหนักใหม่สร้างขึ้นในวังสระปทุม ด้านถนน พญาไท ใน เม.ย.2472 สมเด็จพระบรมราชชนกทรงรับเชิญเป็นแพทย์ประจำบ้าน จากโรงพยาบาลแมคคอร์มิก ที่เชียงใหม่ ในเดือนต่อมา ทรงเสด็จกลับกรุงเทพฯ หลังจากนั้นทรงพระประชวรอยู่ประมาณ 4 เดือนก็สิ้นพระชนม์เมื่อ 24 ก.ย.2472 ณ พระตำหนักใหม่ วังสระปทุม
    เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนก สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระบรมราชชนนี มีพระชนมายุเพียง 29 พรรษา ทรงรับหน้าที่อบรม เลี้ยงดูพระราชโอรสธิดาทั้งสามพระองค์ตามลำพัง เมื่อ 24มิ.ย.2475คณะราษฎรก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงแนะนำให้ สมเด็จพระบรมราชชนนีพาพระราชนัดดา เสด็จไปศึกษาต่อยังเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

    เมื่อ 2 มี.ค.2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละราชสมบัติ ในการประชุมสภาผู้แทนราฎร ได้มีมติเห็นชอบ ตามกฎมณเฑียรบาลให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เป็นพระมหากษัตริย์ สืบพระราชสันตติวงศ์ เป็นพระองค์ที่ 8 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อ 2 มี.ค.2477 ขณะนั้นมีพระชนมายุ 9 พรรษาสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติตั้ง พระเจ้า วรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ,พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นคณะผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์ เพื่อให้สมพระเกียรติของพระราชปิโยรส สมเด็จพระบรมราชชนนีจึงต้องทรงย้ายไปประทับที่บ้านเช่าค่อนข้างใหญ่ ณ เมืองปุยยี อยู่ใกล้เมืองโลซาน ทรงตั้งชื่อว่า "วิลล่าวัฒนา" สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงเอาพระทัยใส่ ดูแลพระอนามัย และระเบียบวินัย ของพระราชโอรสธิดาอย่างดีเยี่ยม และสม่ำเสมอ

    ใน พ.ศ.2481 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระราชอนุชา ได้เสด็จนิวัติพระนคร เพื่อทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรเป็นครั้งแรก คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ประกาศสถาปนาพระอิสริยยศ พระราชชนนีเป็น "สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์" เมื่อ 16 พ.ย.2481 ตลอดเวลา 2 เดือน ที่ประทับอยู่ในพระนคร สมเด็จพระราชชนนี ทรงปลูกฝังอบรมให้พระราชโอรสธิดาใฝ่ในการกุศลศิลปวัฒนธรรมของชาติ ช่วยเหลือการสาธารณสุข และการแพทย์ ด้วยการ พระราชทาน เงินส่วนพระองค์สร้างโรงพยาบาลอานันทมหิดล ที่จังหวัดลพบุรีสร้างสุขศาลา ที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อ 24 ม.ค.2481 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระราชอนุชา เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ ใน พ.ศ.2485 สมเด็จพระพี่นางเธอฯ ทรงเข้าศึกษาวิชาเคมี ที่มหาวิทยาลัยโลซาน ในพ.ศ.2486 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงเข้าศึกษาวิชานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโลซาน และอีกสองปีต่อมาสมเด็จพระอนุชาก็เสด็จ เข้าศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

    เมื่อ 5 ธ.ค.2488 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระราชอนุชา เสด็จนิวัติพระนครเป็นครั้งที่ 2 จนถึงเดือน มิ.ย.2489 รัฐบาลได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงเลื่อนกำหนดเสด็จ ฯ กลับไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ออกไปก่อน เพื่อพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แก่ ปวงชนชาวไทย ใน 9 พ.ค.2489 พระองค์ จึงทรงเลื่อนวันเสด็จกลับเป็นวันที่ 13 มิ.ย.2489 เช้าวันที่ 9 มิ.ย.2489 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต้องพระแสงปืน สวรรคต

    ใน 9 มิ.ย.2489 สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเป็นเอกฉันท์กราบบังคมทูลอัญเชิญพระราชปิโยรสพระองค์ที่สองของ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อ 19 ส.ค.2489

    สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชไปทรงศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย โลซาน โดยทรงเลือกเรียนวิชาเกี่ยวกับรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์แทนวิชาวิทยาศาสตร์ที่เคยทรงศึกษาเพื่อความเหมาะสม กับพระราชภารกิจแห่งพระมหากษัตริย์ แต่แล้วในวันที่ 4 ต.ค.2461 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องเสด็จ ฯ เข้ารักษาพระองค์ในสถานพยาบาล สมเด็จพระราชชนนีทรงทุ่มเทพระกำลังดูแลพยาบาลพระราชปิโยรส จนมีอาการดีขึ้น แพทย์จึงได้ กราบบังคมทูลแนะนำให้เสด็จประทับเปลี่ยนอิริยาบถในชนบทเป็นการชั่วคราว

    หลังจากนั้น พสกนิกรได้รับข่าวอันเป็นที่น่าปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาคนโตของ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร (ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) อัครราชทูตไทยประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ กับ หม่อมบัว กิติยากร เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2492

    หลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ พระตำหนักพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าวังสระปทุม เมื่อ 28 เม.ย. 2493 ต่อมาวันที่ 5 พ.ค. ศกเดียวกัน ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี ณ พระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง และสถาปนาสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ให้ดำรงราชฐานันดรเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
    เมื่อ 5 เม.ย.2494 สมเด็จพระบรมราชชนนี ก็ได้ทรงชื่นชมกับพระราชนัดดาคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติที่เมืองโลซาน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวร ก็ได้มีพระประสูติกาลพระราชโอรสธิดา อีก 3 พระองค์ ณ พระที่นั่ง อัมพรสถานพระราชวังดุสิต คือ

    - สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ประสูติ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.2495 ใน พ.ศ.2515 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร

    - สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 เม.ย.2498 ใน พ.ศ.2520 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราช กุมารี

    - สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค.250

    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นผู้มีพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญมาตลอด พระชนมชีพล้วนงดงาม สะอาด บริสุทธิ์ และเป็นประโยชน์คุณูปการอเนกอนันต์ต่อประชาชน และประเทศชาติ ทรงเป็นแบบฉบับอัน ประเสริฐในการดำเนินชีวิต
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสู่สวรรคาลัย ในวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2538 ยังความวิปโยค โศกเศร้าอาลัยอย่างสุดซึ้งแก่พสกนิกรทั้งภายใน และภายนอกราชอาณาจักร นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของชาติ แต่ พระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณยังสถิตถาวรอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรตลอดนิรันดร์กาล

    </TD><TD align=right><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=10 bgColor=#cccccc><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff align=middle>[​IMG]
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=fontblackmini>สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี </TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=10 bgColor=#cccccc><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff align=middle>[​IMG]
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=fontblackmini>สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี</TD><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>


    </TD></TR><TR><TD><TABLE class=fontblacksm border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD>พระกรณียกิจ


    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงได้รับการเฉลิมพระเกียรติเป็น พระมารดาแห่งการแพทย์ชนบท และพระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ พระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องสุขภาพของประชาชนตลอดมา ดังเห็นได้จากการที่พระองค์ท่านได้มีพระมหากรุณาธิคุณก่อตั้งหน่วยแพทย์อาสาซึ่งมีแพทย์ ทันต-แพทย์ พยาบาล เภสัช และประชาชนในสาขาวิชาชีพอื่นๆ ร่วม เป็นอาสาสมัครในการให้บริการรักษาประชาชนที่ มีปัญหาป่วยไข้และอยู่ห่างไกลสถานพยาบาล ตั้งแต่ ปี 2512 จนถึงปัจจุบัน

    ในปี 2529 มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ประสานงานกับ กระทรวงสา-ธารณสุข คณะทันตแพทย์ศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย ทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมรณรงค์ทันตสาธารณสุข เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสวัน พระราชสมภพ วันที่ 21 ตุลาคม 2529 เป็นครั้งแรกโดยระดมทันตบุคคลากรและอาสาสมัครจากภาค รัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศออกไปให้บริการตรวจรักษาฟันโดยไม่คิดมูลค่าแก่ประชาชนใน ถิ่นทุรกันดารห่างไกลคมนาคม

