ส.ค.ส. ๒๕๕๕

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฐาณัฏฐ์, 1 มกราคม 2012.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]

    สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่าน ^^

    ขออันเชิญคุณของบุรุษ ๔ คู่ ๘บุรุษ อันมี

    พระโสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล

    สกิคามีปฏิมรรค สกิคามีปฏิผล

    อานาคามีปฏิมรรคอานาคามีปฏิผล

    อรหันตมรรค อรหัตผล

    ผู้ถึงพร้อมแห่งอริยะทรพย์

    ด้วยมงคลชีวิตข้อที่ ๙ ความมีวินัยที่ดี

    เพื่อเป็นมงคลในการครองชีวิตตลอดศก ถึงพร้อมจิตอันเกษม

    ให้มิตรทุกท่านถึงพร้อมด้วยก้าวหน้าในธรรม การงาน สุขภาพ และ ปัญญา



    ๏ อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย

    คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา

    วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา

    เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

    ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก

    ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ

    คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ

    ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.

    วินัย ก็คือข้อกำหนด ข้อบังคับ กฏเกณฑ์เพื่อควบคุมให้มีความเป็นระเบียบนั่นเอง มีทั้งวินัยของสงฆ์และของคนทั่วไป สำหรับของสงฆ์นั้นมีทั้งหมด ๗ อย่างหรือเรียกว่า อนาคาริยวินัย ส่วนของบุคคลทั่วไปก็มี ๑๐ อย่าง คือการละเว้นจากอกุศลกรรม ๑๐ ประการ

    อนาคาริยวินัยของพระมีดังนี้

    ๑.ปาฏิโมกขสังวร คือการอยู่ในศีลทั้งหมด ๒๒๗ ข้อ การผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งก็ถือว่าต้องโทษแล้วแต่ความหนักเบา เรียงลำดับกันไปตั้งแต่ ขั้นปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาสิต เป็นต้น (ความหมายของแต่ละคำมันต้องอธิบายเยอะ จะไม่กล่าวในที่นี้)

    ๒.อินทรียสังวร คือการสำรวมอายตนะทั้ง ๕ และกาย วาจา ใจ ให้อยู่กับร่องกับรอย โดยอย่าไปเพลิดเพลินติดกับสิ่งที่มาสัมผัสเหล่านั้น

    ๓.อาชีวปาริสุทธิสังวร คือการหาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ นั่นก็คือการออกบิณฑบาตร ไม่ได้เรียกร้อง เรี่ยไรหรือเที่ยวขอเงินชาวบ้านมาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของตัวเอง

    ๔.ปัจจยปัจจเวกขณะ คือการพิจารณาในสิ่งของทั้งหลายถึงคุณประโยชน์โดยเนื้อแท้ของสิ่งของเหล่านั้นอย่างแท้จริง โดยใช้เพื่อบริโภค เพื่อประโยชน์ ความอยู่รอด และความเป็นไปของชีวิตเท่านั้น

    วินัยสำหรับฆราวาส หรือบุคคลทั่วไป เรียกว่าอาคาริยวินัย มีดังนี้ (อกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ)

    ๑.ไม่ฆ่าชีวิตคน หรือสัตว์ไม่ว่าน้อย ใหญ่

    ๒.ไม่ลักทรัพย์ ยักยอกเงิน สิ่งของมาเป็นของตัว

    ๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมีย ข่มขืนกระทำชำเรา

    ๔.ไม่พูดโกหก หลอกลวงให้หลงเชื่อ หรือชวนเชื่อ

    ๕.ไม่พูดส่อเสียด นินทาว่าร้าย ยุยงให้คนแตกแยกกัน

    ๖.ไม่พูดจาหยาบคาย ให้เป็นที่แสลงหูคนอื่น

    ๗.ไม่พูดจาไร้สาระ หรือที่เรียกว่าพูดจาเพ้อเจ้อไม่มีสาระ เหตุผล หรือประโยชน์อันใด

    ๘.ไม่โลภอยากได้ของเขา คือมีความคิดอยากเอาของคนอื่นมาเป็นของเรา

    ๙.ไม่คิดร้าย ผูกใจเจ็บ แค้น ปองร้ายคนอื่น

    ๑๐.ไม่เห็นผิดเป็นชอบ เช่น เห็นว่าพ่อแม่ไม่มีความสำคัญ บุญหรือกรรมไม่มีจริงเป็นต้น


