พระบรมสารีริกธาตุอันตรธาน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 10 ตุลาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,021
    ๒๒. พระบรมสารีริกธาตุอันตรธาน

    ใน อัตรธานปริวรรต แห่ง ปฐมสมโพธิกถา กล่าวถึงการสิ้นสุดของพระพุทธศาสนาว่า ประกอบด้วยการเสื่อมสูญ ๕ อย่าง คือ...

    ๑. ปริยัติอันตรธาน เสื่อมสูญจากการศึกษาธรรม
    ๒. ปฏิบัติอันตรธาน เสื่อมสูญจากการปฏิบัติธรรม
    ๓. ปฏิเวธอันตรธาน เสื่อมสูญจากผลของการศีกษาและปฏิบัติธรรม
    ๔. ลิงคอันตรธาน เสื่อมสูญจากเพศของภิกษุ
    ๕. ธาตุอันตรธาน เสื่อมสูญจากพระบรมสารีริกธาตุ


    การเสื่อมสูญแต่ละอย่างนั้น จะทวีมากขึ้นไปตามลำดับ ในท้ายสุดแห่งพระพุทธศาสนา พระบรมสารีริกธาตุทั้งมวลจะมาประชุมรวมกันเป็นพระรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงพร้อมด้วยฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ...

    รูปพระพุทธนิมิต ทรงเทศนาสั่งสอนสัตว์โลกเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน แล้วอัตรธานไป ปล่อยให้ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ให้สะอาดหมดจดดังเดิม (ใช้ผงซักฟอกยี่ห้อไหนจ๊ะ...? จะขอมาฟอกลูกศิษย์บางคนซักกำมือ...!)

    นั่นเป็นไปตามตำราเขาว่าไว้ อาตมาก็จำขี้ปากเขามาเล่าต่อ จะเท็จจริงประการใด ขอเชิญบรรดาท่านผู้สงสัย อยู่รอดูจนกว่าจะถึงวันนั้น ถึงเวลาก็จะทราบเอง แค่สองพันกว่าปีเท่านั้น นั่งบ้างนอนบ้างแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว...ฮิ...ฮิ...!

    หลังจากพระมหากัสสปเถรเจ้า เป็นประธานประชุมเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือ พระบรมสารีริกธาตุน้อยใหญ่ จำนวน ๘ ทะนานทอง บรรดากษัตริย์ทั้ง ๗ นครต่างยกทัพมาเพื่อขอแบ่ง พระบรมสารีริกธาตุไปบูชา (ยกทัพมาเนี่ยขอแน่นะ...!)

    นครกุสินารายณ์ถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่ไอ้การทำเป็นนักเลงโต ยกทัพมาเบ่งทำท่าขู่กันแบบนี้ ใหญ่เท่าใหญ่ก็ขอลองซักตั้งเถอะน่า แพ้ชนะค่อยว่ากันทีหลัง...(แหม...ถูกใจ...!) ก็ตั้งป้อมสู้ซิ...แน่จริงเข้ามาเล้ย ...ได้ฟัดกันแหลกราญไปข้าง...!

    บังเอิญมีบัณฑิตผู้หนึ่ง ชื่อว่า "โทณพราหมณ์" เห็นว่า การรบกันนั้นไม่ใช่วิสัยของพุทธศาสนิกชน จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย อาสาเป็นผู้แบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากเสี่ยงต่อการบาดเจ็บล้มตาย เมื่อมีพระเอกมาห้ามทัพแบบนี้ก็ตกลง...

    โทณพราหมณ์เห็นว่า พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว เป็นของสำคัญหากมอบให้ผู้ใดผู้หนึ่งไปผู้อื่นย่อมไม่พอใจ จึงงุบงิบหยิบซ่อนไว้ในมวยผม แต่ว่า...เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกระดาษยังมีซาละเปา พระอินทร์ เจ้าเก่า เอาพานแก้วมณีมารองรับ เท่ากับโทณพราหมณ์หยิบใส่พานให้ท่านปู่เลยเอาไปบรรจุไว้ ณ จุฬามณีเจดียสถาน ที่ ดาวดึงสเทวโลก...

