เทวดามาสร้างบารมี

​

เทวดามาสร้างบารมี​

เทวดาสร้างบารมีคืออะไร? เป็นมาอย่างไร? มีผลและ​

อิทธิพลกับเราอย่างไร? เทวดาสร้างบารมีก็จะเป็นหรือก็คล้ายๆ
กับเทวดาประจำตัวของเรา แต่จะมีพลังและอิทธิพลกับตัวเรา
มากกว่าเทวดาประจำตัว เทพเทวดาประจำตัวนั้นจะมีความเกี่ยว
ข้องผูกพันธ์กันกับเราในชาติที่เราเกิดเป็นเทพเทวดาเท่านั้น แต่
เทพเทวดาสร้างบารมีนั้นนอกจากจะมีความเกี่ยวข้องกับเราในชาติ
ที่เราเป็นเทพเทวดาแล้ว ยังมีความเกี่ยวข้องกับเราในอดีตชาติ
สมัยยังเป็นมนุษย์ที่ผ่านมาหลายๆชาติอีกด้วย

เช่น เคยเป็นพ่อ
แม่ญาติพี่น้องกันมา เคยเป็นข้าทาสบริวาร เคยเป็นศิษย์
อาจารย์ ด้วยความผูกพันธ์ ความรัก ความเป็นห่วงกันมาก่อน
นี้เลยต้องทำให้มามีผลกับเราในปัจจุบัน สาเหตุที่เหล่าเทพ
เทวดาต้องมาสร้างบารมีกันก็เพราะมีเหตุดังนี้ .........
มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยพระพุทธองค์ยังชนม์พระชนชีพอยู่ พระ

อานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า " อีกนานเท่าไรคำสอนทาง
พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์จะหมดไปจากโลกนี้ " พระ
พุทธองค์ตอบพระอานนท์ไปว่า " อีก ๕,๐๐๐ ปี นับจากเรา
ตถาคตเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้ว " เมื่อทราบเช่น
นั้นก็เกิดการแย่งกันที่จะดูแลทำนุบำรุงคำสอนให้สืบทอดต่อไป
ได้มีการแบ่งและขอกันดังนี้ ในช่วงเวลา ๒,๕๐๐ ปีแรกเหล่า
ภิกษุ ภิษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้จะทำนุบำรุง
ดูแล ๒,๕๐๐ ปีนับจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระ
ปรินิพพาน หลังจากนั้นที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือ ๒,๕๐๐ ปีหลังก็
เป็นของเหล่าเทพเทวดา ๑,๒๕๐ ปีนับต่อจากเหล่าภิกษุ ภิษุณี
สามเณร อุบาสก อุบาสิกา

ช่วงสุดท้ายของเวลาที่เหลือ
๑,๒๕๐ ปีก็เป็นของพวกยักษ์พวกมารทั้งหลายที่จะต้องดูแล
รักษา ขอให้ทุกท่านคิดดูว่าพวกยักษ์พวกมาร จะทำให้คำสอน
ทางพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้
อย่างไร เพราะโดยปกติทั่วไปเขาก็ขัดขวาง ไม่ส่งเสริมให้เจริญ
รุ่งเรืองอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้การเวลาได้ผ่านเลยมาเป็นเวลา ๒,๕๔๘
ปีแล้ว เกินเวลา ๒,๕๐๐ ปีมาแล้วเป็นเวลา ๔๘ ปี ก็แสดงว่า
หมดยุคและหมดเวลาของภิกษุ ภิกษุณี สามเเณร อุบาสก
และอุบาสิกาที่จะทำนุบำรุงคำสอนทางพระพุทธศาสนาของพระ
พุทธเจ้าองค์นี้แล้ว

