หลากหลายกับ"มะระ"

<TABLE class=fdTbSpace1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=fdTdNormal2 align=middle bgColor=#aaaaaa>มะระ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=fdTbSpace1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=fdTdLast1 vAlign=top align=left bgColor=#f1f1f1>

<DD>มะระ ผักสีเขียว ที่ใครๆ เห็นแล้วเป็นต้องส่ายหน้าหนี ด้วยความที่มีรสค่อนข้างขม ไม่หวานเหมือนผักชนิดอื่นๆ ที่เคยทานและเคยรู้จัก

<DD>แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดแรก เรียกว่า มะระขี้นก มีลักษณะผลเล็ก ผิวขรุขระ สีเขียวเข้ม รสขมจัด คนส่วนใหญ่นิยมเลือกทานแต่ผลอ่อนๆ เพื่อนำไปจิ้มทานกับน้ำพริกต่างๆ

<DD>ชนิดที่สอง เรียกว่า มะระจีน มีลักษณะยาวและใหญ่กว่ามะระขี้นกหลายเท่า เนื้อหนา สีอ่อน ผิวขรุขระ มีรสขมเล็กน้อย เป็นที่นิยมมากในหมู่คนไทยและจีน

<DD>ส่วนคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการทานมะระ จะช่วยให้เจริญอาหาร ด้วยรสขมเฉพาะตัว ที่มีผลกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร

<DD>และผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย หรือท้องผูกเป็นประจำ แนะนำให้หันมาลองทานมะระ เนื่องจากมะระมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ

<DD>ทำให้ระบบการขับถ่ายสะดวกขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน มะระยังสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี

<DD>ด้วยผลมะระมีสารที่เรียกว่า โพลีเปปไทด์ พี และชาร์แรนติน จะไปเป็นตัวสำคัญที่กระตุ้นการหลั่งและเหนี่ยวนำอินซูลิน

<DD>โดยให้นำมะระไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วตากแห้ง จากนั้นนำมาชงเป็นน้ำดื่มแทนน้ำชา หรือน้ำหวาน รับประกันว่าระดับน้ำตาลไม่มีขึ้น

<DD>สำหรับเคล็ดลับในการทำให้มะระไม่มีรสขม เพียงนำมะระไปหั่น แล้วคลุกเคล้าหรือแช่กับน้ำเกลือสักพัก

<DD>หรือไม่ก็แนะนำให้นำไปต้มในน้ำเดือดๆ สักครู่ ก็จะได้เนื้อมะระที่ทั้งนุ่มกำลังดี และไม่มีรสขมมากังวลใจอีกต่อไป </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>