    ดังนั้น...ในระยะแรก พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย จึงแยกย้ายกันไปใน ๗ พระนคร ต่อมา ผู้ที่ทำการสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส พระบรมสารีริกธาตุก็เสด็จไปโปรดท่านผู้นั้น อย่างที่เสด็จมาอยู่กับหลวงพ่อนับเป็นล้าน ๆ องค์เลยทีเดียว...!

    พระบรมสารีริกธาตุมีพรรณสัณฐานต่าง ๆ กัน คือ เหมือนถั่วแตก หรือข้าวสารหัก ยกเว้นพระบรมธาตุสำคัญ ที่มีรูปร่างเฉพาะ เช่น พระเขี้ยวแก้ว พระอุณหิส พระรากขวัญ เป็นต้น มีสี ขาวเหมือนสีสังข์ บ้าง ใสเหมือนเพชร บ้าง สีทองแวววาว บ้าง...

    เวลาพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ จะเป็นดวงแสงสีนวลสว่างจ้า เมื่อหลวงปู่ปานพาหลวงพ่อทั้งสามไปธุดงค์ พบพระธาตุเสด็จที่ พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และเมื่อไปอยู่ที่วัดประยุรวงศาวาส จังหวัดธนบุรี ก่อนที่สัมพันธมิตรจะมาทิ้งระเบิดที่ สะพานพุทธ แค่ไม่กี่วัน หลวงพ่อและเพื่อนพระทั้งวัด ตลอดจนชาวบ้านที่ยังไม่ย้ายหนีภัยสงครามเห็นพระธาตุเสด็จเหนือสะพานพุทธ สว่างจัดมาก ขนาดอยู่ที่วัดประยูรฯ ยังอ่านหนังสือได้เลย...!

    ในงานฉลองวันเกิดหลวงพ่อ ปี ๒๕๒๖ ท่านเมตตาแจกพระบรมสารีริกธาตุให้ลูก ๆ นำไปบูชา ผู้คนแห่กันไปรับแทบจะเหยียบกันตาย บางคนเพิ่งรับมากับมือแท้ ๆ หายวับไปกับตา อาตมานั่งนวดเท้าให้ หลวงปู่มหาอำพัน อยู่ เห็นพระธาตุมาตกที่ข้างหน้าหลวงปู่มากมาย เก็บได้เป็นกำ ๆ เลย...!

    คืนหนึ่ง อาตมา "เห็น" พระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเหมือนเม็ดข้าวสารเต็มเม็ดเสด็จมาสว่างไปทั้งท้องฟ้า พุ่งตรงมาที่หิ้งพระในห้องนอน ด้วยความดีใจรีบไปเปิดตลับดู ไม่เห็นมีท่านอยู่ พอไปเปิดตลับของพี่ประสิทธิ์ดู เสด็จมาอยู่ที่นี่เอง...!

    ตอนที่อาตมาปิดฝาตลับนั่นเอง เกิดพลาดทำตลับตกพื้น พระบรมสารีริกธาตุกระจายไปทั้งห้อง และแสดงปาฏิหาริย์หายวับไปซึ่ง ๆ หน้า พื้นเป็นคอนกรีดขัดมันแท้ ๆ จะหาร่องหารูที่ไหนก็ไม่มี แต่ท่านมุดดินหายไปเฉย ๆ ...!

    ต่อมา อาตมาได้พระบรมสารีริกธาตุมาอีก ๒-๓ พันองค์ แบ่งถวาย หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการาม ไปจนหมด พอได้มาอีกเมื่อไร ถูกญาติโยมขอหมดทุกที ยังไม่ทันสิ้นศาสนาเลย หายหมดเกลี้ยงซะแล้ว...!


    ๒ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    http://www.palungjit.org/board/showpost.php?p=334482&postcount=22

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...