เริ่มเข้าสู่ยุคของเหล่าเทพเทวดาที่จะมาทำนุ
บำรุงคำสอนทางพระพุทธศาสนา จะเห็นได้ว่าช่วงนี้จะเกิดอะไร
ขึ้นมากมายในวงการพระพุทธศาสนาในทางที่เสื่อมเสีย ทำลาย
ฐานของความเชื่อความศรัทธา มีการเรียนการสอนที่บิดเบือนทำ
ให้หลงทางเสียเวลา ปฏิบัติธรรมก็ไม่บรรลุธรรม ไม่สำเร็จญาณ
สำเร็จฌานทั้งๆที่ตามหลักการและคำสอนของการปฏิบัติในทาง
พระพุทธศาสนาแล้วนั้นจะต้องได้ญาณได้ฌานสำเร็จมรรคผล
กัน .........
เวลาผ่านมาแล้ว ๔๘ ปีเป็นช่วงของเหล่าเทพเทวดาลง
มาสร้างบารมี การมาในช่วงแรกๆของเหล่าเทพเทวดาจะลงมา
กันเลยทันที มาตามหาสายเลือดของตนเองหรือที่มีความผูก
พันธ์กันมาในอดีต จะมาในลักษณะของ การประทับร่าง ลง
ทรงหรือประทับทรง เมื่อมาแล้วเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากที่เหล่าเทพเทวดาได้ลงมาประทับร่างมนุษย์แล้ว ผู้ที่
เป็นร่างหรือม้าทรงท่านจะประทานให้ความช่วยเหลือทางด้านเงิน
ทอง ชื่อเสียง โชคลาภ ความสุขความเจริญ

ให้ความสามารถพิเศษที่มีหรือเป็นมากกว่าหรือเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาให้
กับผู้ที่เป็นร่างทั้งหลาย หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าผู้ที่เป็น
ร่างเหล่านี้ เกิดความโลภ เกิดความหลงตัวเองคิดว่าตัวเองเป็น
หรือตัวเองมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นๆ พอเวลาที่ท่านไม่อยู่ผู้ที่
เป็นร่าง(เหล่าเทพเทวดาก็มีภาระกิจหน้าที่ที่จะต้องทำเช่นกัน)ก็
ถวิลเรียกหา ก็เลยเกิดช่องว่างตรงนี้ขึ้น ทำให้มารที่รอและคอย
จังหวะที่จะแทรกผ่านเข้าร่างแทนเทพเทวดาองค์จริงได้ พอเข้า
ร่างได้แล้วมารก็จะเรียนรู้และปลอมแปลงแสดงเป็นเทพเทวดาองค์
นั้นๆเลยทันที เพราะมนุษย์มองไม่เห็นตัวของเขา จากนั้นก็
หลอกล่อให้คนที่เป็นร่างและคนอื่นๆให้หลงทางงมงายตามต่อ
ไป ส่วนเทวดาองค์จริงๆก็ได้แต่ยืนมองช่วยเหลืออะไรไม่ได้
เพราะมีพลังน้อยกว่าพวกมาร

มารก็จะทำให้เหล่าเทพเทวดาเสีย
ชื่อเหมือนกัน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ล่าสุดก็ร่าง
ทรงพระอินนทร์ฆ่าลูกหลานที่เป็นข่าวผ่านมาไม่นาน จึงทำให้
เกิดปัญหาในเรื่องของการผ่านร่างมนุษย์ของเหล่าเทพเทวดา
เพื่อที่จะได้มาทำการทำนุบำรุงคำสอนในทางพระพุทธศาสนาของ
พระพุทธองค์ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลังจากนั้นสวรรค์ก็ได้มีการ
ระงับไม่ให้เหล่าเทพเทวดาผ่านร่างมนุษย์อีก อาจารย์เลยต้องทำ
หน้าที่ตรงนี้ส่วนหนึ่ง(การตรวจกรรม) ส่วนการที่จะให้ตัวของเรา
สื่อกับเทพเทวดาที่จะมาสร้างบารมีหรืออื่นๆนั้นจะเป็นหน้าที่ของ
อาจารย์ นฤชา แจ่มใส(สามี)คือ การฝึกจิตให้ได้อภิญญา
เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์เป็นต้น จึงจะสื่อถึงกันได้ .........


