ว้าว!!!!!มารู้จัก..บีทรูท..กันเถอะ

<DD>บีทรูทหรือบีท เป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นหัว ใช้รากเป็นที่สะสมอาหาร รูปร่างกลมอวบน้ำสี แดงอมม่วงเข้ม ใบสีเขียวตัดกับก้านใบและมีเส้นใบสีม่วงแดง หัวกลมฉ่ำเมื่อหั่นตามขวางจะมีลายเป็นวง



<DD>แต่ส่วนที่นิยมนำไปรับประทาน ก็คือส่วนที่เป็นใบอ่อน หัวขนาดเล็ก และหัวโตเต็มที่กินสดหรือปรุงสุก ปอกเปลือก หั่นเป็นแว่นบางๆ หรือขูดฝอย ใส่ร่วมกับผักชนิดอื่นๆ เพิ่มรสหวานและสีสันในจานสลัด



<DD>นอกจากนี้ยังใช้ปรุงอาหารอื่น เช่น ผัด อบ และดองหวานในน้ำส้มเป็นเครื่องเคียงอาหารจานหลัก ใส่ในซุป เป็นไส้แฮมเบอร์เกอร์ หรือนำมาคั้นน้ำใช้เป็นสีผสมอาหารและผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่นดื่มเพื่อสุขภาพ



<DD>การเลือกและเก็บรักษาบีทรูท <DD>ให้เลือกหัวขนาดเล็ก เพราะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานกว่าหัวขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีใบติดอยู่ ให้เลือกหัวที่ใบยังสด แล้วตัดใบให้เหลือก้าน 2-3 ซม. จากนั้นก็นำไปล้างให้สะอาด เก็บในถุงตาข่ายวางไว้ในที่ร่ม หรือในช่องแช่ผักเก็บไว้ได้นานกว่า 14 วัน



<DD>วิธีการนำไปใช้ <DD>1. ปรุงสุกโดยตัวขั้วออกล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันให้ทั่วหัวแล้วห่อแต่ละหัวด้วยแผ่นอะลูมิเนียม อบจนสุกประมาณ 45 นาที <DD>2. นำหัวมาต้มทั้งเปลือกนาน 45 นาที แช่ลงอ่างน้ำเย็น แล้วจึงลอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้น



<DD>คุณค่าและสรรพคุณ <DD>หัวบีทรูทจะอุดมไปด้วยโฟเลทและโพแทสเซียมสูง มีวิตามินซี ส่วนยอดและใบมีสารเบต้าแคโรทีน แคลเซียม และธาตุเหล็กสูง <DD>หัวบีทรูทที่ต้มสุกใหม่ๆ มีสารอาหารสูงกว่าเมื่อยังดิบ เพราะปริมาณน้ำที่น้อยลง ทำให้แร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งโพแทสเซียมสูงขึ้น น้ำบีทรูทคั้นสดๆ เหมาะเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับคนที่ฟื้นไข้ใหม่ เพราะเข้มข้นด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงเลือด บำรุงไต และถุงน้ำดี <DD>นอกจากนี้ยังนิยมใช้เป็นอาหารล้างพิษ ในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรังและผู้สูงอายุ น้ำบีทรูทที่คั้นบริสุทธิ์มีความเข้มข้นมาก อาจเกิดผลข้างเคียง และมีรสชาติกินยาก จึงควรผสมกับน้ำกับผลไม้อื่น เช่น น้ำเสาวรส น้ำแอ๊ปเปิ้ล น้ำแครอท เป็นต้น จะทำให้รสอร่อยกินได้ง่าย และนอกเหลือจากนี้การวิจัยยังพบว่าในหัวบีทรูทจะมีกรดแอมิโนที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็งได้

</DD>