    (kiss)
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เข้ามารับพร..ขอบพระคุณพี่หลง..อย่างมากครับ ขอให้พรย้อนกลับคำนับท่าน สาธุ
     
  3. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    อนุโมทนาสาธุ ค่ะ
    สวัสดีปีใหม่ 2555 เช่นกัน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    [​IMG]






    สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆพี่ๆทุกๆท่าน สบายกายสุขใจ ตลอดปีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ขอรับพรพี่หลง และเพื่อนๆพี่ๆทุกท่านครับ

    ,,,,,
    ^ ^)
    _/|\ )
     
  6. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    สวัสดีปีใหม่ครับ

    พี่หลง และ สหายธรรมทุกท่าน
    พุทธพจน์

    การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
    อโรคยาปรมาลาภา

    หมายความว่าอย่างไร

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอน โดยให้หลักไว้ดังนี้<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ๑. ในกรณีร่างกายของคุณหมอ ที่ต้องการจักถามว่า พ้นจากโรคหรือยังนั้น ตถาคตก็ใคร่จักย้อนถามกลับไปว่า การเป็นโรคนั้นเป็นปกติธรรมของการมีร่างกายใช่หรือไม่ (ก็ยอมรับว่า ใช่)<O:p></O:p>
    ๒. ทรงตรัสว่า ตราบใดที่ยังมีร่างกาย คำว่าปราศจากโรคนั้นย่อมไม่มี สักเพียงแต่ว่า บุคคลผู้มีปัญญาจักเห็นโรคอันเกิดจากธาตุ ๔ เสื่อมได้สักแค่ไหน แม้ความหิวก็นับว่าเป็นโรค ร่างกายเป็นรังของโรค เชื่อหรือไม่ (ก็รับว่าเชื่อ)<O:p></O:p>
    ๓. สำหรับโรคลำไส้ของคุณหมอที่เป็นแผล เวลานี้เนื้อนั้นได้สมานกันเช้าแล้ว แต่ก็ยังเป็นเนื้ออ่อนๆ พึงระมัดระวังอาหารรสจัดๆ อย่าได้รับประทาน เพราะว่าจักเป็นที่แสลงแก่แผลเนื้ออ่อนนั้น จักร้อนจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด ก็ให้งดไว้ก่อน พึงงดไว้ให้แผลหายสนิท อย่างน้อยก็เป็นแรมเดือน (เพื่อนของผมก็คิดว่าทำไมนานนัก) <O:p></O:p>
    ๔. ทรงตรัสว่า แผลภายใน นี่นะ มันหายยากยิ่งกว่าแผลภายนอก เรื่องนี้คุณหมอเป็นหมอย่อมทราบดีอยู่แล้ว<O:p></O:p>
    ๕. สำหรับการปฏิบัติ เวลานี้จักไม่ย้ำอะไรมาก ให้หมั่นดูอารมณ์จิตอย่างเดียวก็พอ<O:p></O:p>
    ๖. ความดี ความชั่วของจิต ต่างก็ได้ศึกษากันมาพอสมควรแล้ว ต่างก็ย่อมสามารถจับความดี - ความชั่วของตนเองเอาไว้ได้ ให้ตั้งใจกำหนดรู้กันเอาเองก็แล้วกัน ขอเพียงอย่างเดียวให้ซื่อตรงต่ออารมณ์ อย่าโกงเข้าข้างตนเองว่าดีอยู่ร่ำไปก็แล้วกัน กล่าวคืออย่าให้อารมณ์มันหลอก คนอื่นหลอกเรานั้นไม่เจ็บใจเท่าตัวเองหลอกตัวเองนะ เพราะนั่นคืออารมณ์โมหะชัดๆ ดูจุดนี้เอาไว้ให้ดีๆ<O:p></O:p>
    ๗. มีโรคก็เป็นทุกข์ ไม่มีโรคก็เป็นสุข อโรคยาปรมาลาภา แต่จริง ๆ แล้ว สำหรับนักปฏิบัติ คำว่าไม่มีโรคนั้นไม่มี การมีขันธ์ ๕ จึงมีทุกข์อย่างยิ่ง ในอดีตความโง่ทำให้ไม่เห็นทุกข์ คิดว่าการมีขันธ์ ๕ เป็นสุข เห็นกามตัณหาเป็นของดี ทั้ง ๆ เป็นตัวทำให้เกิดขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของทุกข์ทั้งปวง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ธัมมวิจัย เรื่อการไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ขอเขียนแยกเป็นข้อๆ เพื่อสะดวกแก่การจำและความเข้าใจ เพราะบุคคลจะรู้และเข้าใจธรรมได้ตามระดับจิตในจิต และธรรมในธรรม คือ จิตตานุสสติ และธัมมานุสสติ<O:p></O:p>
    ๑. ตราบใดที่กายยังอยู่ คำว่าปราศจากโรคนั้นย่อมไม่มี เพราะกายนี้เป็นรังของโรค<O:p></O:p>
