ผิวสวยก่อนมีรอบเดือน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย phuang, 13 กรกฎาคม 2005.

  1. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    ระบบฮอร์โมนในร่างกายเราจะเริ่มเมื่อมีประจำเดือนเป็นวันแรกจนถึงวันสุดท้าย
    กินเวลาได้ตั้งแต่ 21-40 วัน
    วงจรการผลิต(ตก)ไข่ คือ
    เมื่อเกิดการตกไข่และรอการผสมจนกระทั่งฝ่อไป
    จะเกิดขึ้นในช่วงหรือประมาณวันที่
    14 ของรอบเดือน
    ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากหมดประจำเดือนครั้งสุดท้าย
    ฮอร์โมนเอสโทรเจนจะเพิ่มสูงขึ้น
    ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้สูง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันก่อนมีรอบเดือนจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะมีผิวที่มันเยิ้มและเป็นสิวค่ะ

    สิ่งที่ควรมองหา...
    สิ่งบ่งบอกถึงปัญหาผิวที่เกิดจากระบบฮอร์โมนคือ..

    มักมีสิวเกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์ก่อนจะมีรอบเดือนและมีสิวขึ้นมากบริเวณขากรรไกร
    คางและคอ

    ผิวจะเซ้นส์ซิทีฟมากในระหว่างช่วงอาทิตย์ที่
    4 ของระบบรอบเดือน
    ช่วงนี้ควรงดการแว๊กซ์ขนและนวดหน้าอย่างยิ่ง

    มักจะมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอและ/หรือมีขนขึ้นมากผิดปกติบนใบหน้าหรือบนร่างกายร่วมกับการเกิดสิว
    อาการนี้อาจเกิดจากระบบฮอร์โมน

    แก้ไขแบบง่ายๆ
    1.
    เลือกเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวอย่างฉลาด
    เมื่อใดที่ผิวอยู่ในสภาพย่ำแย่มากๆให้เลือกใช้เคลนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพช่วยละลายการอุดตันของรูขุมขนอย่างที่มีส่วนผสมของ
    salicylic acid
    2.
    เพิ่มขั้นตอนผลัดผิวที่อ่อนโยนเข้าไปในกิจวัตรประจำวัน
    ทำอาทิตย์ละ 1-2
    ครั้งเป็นประจำเพื่อช่วยทำให้เซลล์เสื่อมสภาพที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนและกักเก็บน้ำมันส่วนเกิน
    (ที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน)
    หลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
    3.
    ถึงผิวจะมันก็ไม่ควรมองข้ามขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์
    แต่เลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
    (oil-free)
    และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
    (noncomedongenic)
    4.
    ใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่ได้ผล

    โปรแกรมดูแลผิว
    เพื่อแก้ปัญหาสิวก่อนรอบเดือน


    ช่วงประจำเดือนมาอาทิตย์ที่
    1

    สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือ
    ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างฉับพลันในระหว่างเดือน
    ทำให้ผิวพรรณฟื้นตัวจากอาการสิวเห่อก่อนรอบเดือนและทำให้ผิวดูหมองกว่าที่เคย



    สิ่งที่ควรทำ
    ก็คือการดูแลผิวที่สม่ำเสมอและอ่อนโยนเป็นพิเศษ
    เลือกกิจวัตรทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน

    ใช้เคลนเซอร์ที่ไม่ทำร้ายผิวมากจนเกินไป
    แค่ปลายนิ้วก็เพียงพอแล้วที่จะนวดผิวในขณะทำความสะอาด
    ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว
    อย่างอะโลเวร่าหรือชาเขียว

    บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือมาส์กผลัดผิวเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวจากการหลุดลอกและช่วยพลิกฟื้นผิวที่หม่นหมองให้ดูสดใสขึ้น
    ทิ้งมาส์กไว้บนผิวหน้าประมาณ
    10 นาที

    เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิว
    สำหรับสิวที่เหลืออยู่
    ซึ่งมีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนอย่าง
    salicylic acid
    หรือมีคุณสมบัติช่วยฆ่าแบคทีเรียอย่าง
    benzoyl peroxide

    ปกปิดสิวที่ยังไม่หายด้วยคอนซีลเลอร์ชนิดไม่มีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งมีส่วนผสมช่วยกำราบสิวอย่าง
    salicylic acid หรือ sulfur



    อาทิตย์หลังการมีประจำเดือนอาทิตย์ที่
    2

    ในช่วงนี้
    ระดับฮอร์โมนแอสโทรเจนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างถึงที่สุด
    และฮอร์โมนอีกตัวในร่างกายคือโปรเจสเตอโรนพุ่งขึ้นสูง
    การที่ระดับฮอร์โมนเกกิดการผันผวนนี้ทำให้ผิวมันและเกิดสิวได้