    นอกจากนี้พระองค์ยังให้ความสำคัญใน วิชาชีพพยาบาล ดังจะเห็นได้จากพระองค์ทรงให้ความสำคัญ ในวิชาชีพพยาบาลทัดเทียมกับวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและป้องกันโรค และเป็นวิชาชีพที่สมควรได้รับการยกย่อง พระองค์ทรงจัดตั้ง สภาการพยาบาลซึ่ง เป็นองค์กรควบคุมคุณภาพวิชาชีพพยาบาล ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การบริการ การวิจัย และบุคลากรของวิชาชีพพยาบาล ตลอดจนเป็นที่ปรึกษา และให้ข้อเสนอแนะทางการพยาบาลต่อรัฐบาล และสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย เป็นศูนย์กลาง รวมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ สนับสนุนการศึกษา การวิจัย การเผยแพร่ความรู้ ตลอดจนส่งเสริมความก้าวหน้า ความสามัคคี จริยธรรมและมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ ปัจจุบันสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของสภาพยาบาล นานาชาติและได้พัฒนาวิชาชีพด้านการนำระบบสารสนเทศ (ICNP : International Classification Nursing Practice) เข้ามาปรับปรุงการให้บริการพยาบาลซึ่งจะส่งผลการพัฒนาการจัดการศึกษา และการให้บริการพยาบาลของพยาบาลสถานศึกษาและสถานพยาบาลในอนาคต
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสนพระราชหฤทัยในคุณภาพชีวิตของพสกนิกรโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน ผู้ยากไร้ และด้อยโอกาส ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้านการแพทย์ พยาบาล และการสาธารณสุข โดยจัดตั้ง

    1. หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระราชชนนี มีอักษรย่อว่า พอ.สว. หน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่ เดินไปในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสมาชิกสมทบอีกคณะหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับสิ่งตอบแทน และ เบี้ยเลี้ยง เงินเดือน

    2. มูลนิธิขาเทียม เมื่อ 17 ส.ค.2535 ทำให้ผู้พิการสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัว และครอบครัวได้

    3. มูลนิธิถันยรักษ์ ขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อ มี.ค.2538 เพื่อใช้เป็นสถานที่ตรวจวินิจฉัยเต้านม ได้นำเงินพระราชทาน และเงินบริจาคไปจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์เต้านม แมมโมแกรม เครื่องอุลตราซาวด์ และเครื่องตรวจเจาะชิ้นเนื้อที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น และนำแพทย์ และเจ้าหน้าที่เทคนิคผู้เชี่บวชาญเรื่องตรวจ วินิจฉัยมะเร็งเต้านมจากต่างประเทศมาฝึกสอนรังสีแพทย์ และเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคของโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

    นอกจากนี้ ศูนย์ถันยรักษ์ยังได้เผยแพร่ความรู้เรื่องมะเร็งเต้านม และการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง และร่วมมือกับหลายโรงพยาบาลในการพัฒนาคุณภาพของการตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับเต้านมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ฝึกอบรม รังสีแพทย์ และเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิคทั่วประเทศ ตามพระราชปณิธานที่จะให้ผู้หญิงไทยรอดพ้นจากโรคมะเร็งเต้านม โดยได้รับความรู้ ความเข้าใจ และการป้องกันตัวเองที่ถูกต้อง รวมทั้งได้รับการตรวจวินิจฉัยจากศูนย์ถันยรักษ์โดยเท่าเทียมกัน

    ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โปรดต้นไม้ ดอกไม้ ธรรมชาติ ทรงสร้าง พระตำหนักดอยตุง ขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในพื้นที่ขอเช่าจากกรมป่าไม้เป็นเวลา 30 ปี บริเวณบ้าน อีก้อป่ากล้วย เนื้อที่ 29 ไร่ 3 งาน มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,000 เมตร ทรงเรียกพระตำหนักนี้ว่า "บ้านที่ดอยตุง" ทรงพัฒนาดอยตุง และส่งเสริมงานให้เขา ดังนี้

    1. ทรงพระราชทานกล้าไม้แก่ผู้ตามเสด็จ และทรงปลูกป่าด้วยพระองค์เอง
    2. ทรงนำเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิกา และนำไม้ดอกมาปลูก
    3. โครงการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหน่อไม้ฝรั่ง, กล้วย, กล้วยไม้, เพาะเห็ดหลินจือ, สตรอเบอรี่
    4. จัดตั้งศูนย์บำบัด และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พระองค์ทรงได้รับขนานนามว่า "สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวง" ของปวงชนชาวไทย


    ที่มา
    www.bpp.police.go.th
    http://irrigation.rid.go.th
    http://guru.sanook.com/pedia/topic/สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี/


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...