    ๒. ในฐานะของหมอ ย่อมรู้ดีว่าอาการ ๓๒ ก็ดี ธาตุ ๔ ก็ดี ล้วนไม่เที่ยง ตัวไม่เที่ยงนี่แหละคือต้นเหตุที่เกิดทุกข์<O:p></O:p>
    ๓. ทุกอาการ ๓๒ ที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายนี้ ล้วนเป็นโรค หรือเป็นรังของโรคได้ทั้งสิ้น สูงที่สุดคือผม ต่ำสุดคือเท้าหรือตีน ล้วนเป็นโรคได้ทั้งสิ้น หรือมีอะไรก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น<O:p></O:p>
    ๔. เรื่องกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน - น้ำ - ลม - ไฟเป็นหลัก บวกอากาศธาตุและวิญญาณธาตุ มาร่วมประกอบด้วย ก็ล้วนไม่เที่ยง แม้ธาตุใดธาตุหนึ่งใน ๔ ธาตุหลัก เปลี่ยนแปลงไป มากเกินไปก็เป็นโรค น้อยเกินไปก็เป็นโรคได้ตลอดเวลา<O:p></O:p>
    ๕. โรคที่มีทุกคนมีเป็นประจำ ก็คือโรคหิว (ชิคัทฉาปรมาโรคา) ไม่ได้รับยกเว้นเลยแม้แต่รายเดียว<O:p></O:p>
    ๖. โรคะ พระองค์ทรงตรัสว่า คือ ความเสียดแทงที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถจะทนได้ เพราะร่างกายนี้มันหาใช่เรา หาใช่ของเราไม่ เราจึงบังคับมันไม่ได้ ยิ่งฝืนยิ่งทุกข์ ให้ใช้ปัญญารู้เท่าทันมัน (รู้ทันกองสังขารแห่งกายและจิต) ว่าธรรมดาของมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น ผู้รู้จึงไม่มีใครไปขัดขวางมัน พิจารณาด้วยปัญญาลงเป็นตัวธรรมดาหมด คือ ลงตัวช่างมัน หมายความว่า ช่างเรื่องของร่างกายมันนั่นเอง ผู้ใดมีอารมณ์ช่างมันได้ทรงตัว ก็คือ มีอุเบกขารมณ์ เกี่ยวกับกายและเวทนาของกายได้เป็นปกติ เท่ากับเป็นอุเบกขาจิต อุเบกขาธรรมดาตามลำดับ หากทรงตัวเป็นอัตโนมัติเมื่อไหร่ อุเบกขาบามีในบารมี ๑๐ ก็เต็มจิตดวงนั้นก็พ้นทุกข์จากกองสังขารแห่งกาย และกองสังขารแห่งจิตได้เป็นอัตโนมัติ ถึงจุด นี้สังขารุเบกขาญาณก็เกิด ก็จบกิจในพระพุทธศาสนา ผมยังไม่กล้าเขียนให้มากไปกว่านี้ เพราะเขียนตามจิตนมยปัญญาเท่านั้น ยังไม่ใช่ของจริง เพราะมีสัญญาปนอยู่มาก หากเขียนมากโอกาสที่จะผิดก็มากเท่านั้น ก็ขอเขียนพอเป็นแนวคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญาเท่านั้นเช่นกัน<O:p></O:p>
    ๗. หากจะให้เขียนต่อไปก็คงเขียนได้อีกมาก เขียนพอเป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น จึงขอสรุปเอาชัด ๆ ผู้รู้ย่อมทราบว่า ธาตุลมเป็นธาตุที่แสดงธรรมของความไม่เที่ยง ฝืนเมื่อไหร่ ทุกข์เมื่อนั้น คือ พร่องอยู่เป็นนิจ หายใจเข้าแล้วหายใจออกไม่ได้ก็ตาย หายใจออกแล้วหายใจเข้าไม่ได้ก็ตาย เราจึงต้องบริโภค หรือกินลม หรือหิวลม (ผัสสาหาร ลมหายใจคืออาหารของกาย) ตลอดเวลาจุดนี้หากไม่มีสติกำหนดรู้อารมณ์จิตของตนเองอยู่เสมอ ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นทุก เพราะทุกขสัจ หรือทุกข์ของกายนี้ หากไม่กำหนดก็ไม่รู้ว่ามันทุกข์ และต้นเหตุที่ทำให้เราขาดสติ ก็เพราะลืมอานาปานุสสติ </B>การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุทั้งสิ้น นี่คือตัวอริยสัจ ซึ่งแปลว่าความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านทรงรู้ก่อนผู้อื่นทุกคนในโลก ทรงทดลองปฏิบัติจนเกิดผลจริงที่จิตของพระองค์เองก่อน แล้วจึงนำมาสั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ตามพระองค์ ยิ่งเขียนยิ่งยาว จบยาก จึงจำต้องจบไว้เพียงแค่นี้<O:p></O:p>
    ๘. คำตอบที่ถูกต้องเรื่องการไม่มีโรค หมายถึง โรคทางใจ ๑๐ ประการ หรือสังโยชน์ ๑๐ ประการ ที่เป็นกิเลสร้อยรัดใจเราไว้ให้ต้องมาเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารต่างหาก มิใช่หมายถึงโรคทางกายแต่อย่างใด