การมาของเหล่าเทพเทวดาสร้างบารมีนั้นทำให้เรามีปัญหา
เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ฯลฯ ที่ทำ
ให้เรามีปัญหาก็เพราะว่า ต้องการให้เรารับรู้อะไรที่เกี่ยวกับท่าน
พอเรามีปัญหาเราก็จะหาทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถทาง
ด้านนี้ช่วยเหลือชี้แนะให้เรา ทีนี้การที่เราไปหาเราจะรู้ได้อย่างไร
ว่าจริงหรือหลอก ท่านก็ต้องไปทดลองเอาเองนะ อาจารย์ไม่
สามารถบอกให้ได้ว่าที่ไหนจริงที่ไหนปลอมแล้วแต่เวรและกรรม
ของคนนั้นๆก็แล้วกัน เทวดาสร้างบารมีของท่านเป็นใคร? ท่าน
จะต้องทำและปฏิบัติตนอย่างไร? จึงจะทำให้ตัวของเรามีความสุข
มี ความสำเร็จ ความเจริญ ฯลฯ กลับคืนมาหาตัวของท่านอีก
ครั้งให้เหมือนเดิมหรือดียิ่งๆขึ้นไป เทวดามาสร้างบารมีไม่ใช่

" องค์ " หรือ "องค์ใน" นะจะบอกให้ ในความหมายของอาจารย์
องค์หรือองค์ในจะหมายถึงพวก " มาร " หรือ " ซาตาน " ทันที
เพราะในตอนนี้เทพเทวดาเขาไม่ลงผ่านร่างของมนุษย์กันแล้ว
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ร่างพระอินทร์ที่ฆ่าลูกฆ่าหลานที่เป็นข่าว
ที่ผ่านมา เรื่องของมารหรือซาตานกับเรื่องของเทวดามาสร้าง
บารมีนั้น จะมีอะไรที่คล้ายกันและใกล้เคียงกันมากแทบแยกกัน
ไม่ออกเลยว่าคืออะไร ถูกหรือผิดใช่หรือไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องของการปฏิบัติธรรมและพิธีกรรมต่างๆ อยากรู้ว่าจริงหรือไม่
จริง ก็ลองมาเรียนฝึกปฏิบัติธรรมกันดูเพราะว่ามันเรื่องจริง เป็น
เรื่องที่พิสูจน์ได้ แต่ต้องมีความเชื่อ

ความศรัทธาในพระพุทธองค์และพระธรรมคำสอนด้วยส่วนลึกของจิตใจ
ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งทำแล้วท่านจะเข้าไม่ถึง หลังจากนั้นก็ต้องมีความ
เพียร ความพยายาม ความอดทนที่จะฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ
และตลอดเวลาด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็น .........

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ = เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
เอหิปัสสิโก = ขอท่านจงมาดูเถิด
อะกาลิโก = ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล .........

 

...แล้วถ้าเทวดามาเกิดเป็นมนุษย์ละครับ แล้วหลงลืมเพื่อแสวงหาสัจจะธรรม พอรู้ตัว พอรู้จิตแล้วเริ่มสร้างสมบารมีตน เริ่มจากการศึกษารู้แจ้งแทงตลอดในธรรมเร็วกว่าคนธรรมดา

แต่ไม่ปราถณาออกบวชพระ เพราะการช่วยเหลือมนุษย์ในโอกาสหน้า การเป็นฆราวาสจะทำการกิจได้มากกว่าพระ...

...ที่นี้เทวดาที่มาเกิดเป็นคน ท่านจะมีวิธี่เรียกจิตเทววิญญาณ หรือเรียกว่าเทวจิตดวงเดิมที่เคยได้เสวยในสุข หรือในปราถนาที่จะมาอยู่แล้ว ท่านจะได้ดวงจิตนั้นในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้มนุษย์ผู้ทุกข์ยากขาดที่พึ่ง คือเข้ามาเติมในส่วนที่พระขาด ส่วนที่เทวดาขาดพระจะเติม ...