    สิ่งที่ควรทำ
    คือการรักษาสภาพผิวและการป้องกันในช่วงนี้ถึงแม้ว่าผิวจะยังดูดีอยู่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยนะคะ
    ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
    และทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังแต่งหน้าและก่อนเข้านอน
    ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวชนิดเดิมที่ใช้อาทิตย์แรก
    ช่วงนี้เน้นความสะอาดของผิวพรรณ
    ผลัดผิว
    โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวจากสารเคมีที่ช่วยส่งเสริมการผลัดผิวตามธรรมชาติ
    เช่น
    ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ
    กรดไกลโคลิก
    กรดแลคติกหรือกรดซาลิไซลิก
    นัดทรีทเมนท์ผิวหน้า
    เพราะเวลานี้ผิวจะไม่เซ้นส์ซิทีฟมากจึงเป็นช่วงที่เหมาะจะดูแลผิวหน้าด้วยการนวดหรือทรีทเมนต์ต่างๆ



    ช่วงไข่ตก อาทิตย์ที่ 3

    ช่วงนี้
    จะเป็นช่วงที่ผิวดูดีและเนียนใสที่สุดของเดือน
    ต้องขอบคุณการเพิ่มของระดับฮอร์โมนแอสโทรเจน
    (เอสโทรเจนช่วยรักษาระดับน้ำมันบนผิว)



    สิ่งที่ควรทำ
    ใช้ผลิตภัณฑ์กำราบสิวและการผลัดเซลล์ผิว
    ช่วงนี้ล่ะควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิวได้แล้วเป็นประจำทุกวันจนกระทั่งเริ่มมีประจำเดือน

    เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำความสะอาดผิว
    โดยทำความสะอาดผิวทั้งเช้าและเย็น
    แต่หากว่ามีผิวที่มันมาก
    ให้เพิ่มการใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หลังการล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก
    (แต่หากว่าผิวแห้งมากๆก็ควรเว้นากรใช้โทนเนอร์)
    แล้วลองใช้มาส์กพอกผิวที่ช่วยลดการเกิดสิวสำหรับอาทิตย์นี

    ดูแลผิวช่วงก่อนนอนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันการเกิดสิว
    เลือกที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก
    แอซิด ไกลโคลิก แอซิด
    เพอร์รอกไซด์และที ทรี
    ออยล์
    ใช้กระดาษซับความมัน
    ในช่วงอาทิตย์นี้และอาทิตย์ถัดไป
    พกพาเอาไว้ติดตัวเพื่อซับเอาน้ำมันออกจากผิว




    อาทิตย์ช่วงก่อนเริ่มมีประจำเดือน
    อาทิตย์ที่ 4

    ช่วงนี้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนยังเพิ่มสูงขึ้น
    ขณะที่ฮอร์โมนเอสโทรเจนตกฮวบลง
    ช่วงนี้ล่ะบรรดาสิวทุกรูปแบบจะเริ่มปรากฎ
    ผิวจะมีความมันที่สุด



    สิ่งที่ควรทำ
    อ่อนโยนกับผิวพรรณให้มาก
    พยายามหลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลบนผิว
    เช่นการแว๊กซ์ขน
    การทำเลเซอร์
    การขัดผิวและทรีทเมนต์หน้าแบบต่างๆ
    ผู้หญิงหลายคนจะพบว่าการทำทรีทเมนต์ผิวแบบใดก็ตามในช่วงนี้จะรู้สึกเซ้นส์ซิทีฟมาก

    ดูแลผิวบริเวณที่เป็นสิวทั้งเช้าและเย็น(ก่อนนอน)
    ด้วยผลิตภัณฑ์แต้มสิว
    เพิ่มเข้าไปในขั้นตอนการทำความสะอาดวันละ
    2 ครั้งทุกวัน

    ใช้มาส์กพอกผิวสำหรับสิวอย่างน้อย
    2 ครั้งในช่วงอาทิตย์นี้
    เพื่อชวดลดการอุดตันรูขุมขน
    มองหาส่วนผสมที่จะช่วยทำให้สิวแห้งเร็ว
    คือ sulfur

    อำพรางรอยสิวด้วยเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก
    แอซิด
    แล้วเลือกชนิดที่บอกว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

    ครั้งต่อไปที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า
    อย่าลืมดูส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ด้วยนะคะ


    ขั้นตอนการเกิดสิว!!!
    (เพื่อความรู้นะจ๊ะ)
    1.
    เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน
    มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน
    ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น
    2.
    เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น
    ซึ่งจริงๆแล้วน้ำมันนี้จะเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว
    แต่เมือ่ถูกผลิตออกมามากเกินไป
    ยิ่งซ้ำร้ายหากในขณะที่ทำกลังเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน
    เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน
    ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน
    อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
    3. ตามปกติ
    เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อยๆถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือเหงื่อ
    แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น
    เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย
    เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก
    ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ
    4. เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน
    บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย
    ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผิวหนังและรูขุมขน
    แต่เมื่อเกิดการอุดตัน
    เจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ซึ่งไม่ชอบออกซิเจน
    ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ
    จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น
    5.
    เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว
    เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะส่งมาเพื่อฆ่าแบคทีเรียนี้
    ตอนนี้นั่งเอาที่ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง
    บวม เจ็บ
    และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด

     

แชร์หน้านี้

Loading...