"ฟักทอง"

<TABLE class=fdTbSpace1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=fdTdNormal2 align=middle bgColor=#aaaaaa>ฟักทอง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=fdTbSpace1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1>

<DD>พืชผักผลไม้มีไม่มากนักที่สามารถนำมาทานได้ทุกส่วน ตั้งแต่ราก ใบ ผล และเมล็ด แต่ที่เห็นก็จะมีผักอยู่ประเภทหนึ่งที่ทานทุกส่วนและเป็นที่รู้จักกันดี

<DD>นั่นก็คือ ฟักทอง ซึ่งพอได้เอ่ยถึงเมื่อไหร่ ก็จะนึกถึงผลของมัน ที่มีลักษณะใหญ่ เปลือกค่อนข้างหนาสี เหลือง เขียว ส่วนเนื้อในจะมีสีเหลืองดูน่ารับประทาน

<DD>สมัยก่อน ฟักทอง มักเป็นผักที่เด็กๆ ทานกัน เพราะด้วยคุณค่าและคุณสมบัติย่อยง่าย คุณแม่ส่วนใหญ่จึงนิยมนำไปประกอบเป็นอาหาร

<DD>แต่มาในปัจจุบัน ฟักทอง กับได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้ใหญ่ เนื่องจากคุณประโยชน์ที่ได้นั้น มีมากจนทำให้คนหันมาทานกันเยอะขึ้น

<DD>คุณค่าที่ได้จากฟักทองและทำให้รู้จักกันดี ก็คือ เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนที่ได้จากเนื้อสีเหลือง ซึ่งตัวนี้สามารถช่วยป้องกันเซลส์ร่างกายจากอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุการก่อมะเร็ง

<DD>และเมื่อร่างกายได้เบต้าแคโรทีน จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ฟันและกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณดูสดใส

<DD>นอกจากนี้เนื้อฟักทองยังมีใยอาหารมาก ทำให้ระบบการย่อยอาหารดี เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วนได้ดีทีเดียว

<DD>ส่วนเมล็ดนั้น จะมีฟอสฟอรัส สังกะสี ช่วยป้องการโรคนิ่ว และถ้าให้ดี หญิงมีครรภ์รับประทาน จะช่วยลดหน้าท้องลายที่เกิดจากการตั้งครรภ์ได้

<DD>แต่หากจะเลือกทานเปลือกก็มีคุณค่าไม่แพ้เช่นกัน เนื่องจากมีฤทธิ์ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน ซึ่งมีผลทำลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดความดันโลหิต

<DD>สำหรับรากฟักทอง ที่คิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์ จริงๆ แล้ว สามารถแก้ไอและถอนพิษฝิ่นได้ ส่วนวิธีเลือกซื้อฟักทองที่ดี แนะนำให้เลือกลักษณะผลแก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานอร่อย <TABLE class=fdTbSpace1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1><DD>และที่สำคัญถ้าจะนำฟักทองไปประกอบอาหารคาว ให้เลือกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม แต่ถ้าจะประกอบเป็นของหวาน ให้ซื้อผลเล็กหน่อย ไม่เกิน 2 กิโลกรัม และเลือกผิวเรียบ เพื่อดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น

<DD>หากต้องการที่ได้คุณค่าจริงๆ ควรซื้อทั้งลูกที่ยังไม่ได้ปลอกเปลือกหรือหั่นทิ้งไว้ เพราะถ้าซื้อเพื่อความสะดวกแบบหั่นเสร็จเรียบร้อย จะทำให้เสียคุณค่าและรสชาติอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></DD></TD></TR></TBODY></TABLE>