...และเทวดาที่มาเกิดนี้ลักษณะจิตท่าน จะเป็นการประคองจิตอุเบกขา เมตตา กรุณา มุทิตา ละโทสะ ละโมหะ ละโลภะ ละราคะ ได้บ้างวาระ แต่ยังมีโลกีย์จิตติดอยู่ด้วย แต่อย่างอ่อน เพราะเทวดาที่มาเกิดก็ไม่ได้สำเร็จจนละได้ทั้งหมด

...การมาช่วยของเทวดา น่าจะเป็นลักษณะ ผู้ชี้ทาง ผู้บอกทาง ให้เชื่อและศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือการแสดงปฏิหารต่างๆที่พอทำได้ ที่จิตมนุษย์รับได้ อย่างง่ายที่สุด คือการพยากรณ์ ทำนาย ดูเหตุเภทไภยที่จะเกิดต่อตัวมนุษย์ หรือเรียกว่า องค์เทวจิต ไม่ใช่องค์แบบมทรงหรือประทับ

...แต่กลับมาเกิดในกายมนุษย์เลย แต่ช่วงต้นจะไม่รู้จิตตน จนผ่านเวลาไปพอสมควร จึงพบดวงจิต เพราะเทวดายังไม่สินกิเลสนั้นเอง พอพบจิตนิมิตแล้วก็จะทำหน้าที่ตนต่อไป การทำหน้าที่ก็จะเป็นลักษณะ เมตตาทาน อุเบกขาทาน ธรรมทาน พุทธทาน ...ความต้องการก็ยังมี แต่น้อยกว่ามนุษย์...

...ลองสำรวจเทวดามาเกิดนะ...

๑.ทรัพย์...จะไม่มีทรัพย์เป็นของตนจริงๆ หรือถ้ามีก็จะให้ผู้อื่นหมด หรือถูกผู้อื่นเอาไปหมด ...เพราะเทวดาไม่ปราถณาเก็บทรัพย์ เพราะทรัพย์จะทำให้ติดในภพมากที่สุด ติดใจ หลงไหลในทรัพย์ถอดจิตติดในทรัพย์ได้ต้องใช่ความมานะมาก

๒.บิดา มารดา...จะแยกกันอยู่ หรือจะเสียบิดา มารดา ในระหว่างที่มาเกิด หลังเกิดไม่นาน...เพราะเทวดาไม่ปราถณาผูกพันธ์กรรมในบุคคลนานภพ...แต่ไม่ได้ลืมบุญคุณบิดามารดาที่ให้กำเนิด...จะเป็นลักษณะห่างบิดามารดา แต่บูชาคุณ ตัดใจได้ง่ายไม่หลงในอารมณ์ ที่อาลัยอาวร ขาดสติ

๓.การงาน...เทวดาที่มาเกิดจะถูกเหวี่ยงให้ไปทำการงานประเภทที่เกี่ยวข้อง กับความเป็น ความตาย ความทุกข์ ความสูญเสีย ความอาลัย อาวรทั้งหลาย เพราะดวงจิตเทวดานั้นเขาฝึกฝนมาแล้ว เขาเตรียมดวงจิตพร้อมมาก่อนแล้ว มีไหลไปบ้าง แต่จะดึงกลับได้เร็วกว่าคนธรรมดา

๔.ความผูกพันธ์ในพงศ์เผา...เทวดาจะรู้ว่าทุกคนคือพี่น้อง จึงต้องช่วยเหลือ แต่จะช่วยเหลือได้ไม่หมดทุกคน จะเลือกช่วยในคนที่ช่วยได้ แล้วจึงเป็นผู้ชี้ทางให้คนที่อยากช่วยเห็น เช่น เมื่อขาดศรัทธา ศรัทธาตก เทวดาจะดึงจิต เตือนจิตให้ เมื่อไม่รู้จะปรึกษาใคร เราจะมีคนๆนึงช่วยเหลือเรา ใครก็ตามที่เขาช่วยเราอย่างเต็มใจ ปราถณาดี ให้เราเริ่มรู้สึกตัว มีกำลังใจสู้ต่อไป และเชื่อในธรรมของพระพุทธเจ้า

...มีอีกหลายข้อนะครับ แต่เอาไว้โม้คราวหลังอีก...ท่านก็เป็นเทวดาลองสำรวจดูนะ...