    ที่มา tangnipprn.com



     
  7. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ส.ค.ส

    ขอมอบ ส.ค.ส คำกลอนแด่เพื่อนสหธรรมมิกดังนี้
    ________________________________

    ความทุกข์นั้น.....หน้าตา.......แสนลึกลับ
    ต้องประจักษ์......กับจิต........จึงจะเห็น
    ด้วยทุกข์นั้น......สารพัด........ที่จะเป็น
    ดูซ่อนเร้น........เล่นกล.......วก วน เวียน

    เวียนแล้วว่าย...ตายแล้วเกิด.....จึงเกิดผล
    กรรมผจญ......หลบไม่ได้.......แม้ตายสูญ
    ต้องมาเรียน.....กรรมฐาน.......ให้เพิ่มพูน
    ให้สมบูรณ์....เห็นไตรลักษณ์....ประจักษ์จริง

    อนิจจัง.......... ทุกขัง...........อนัตตา
    สุญญตา.......จึงปรากฏ..........ตลกยิ่ง
    ไอ้ความทุกข์..นั้นไม่เคย.........จะมีจริง
    ไยจึงดิ้น.......เที่ยววิ่งหา........กันหว่า เอย

    _________และ_________

    อนิจจัง.......ทุกขัง......อนัตตา
    หนึ่งคาถา....สามคำ.....จำให้มั่น
    เฝ้าเพ่งดู.....รู้สึก........อยู่ทุกวัน
    อัศจรรย์......ผันจิต......ติดนิพพาน

    _____________________


    ขอพระธรรมอันยิ่ง ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จงคุ้มครองเหล่าสหธรรมมิก ให้เจริญไปด้วยโพธิปักขิยธรรม
    ฟันฝ่ากิเลสสังโยชน์แล้วพบพระนิพพานในเร็ววันด้วยเทอญ...สาธุ...สาธุ...สาธุ
     
  8. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดี..ปี 2555
    สดชื่น เบิกบาน สุขกาย สุขใจ สบายกาย สบายใจ พูดดี คิดดี(จิตคิดแต่ดี ชีวีมีแต่สุข) ทำดี ย่อมได้ดี..แน่นอน ฟันธง (เหลือแต่หลัก) รักทุกคน ...สาวอุทัย
     
  9. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    สวัสดีปีใหม่ 2555
    สุขใจสุขกาย หัวใจเปี่ยมธรรม สุขาพแข็งแรง สำเร็จดั่งใจปรารถนาในการปฏิบัติทุกสิ่ง เทอญ
     
  10. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,153
    ขอให้ผู้มีจิตตั้งมั่นในธรรมจงเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญ.

