ยุคสมัยไฮเทคเป็นยุคที่น่ากลัว

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 4 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,177
    ถาม: ..................................

    ตอบ: ดูคนรุ่นนี้แล้วกลัวแทนเขา จะเรียกว่าภยตูปัฏฐานญาณ ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าญาณตัวนี้จะพิจารณาว่าโลกนี้เป็นภัยอันน่ากลัวอย่างยิ่ง มันน่ากลัวตรงไหนรู้ไหม ? อันดับแรกอาศัยเครื่องมือเครื่องใช้อะไรต่างๆ มากจนเกินไป จนกระทั่งเสื่อมสมรรถภาพไปเลย

    โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ สังเกตว่าเด็กสมัยนี้ลายมือห่วยแตกมาก มันพิมพ์แต่คอมพิวเตอร์มากไปจนกระทั่งลายมือตัวเองไม่ได้ใช้ อันดับที่ ๒ ก็คือข้อมูลต่างๆ เขาจะค้นหาจากคอมพิวเตอร์ โดยตัวเองไม่ได้จำ พอถึงเวลาถ้าคอมฯ เจ๊งก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเองเลย และอันดับต่อไปพวกเครื่องอำนวยความสะดวกของเขาทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาไฟฟ้า ถ้าไฟฟ้าดับเจ้าพวกนี้ตายก่อน แล้วระบบข้าวของที่เงินผ่อนทุกประเภทมันเอาเงินในอนาคตมาใช้ หลอกล่อให้เราซื้อโดยยื่นเงื่อนไขที่ล่อใจมาก ๆ ถ้าหากว่าคนไม่มีสติสัมปชัญญะโดนแรงโฆษณาโดยการชวนเชื่อจนเกิดความต้องการปลอมขึ้นมา คือว่ารู้สึกว่ามันจำเป็นทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็น ก็จะต้องไปดาวน์ไปผ่อนอะไรกัน มันเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ ทันทีที่ทำแปลว่าผูกขาเป็นทาสเขาเป็นเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปี ๓ ปี ๕ ปีข้างหน้า เงินที่หามาได้จะกลายเป็นของคนอื่นเขาไม่ใช่ของตัวเองแล้ว

    ยิ่งบัตรเครดิตยิ่งแย่ใหญ่เลย เพราะว่ามันใช้โดยไม่เห็นตัวเงิน กว่าจะรู้ตัวก็เข้าเนื้อไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ยิ่งปัจจุบันเขายื่นเงื่อนไข ดอกเบี้ย ๐% ใช่ไหม ? แต่ว่าบรรทัดสุดท้ายของสัญญา เขาจะมีว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยได้ตามใจของเขา ไม่ใช่ตามใจเรา เพราะฉะนั้นต่อไปมันขึ้นไป ๆ ก็เสร็จอีก และตัวบัตรเครดิตร้ายที่สุดคือมันเอาเงินของเราให้เรากู้ เราต้องมีเงินสำรองในธนาคารเพียงพอมันถึงออกบัตรเครดิตให้เรา แล้วในหนังสือสัญญาจะบอกเอาไว้เลยว่าทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเราๆ จะสำรองไว้ให้ท่าน

    อย่างสมัยก่อนบัตรทองอเมริกันเอ็กเพรซ์มันตื๊ออาตมาให้เป็นสมาชิก ทันทีที่ท่านเป็นสมาชิกของเราๆ จะสำรองเงินไว้ให้ท่าน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จะไม่คิดดอกเบึ้ยจนกว่าวันแรกที่ท่านใช้บัตร เรามานั่งดู อ้าว...แล้วเงินของเราก็มีทำไมไม่เอาเงินของเรามาให้เราใช้ล่ะ เลยกลายเป็นว่าเอาเงินของเรามาให้เรากู้ คือเราต้องมีเงินประกันอยู่ถึงจะยอมออกบัตรให้เรา เงินเราก็มีคาบัญชีอยู่แต่ไม่เอาเงินที่คาบัญชีอยู่มาให้เราใช้ แล้วเก็บค่าอำนวยความสะดวกไปเหมือนบัตรเอทีเอ็ม มันไม่ใช่ แต่ว่าเอาเงินตัวนี้มาให้เรากู้ ทันทีที่เรารูดบัตรปุ๊บก็คิดดอกเบี้ยเราเดี๋ยวนั้นเลย เรามีแต่เสียกับเสีย ได้อย่างเดียวคือความสะดวก

    อันนี้ลองมาคิดถึงว่าโลกข้างหน้าที่จะพาให้คนมาเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร แล้วก็จะมีแต่การอาศัยเครื่องมือต่างๆ อำนวยความสะดวกให้ แล้วลองคิดดูว่าคนเรามันจะเหลืออะไร ? คงหาตัวตนของตัวเองไม่เจอแล้วก็ร้อนรนอยู่กับมัน

    ปัจจุบันนี้เด็กๆ สมาธิสั้นมากเลย เพราะติดโทรทัศน์กดปุ่มเปลี่ยนไปเรื่อย โดยใช้รีโมทคอนโทรล เพราะฉะนั้นความทรงจำหรือสมาธิของเขาจะเป็นชิ้นๆ เหมือนตัวต่อจิ๊กซอว์อะไรอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ความจำและสมาธิของเขาไม่ได้ปักมั่นอยู่กับเรื่องเดียว

    เพราะฉะนั้น เด็กสมัยนี้สมาธิสั้นมาก คุยเรื่องหนึ่งยังไม่ทันได้ครึ่งมันก็เปลี่ยนไป ๓ เรื่องแล้ว เมื่อมองตรงจุดนี้แล้วเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก คนอื่นๆ กลัวหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่อาตมาเห็นว่ามันน่ากลัวจริงๆ ก็เลยคิดว่า ภยตูปัฏฐานญาณนี้ เห็นเป็นโทษเป็นภัย เป็นสิ่งที่น่ากลัวน่าจะดูในลักษณะนี้ ลองดูบ้างแ้ล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าอยู่ๆ เกิดพายุสุริยะขึ้นมาเป็นประเภทพายุแม่เหล็ก ลบข้อมูลเกลี้ยงไปเลย คอมพิวเตอร์ทุกตัวเดี้ยงพร้อมกัน โลกทั้งโลกจะไปรอดไหม ? อาตมาซื้อพิมพ์ดีดไปนั่งดีดป๊อกแป็กๆ แล้วท่านกอล์ฟ ก็ว่าอาจารย์จะซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ขนาดไหนก็มีปัญญาซื้อ ทำไมเอาพิมพ์ดีดเก่างั่กมากเลย พิมพ์ดีดไฟฟ้าก็ไม่เอา เลยบอกว่าแล้วถ้าไฟดับล่ะมึงพิมพ์ได้รึเปล่า แต่กูพิมพ์ได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเราขวางโลกหรือเปล่า ? ไฟฟ้าดับคุณทำได้ไหมล่ะ ? คุณมีคอมพิวเตอร์ แล้วพิมพ์ดีดอาตมาพิมพ์ได้ ถึงไม่มีพิมพ์ดีดก็เขียนเอาได้




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...