...ผมต้องกราบขออภัยด้วย ถ้าข้อความทุกข้อความ ล่วงเกินท่านผู้ใด และผู้ใดคิดว่าไร้สาระ ก็ไม่ต้องอ่านและไม่ควรใส่ใจกับข้อความเหล่านี้ เพราะนี้เป็นจินตนาการ ตามจิตตนเองที่เคยผ่านประสพมา และเห็นผู้คนมามากและ ได้รู้แต่ก็งูๆปลาๆ มาเล่ากันสนุก หรือคิดว่าเป็นนิทานก็ได้ ท่านที่คิดว่าไร้สาระ...

...เรื่องเทวดา ที่ผมเห็นมีอีกมากครับ เอาไว้จะมาเล่ากับพี่ เจ้าของกระทู้อีกที่ คือถูกใจที่พี่เขาเล่า เลยถือโอกาสเขียนด้วย ...ท่านพี่เจ้าของกระทู้ไม่ว่ากันนะครับ ...ผิดพลาดผู้น้อย ปัญญาน้อยขออภัยด้วย...

...ขอบคุณครับ...

 

รู้สึกว่า ชีวิตจะเหมือนเป็นตามที่คุณ ธรรมชาติฯ พูดไว้นะ แต่ตอนนี้เจอทั้งเทพและมารเล่นงานอยู่ (แทรก-ทรง)เป็น 100 มั้ง ไปปรึกษาแม่ชีมโนรามา ท่านบอกว่า ต้องผ่านเทพก่อนถึงจะบรรลุธรรม ตอนนี้ก็ปฎิบัติธรรมหนักขึ้น สนใจจังอยากฟังอีกเกี่ยวกับเทวดา รบกวนคุณธรรมชาติฯ มาบอกอีกนะคะ ส่งข้อความส่วนตัวก็ได้ (today computer is not good, internet line.)

 

พี่คร้าบๆๆ ช่วยโม้ต่ออีกหน่อยครับ - -
กำลังสนุกเลย เพราะอ่านเจอแต่ชีวิต ตัวเอง
แล้วจะมีเทวดา มาเตือนๆบ่อยๆๆหรือปล่าวครับ
เวลาผิด - -ช่วยบอกรูปร่างเทวดาหน่อยนะครับ
ขอผมเจอแต่ชุดขาว ทั้งตัว พร้อมกับเตือน - -

 

จะปฏิบัติธรรม ให้ธรรมรักษาตัวเราเป็นดีที่สุด

 

พ่อแม่แยกทาง ตัวเองสุ้ชีวิต จะสร้างบารมีได้เร็ว เห็นมาก็พอสมควรแล้ว

 

อนุโมทนาครับ สาธุ อ่านพุทธทำนายแล้วก็จะเห็นว่าเป็นไปตามพุทธทำนายครับ

 

เห็นด้วยกับท่านธรรมชาติพยากรณ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_816501", true); </SCRIPT> ครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาครับ..สาธุ

 

มารอสูร เทวดามิจฉาทิฐิมีเยอะต้องระวัง

 

แบบนี้เขาเรียกเทวดาที่เป็นพุทธภูมิ แล้วหรือป่าวเอ่ย อ่านแล้วน่าจะใช่ทีเดียว

 

อนุโมทนา ครับ

อย่างที่หลวงพ่อฤษีลิงดำ ท่านกล่าวไว้ว่า

เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา

สาธุ

 