    มีนิทานจะเล่าให้อ่านเล่นๆ อย่าได้ถือจริงจังอะไร

    มีพระรูปหนึ่ง ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ตน ว่าบุญบารมีที่สะสมมาแต่ภพชาติก่อนๆ มีผลต่อการปฏิบัติจริงๆ

    เมื่อได้เห็นเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ที่บวชเข้ามา มีความไม่เชื่อในพระพุทธศาสนาและเรื่องฤทธิ์มาก่อน เห็นเป็นสิ่งที่ไร้สาระงมงาย จึงอธิษฐานก่อนบวชว่า ถ้าพระพุทธศาสนาและเรื่องฤทธิ์มีจริง จงทำให้เขาได้รู้เห็นด้วยตัวเอง

    พอเข้ามาบวชก็สงสัยพระรูปหนึ่งว่า ทำไมชอบยิ้มเมื่อนั่งสมาธิ สงสัยจะเป็นพวกชอบสร้างภาพ จึงเริ่มอ่านหนังสือขั้นตอนวิธีการปฏิบัติสมาธิ และปฏิบัติตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ

    จนมีอะไรแปลกๆขึ้นกับตน คือมีแสงสว่างเกิดขึ้นทุกครั้ง พระหนุ่มรูปนั้นจึงมาปรึกษากับพระที่ชอบยิ้ม พระที่ชอบยิ้มก็แนะนำไปเท่าที่รู้

    จนพระหนุ่มนั้นมีการพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว พระยิ้มที่แนะนำก็สอนจนกระทั่งหมดภูมิจึงให้เขาครองสมาธินี้ต่อไปจนถึง......4

    แล้วก็บังเอิญมีผู้มีฤทธิ์มาแนะนำต่อ พระหนุ่มนั้นก็ฝึกต่อไปด้วยใจที่อยากรู้ในฤทธิ์ว่ามีจริงหรือไม่

    จนกระทั่งปฏิบัติได้ สมาธิของเขาก้าวหน้าเร็วมาก เพียงแค่ 3 เดือน ได้ถึง....1 แบบว่าเข้าออกได้ตลอดอย่างคล่องแคล่ว (ในอดีตชาติทำมาเยอะ)

    แล้วเขาก็เริ่มมีการพิจารณาธรรมตามที่ครูบาอาจารย์มาแนะนำ จนกระทั่งภาวะจิตอยู่สูงกว่าพระยิ้มที่แนะนำแต่ต้นเสียแล้ว

    พระยิ้มจึงเริ่มได้ประจักษ์ถึงเรื่องของบารมีเก่า จึงมีการถามครูบาอาจารย์ว่า แล้วที่ผมทำไปทั้งหมด มาตั้งเป็น 10 ปี มีผลอันใดเกิดขึ้นกับผมบ้างหรือยัง

    ท่านบอกว่า "ยังไม่ค่อยมีผลอันใดเลย" พระยิ้มจึงเริ่มท้อใจ จิตใจตกอย่างแรง ที่เห็นผู้เริ่มปฏิบัติแท้ๆ กลับนำหน้าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น

    จึงถามต่อว่า "แล้วที่ผมทำมาทั้งหมดเนี่ย มันส่งผลดีกับผมยังไงบ้าง"

    ท่านบอกว่า "ก็ทำให้เจ้าหลีกหนีจากอบายภูมิไงหล่ะ"

    เออ..........นี่ก็ถือว่าดีแล้วนี่นา

    "แล้วผมจะปฏิบัติอย่างไรให้เกิดผลกับตนเองได้บ้าง"

    ท่านตอบว่า "ก็ให้พิจารณาต่อไปสิ การปฏิบัติทุกอย่างต้องให้เกิดเป็นอารมณ์ของใจ เข้าถึงจิตถึงใจ ทำให้ธรรมเป็นอารมณ์ของใจ อย่าให้อยู่แค่ในความคิด จึงจะเกิดผล"

    "อืม.....แล้วถ้าชาตินี้ผมยังไม่หลุดพ้น ผมจะทำยังไงให้เกิดในชาติต่อไป เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรมตลอดไป"

    "ก็ทำให้จิตติดในธรรมให้เหมือนกับที่จิตติดในกามนั่นแหละ"

    อ่านกันเล่นๆแก้เซ็งนะ

    คุยอะไรมากไม่ได้

    สาธุ.
     
  11. yu_hongthong

    yu_hongthong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +104
    อนุโมทนา สาธุ นะคะ
    สวัสดีปีใหม่ ทุกท่านนะคะ
    เข้ามารับพรปีใหม่คะ ขอให้ทุกท่าน เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นนะคะ
    กราบขอบพระคุณมากคะ
     
  12. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ขอรับพรด้วยครับ สาธุ สาธุ สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านครับ ด้วยอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยขอให้ทุกท่านเข้าถึงธรรมโดยไวครับ
     
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สวัสดีปีใหม่ 2555 ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้า ครองสติกันให้ดีในปีนี้นะจ๊ะ
     
  14. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ :z16
    ขอรับพรสมาชิก "หลงเข้ามา" ด้วยความปีติเอิบอิ่มใจกันวันนี้ ขอมอบพรอันไพเราะและเพลงที่น่าฟังนี้ มอบกลับให้ทุกๆท่านในที่นี้ครับ


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ltHGdgLaUGI]เพลง พรปีใหม่ - YouTube[/ame]
     
  15. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    ขอให้เพื่อนสมาชิกทุกท่าน เมื่ออธิษฐานอะไรไว้ ขอให้เหล่าเทพเทวดาทั้งหลาย จงมาช่วยให้ผู้เจริญในธรรมได้ไปถึงจุดหมายที่หวังไว้ทุกผู้ ทุกคนด้วยเทอญ

    มีนิทานเรื่อง ผู้วิเศษมาเล่าให้ฟังครับ

    มีฤษีผู้วิเศษตนหนึ่งสามารถทำอะไรก็ตาม ดังที่ใจปรารถนา เขามีลูกศิษย์อยู่หนึ่งคน ลูกศิษย์นั้น อยากรู้ว่าท่านอาจารย์นั้นทำอะไรไม่ได้บ้าง ลองให้ฤษีปราบ ยักษ์ สัมภเวสี ฤษีก็ทำได้ อยากได้ของวิเศษท่านฤษีก็ทำได้ เขาคิดไม่ออกว่าฤษีทำอะไรไม่ได้บ้าง วันหนึ่งมีนกน้อยคู่หนึ่งคุยกันว่า ปีใหม่ในโลกมนุษย์เปลี่ยนไปอีกแล้ว มันช่างเร็วเสียจริงๆ บางคนตั้งใจไว้ก็ยังไม่ลงมือทำ มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ สิ้นปีหน้าเขาจะทำได้เสร็จไหม นกน้อยสองตัวคุยกัน ตัวหนึ่งเลยตอบว่า ถ้าเขาลงมือทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้ก็คงจะเสร็จ แต่ถ้ารอคอยไปเรื่อยๆ ก็คงไม่เสร็จ ลูกศิษย์ฤษีได้ยินดังนั้น เลย ไปขอให้ฤษีนั้น ช่วยย้อนเวลากลับมาให้ตนเองหน่อย และคิดว่าฤษีของตนเองนั้นน่าจะทำได้

    แต่ฤษีนั้น บอกว่า" เวลานั้นไม่ว่าผู้นั้นจะเก่ง วิเศษสักเพียงใด ก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้"

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    [​IMG][​IMG]

    สอง ห้า ... ห้า ห้า ... ฮะฮะโหย
    ฮา ฮา ฮา .. ธรรมโกย ขำกันใหญ่
    ก็โกยธรรม มาหลายปี ไม่มีอะไร
    ธรรมก็ยังโกย หนีเราไป เพราะไม่ทัน

    ปฏิบัติ เป็นพุทธะ พระ..บูชา
    ดูแสนยาก เกินกว่า มาสังสรรค์
    เสวนา ว่ากันไป .. ในวันวัน
    ก็อาจดี กว่าไปมันส์ ในทางเลว

    ขอให้สุข ให้สุข ฮ่าฮ่าฮ่า
    ใครเลือกรับ ประโยชน์มา ไม่ลงเหว
    เพิ่มความรู้ ประตูธรรม ย้ำทางเร็ว
    ดีกว่าพร่าม ธรรมเย้วๆ ด้วยอัตตา