MO THA NA SA TU KHA

 

มิน่าละ...ชีวิตถึงเป็นแบบนี้ รออยู่นะคะ คุณธรรมชาติกำลังมันเลย และก็กำลังมีอะไรแปลกๆกับตัวเอง ไม่รู้จะปรึกษาใครดี อยากมีพี่เลี้ยงที่จะอธิบายให้เราฟังได้ เล่าให้ชาวบ้านเค้าฟังก็มองเราแปลกๆเหมือนจะหาว่าเราบ้าเสียอีก

 

ครับ ผมรู้สึกเห็นด้วยว่า
เทวดาที่ลงมา ส่วนมากจะเป็น
พระมหาโพธิ์สัตว์ และพระโพธิ์สัตว์
ผมว่ามีเป็นเกือบพัน ท่าน
ที่ไม่เคยเจออีกนับไม่ถ้วน

ขออนุโมทนาครับ

 

คนเราทำดีขนาดยกมือไหว้ตัวเองได้..ก็เป็นเทวดาได้ค่ะ..

 

อ่านข้อความที่ท่านกล่าวมา
แล้วรู้สึกว่าตนเองปิติ น้ำตาไหลออกมาเอง
รู้สึกคุ้นเคยกับสภาวะแบบนี้มาก่อน รู้สึกได้เอง
แต่ทุกอย่างขอให้ตั้งอยู่ในวิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ

ข้อ 1 ตรงมากครับ ในใจเนี่ยลึกๆ ไม่เคยหวังเงินทองมากมาย
ได้มาให้ไป ให้ได้หมดทุกอย่าง ว่ากันตามจริงครับ
ได้บ้านมา ได้ทรัพย์มาโดยไม่คาดหมาย ผมก็รู้สึกเฉยๆ
ไม่โลภ ไม่ถือเป็นเจ้าของด้วยซ้ำ

ข้อ 2 คุณพ่อเสียแล้ว เสียแบบฉับพลัน
สติต้องแม่นเลย เพราะช่วงนั้นบ้านสั่นทีเดียวครับ

ข้อ 3 การงานต้องทำประเภทที่บูชา/หรือของเก่าโบราณ
การอนุรักษ์สืบสาน หรืองานเกี่ยวกับพุทธศานา หรืองานบุญ
งานกุศล ยังไงก็จะวกมาให้ทำงานแบบกุศลแทบทุกครั้ง
คิองานต้องเกี่ยวกับการให้ การช่วยเหลือคนอื่น

ข้อ 4 ในความรู้สึก ผมสามารถช่วยเหลือ หรือเสียสละ
ชีวิตให้คนได้ ไม่ว่าจะคุณพ่อแม่พี่น้อง หรือหากจำเป็น
คนที่สำคัญมากท่านใด หากแลกได้ด้วยชีวิต ไม่เสียดายนะครับ

ไม่มีการเปรียบเทียบมาคนนั้นดีกว่า คนนี้ดีกว่า ต้องให้คนนั้นคนนี้
ถ้าเป็นไปได้ ชีวิตสำคัญเทียมกันหมดครับ แปลกดีไม่เคยกลัวเสียดายชีวิต
เหมือนรู้ว่าตัวเองไม่ยึดติดกับอะไร

เวลาส่วนใหญ่คิดเรื่องการให้ เรื่องบุญ ทาน
ไม่เคยโกรธใคร แม้แต่ศัตรู ตอนเด็กๆ ก็ต้องมีตามสันดานมนุษย์
แต่พอโตขึ้น อารมณ์โกรธแทบเป็นศูนย์ฯ จริงๆ ครับ
แปลกดี คือ ในใจอภัยให้ทานได้ทุกคน แม้คนพาล คนเลว

ในใจอยากแต่สร้างบุญบารมีตลอดเวลาครับ
แต่ติดที่สังขารกายเนื้อ คงทำได้เท่าที่จะทำในปัจจุบัน
แต่จะทำมากสุด ก่อประโยชน์ต่อคนอื่นให้มากสุด
และต่อพระพุทธศาสนาให้มากสุดเต็มกำลังครับ