    ดีไม่ดี ก็ธรรมนี้ เผาใจไหม้
    เพราะอ้างธรรม ตีใครๆ ที่สูงค่า
    แล้วกลับเชิด คนต่ำ มีราคา..
    วิปลาส เพราะบ้า ในเพลิงธรรม

    ธรรมนั้นดี ดีเพราะธรรม ตามความสัท
    ไม่หลงลัด ผิดเพี้ยน เปลี่ยนจนขำ
    จะรู้ได้ เพราะรู้ทำ ใช่รู้จำ
    มีสติ ปัญญาล้ำ ทันจิตตน

    อกุศล กุศล ยลในจิต
    ศีลลิขิต ไม่ผิดพร่ำ ทำสับสน
    ไม่หลอกเขา หลอกเรา จนสัปดล
    แล้วเชิดตน ว่าผู้รู้ ตู่หน้าเป็น

    กิเลสเหลือ เท่าใด ในใจรู้
    จึงเป็นผู้ ทันจิตผูก ทันทุกข์เข็ญ
    มีสติ รู้กิเลส รู้กะเกณฑ์
    เล่นเป็นเล่น จริงเป็นจริง ... ลิงหนีเอยยยย
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ฟังดู ปีนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะใจทุกคนมันสบาย.....
     
  18. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    <IMG src='http://image.ohozaa.com/ip/fromcdsticker.jpg?iact=hc&vpx=406&vpy=140&dur=4566&hovh=225&hovw=224&tx=158&ty=64&sig=117724340223853919327&ei=SAYDT5ToJcvJrAeLicC4Cg&page=2&tbnh=135&tbnw=146&start=13&ndsp=12&ved=1t:429,r:8,s:13' width=200>​
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    สวัสดีปีใหม่ค่ะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=549 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD colSpan=4>อิทธิบาท 4

    </TD></TR><TR><TD width=12> </TD><TD colSpan=4> คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ
    ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
    ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
    ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
    ๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
    ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
    ฉันทะ คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
    วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
    จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
    วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.learntripitaka.com/scruple/Itibaht4.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2012
  20. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ส.ค.ส. ๒

    ทำไม............ต้องเร่งเรียน........เรื่องไตรลักษณ์
    เคี่ยวเข็นหนัก......เพ่งรูป............นามขันธ์๕
    ให้มาอยู่..........คู่อารมณ์...........ทุกเวลา
    เพ่งจนกว่า.........อุทาน.............ว่าพุทโธ
    ว่าธัมโม...........สังโฆ..............ดูธรรมะ
    เห็นธรรมะ........ด้วยสาระ............ที่สะสวย
    ดูซิธรรม...........ล้ำลึก..............หาย งง งวย
    ไตรลักษณ์ช่วย...พ้นทุกข์ได้.........สบาย แฮ

    ขยายความ

    ทำไม............ต้องเร่งเรียน........เรื่องไตรลักษณ์
    เคี่ยวเข็นหนัก......เพ่งรูป............นามขันธ์๕ ------------------ (เพ่ง=ฌาน)

    ให้มาอยู่..........คู่อารมณ์...........ทุกเวลา ---------------------(เจริญสติ)
    เพ่งจนกว่า.........อุทาน.............ว่าพุทโธ ------------------- (พุทโธ=รู้แล้ว)

    ว่าธัมโม...........สังโฆ..............ดูธรรมะ --------------------(ธัมโม=ธรรมะที่ช่วยดับทุกข์ ,สังโฆ=รู้ตาม)
    เห็นธรรมะ........ด้วยสาระ............ที่สะสวย -------------------(ธรรมะงดงามในเบื้องต้นท่ามกลางและบั้นปลาย)

    ดูซิธรรม...........ล้ำลึก..............หาย งง งวย -----------------(เกิดปัญญาตามลำดับ)
    ไตรลักษณ์ช่วย...พ้นทุกข์ได้.........สบาย แฮ --------------------(วิมุติ)

    ขอให้พระธรรมจงคุ้มครองเหล่าสหธรรมิก ให้ประจักษ์แจ้งในพระไตรลักษณ์
    เพื่อการเดินทางสู่วิมุติด้วยกัน ทุกๆท่าน เทอญ....สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...