อ่านกันพอสนุกนะครับ วิจารณ์ตัวเองเฉยๆ
อาจแค่ไปตรงกับหลายๆ ข้อที่ท่านได้กล่าวไว้แค่นั้น

อนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

อนุโมทนาค่ะ มาเล่าต่อนะคะ อยากศึกษามากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้เคยเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ เกี่ยวกับภพภูมิของเทพ เทวดา มาร ซาตาน อะไรทำนองนี้มา แต่เล่าใครฟังมากไม่ได้ เดี๋ยวเขาว่าเราเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน คนไม่เข้าใจก็จะมองว่าเรางมงาย แต่จากประสบการณ์เกี่ยวกับภพภูมิของเทวดาฝ่ายสัมมาทิฐิ กับมิจฉาทิฐิ จะแตกต่างกันบ้างตรงนี้ค่ะ

เทพฝ่ายธรรมมะ เทวดาตรง
1. เทพเทวดาฝ่ายธรรมมะ จะไม่ต้องการบูชาครูด้วยเงินทองหรือรับขันรับค่าครู
2. ไม่เรียกร้องค่าตอบแทน แต่จะให้ประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรม รักษาศีล
2. เทพฝ่ายธรรมมะ ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน
3. เทพฝ่ายธรรมมะจะไม่รับสินบน เครื่องเซ่นไหว้
4. ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน แนะนำสั่งสอนแต่ทางธรรมมะ ในทางแห่งสัมมาทิฐิ


เทพฝ่ายมาร ซาตาน อสูร
1. ชอบของเซ่นไหว้ ไหว้ของคาว ไหว้สุรา
2. รับสินบน ชอบให้บนบานศาลกล่าว ดังนั้น ใครที่เที่ยวไปบนตามศาลเจ้าต่าง ๆ ว่าถ้าสำเร็จอะไรแล้วจะถวายโน่นนี่ โปรดทราบไว้ว่า ผู้ที่มารับสินบนคือ ซาตาน อสูร ซึ่งมีฤทธิ์มาก สามารถทำให้คุณสำเร็จตามขอได้ แต่คุณต้องเอาของมาเซ่นตามการบนบาน ถ้าไม่เอามาให้ก็จะไปลงโทษให้คุณเป็นโน่นเป็นนี่ ป่วยไข้ไม่สบายหาสาเหตุไม่ได้
3. รับขันครู รับขันเซ่นบวงสรวง ตั้งพานรับครู รับร่างทรง รับขันธ์
4. ช่วยเหลือในเรื่องทางโลก หรือกิเลส เช่น ใบ้หวย ให้เบอร์ ทำเสน่ห์ มนต์ดำ เรียกผัวเรียกเมีย ผูกดวง บวงสรวงเซ่นไหว้ อะไรทำนองนี้
5. เรียกร้องรับค่าครู รับเงินทอง

ลองพิจารณาข้อแตกต่างเหล่านี้ด้วยนะคะ จะช่วยให้มีสติแล้วจะพิจารณาได้ว่า อะไรคือเทพฝ่ายธรรมมะ อะไรคือมารซาตาน หรืออสูร

 

ปัญญา ด้วยครับ สำคัญที่สุด

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

คุณ cinderella คะ ดิฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือน
กันว่าเทวดามารไม่กลัวบาปบ้างเหรอคะ
ถึงได้กล้าทำในสิ่งที่ไม่สมควรแบบนั้น

ดิฉันเองก็เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ เข้ากับตัวเหมือนกันค่ะ
เหมือนเป็นนิมิตรมาร แต่ไม่แน่ใจว่า ที่เป็นน่ะจิตหลอนไปเอง
โดนคุณไสย ผีเข้า หรือว่าอะไรกันแน่ เพราะมันน่ากลัวมากค่ะ