เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 มกราคม 2025 at 17:30.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,060
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,591
    ค่าพลัง:
    +26,437
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,060
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,591
    ค่าพลัง:
    +26,437
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพในฐานะประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ตั้งใจไปเยี่ยมเยือนเพื่อนฝูงซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ในช่วงปีใหม่นี้

    เมื่อสอบถามแล้วปรากฏว่ามีท่านเจ้าคุณพระวชิรวาที, ผศ., ดร. (กล้า วีรรตโน) หรือ ท่านเจ้าคุณกล้า รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เลขานุการรุ่น พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี พระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าคณะตำบลโคกคราม เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) จังหวัดสุพรรณบุรี ขอร่วมเดินทางไปด้วย

    พวกเราวิ่งไปถึงวัดม่วงชุม ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ประมาณ ๘ โมงครึ่ง เพื่อจะไปเยี่ยมเยือนพระมหาจินตวัฒน์ จารุวฑฺฒโน ป.ธ.๘, ดร. รองประธานรุ่น รูปที่ ๓ ซึ่งท่านป่วยเป็นมะเร็งตับ ปรากฏว่าไปถึงก็เจอพระมหาจินตวัฒน์นำพระพุทธรูปหลวงพ่อพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นรูปจำลองแทนหลวงพ่อพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ของวัดม่วงชุม และรูปพระอุปคุตเถระ ซึ่งท่านสร้างองค์ใหญ่เอาไว้ในบริเวณโคกหนองนาในพระราชดำริของวัดม่วงชุม เอามาจัดเตรียมเอาไว้ เพื่อขอแรงให้พวกกระผม/อาตมภาพได้ช่วยอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ด้วย..!

    เสร็จสรรพจากการตั้งจิตอธิษฐานแล้ว พวกเราก็ได้ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ และมอบของขวัญปีใหม่ ตลอดจนกระทั่งปัจจัยให้พระมหาจินตวัฒน์ จารุวฑฺฒโน, ดร. ซึ่งจะว่าไปแล้ว ท่านก็อายุแค่ ๕๗ ปี แต่ว่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ หลังจากนั้นก็ลามมาขึ้นตับ ซึ่งทางแพทย์ผู้รักษาได้กำหนดเอาไว้ว่าไม่เกินเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ พระมหาจินตวัฒน์เองก็ทำใจแล้วว่าตนเองคงจะต้องมรณภาพแน่นอน แต่ปรากฏว่าฟันฝ่าจนกระทั่งล่วงพ้นปีใหม่มาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจกันอีกรอบหนึ่ง

    เมื่อพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันจนหายคิดถึงแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปยังวัดตลาดใหม่ หมู่ที่ ๑ ตำบลตลาดใหม่ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เพื่อเข้าเยี่ยมพระครูปรเมษฐ์ (พระครูสุเมธานุวัตร) เจ้าอาวาสวัดตลาดใหม่ เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์อีกรูปหนึ่ง ซึ่งรูปนี้ต้องบอกว่าอายุท่านน้อยหนักลงไปอีก เนื่องเพราะว่าเพิ่งจะ ๔๙ ปีเต็ม ย่าง ๕๐ ปี แต่ท่านป่วยเป็นโรคเส้นเลือดตีบ อยู่ ๆ ก็แขนขาอ่อนแรง ทำอะไรไม่ได้มาเกือบปี พวกเราที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเยี่ยมยามถามไถ่ เมื่อส่งข่าวมาจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพปลีกตัวได้ จึงเพิ่งจะได้มาเยี่ยมกันในวันนี้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,060
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,591
    ค่าพลัง:
    +26,437
    แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ท่านได้ทำกายภาพอย่างต่อเนื่องมา จึงทำให้ตอนนี้สามารถที่จะเดินได้ โดยอาศัยเครื่องช่วยที่เรียกว่า "วอล์คเกอร์" ท่านเองก็ยังเมตตา จัดข้าวปลาอาหารเลี้ยงเพื่อนพระอุปัชฌาย์ด้วย บอกว่า "เป็นอาหารแบบบ้าน ๆ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพกลับเห็นว่าอร่อยไปเสียทุกอย่าง ซ้ำยังมอบวัตถุมงคลมาให้คนละ ๑ ถุง โดยที่กราบเรียนกระผม/อาตมภาพที่เป็นประธานรุ่นว่า "สำหรับท่านประธานแล้วก็คงเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน" แต่กระผม/อาตมภาพเองต่อให้มีมะพร้าวเต็มสวน ถ้ามีใครเอามาเพิ่มให้ก็ยินดีรับไว้อยู่แล้ว..!

    โดยเฉพาะวัดตลาดใหม่นี้เป็นวัดของอดีตพระเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง ก็คือหลวงพ่อซำ อินฺทสุวณฺโณ วัดตลาดใหม่ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงโด่งดังจากการสร้างเบี้ยแก้สายอ่างทอง ซึ่งสายอ่างทองนั้นต้องบอกว่าประกอบไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรด บรรดาพระเกจิอาจารย์โด่งดังมีอยู่ในจังหวัดนี้มากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะในเขตอำเภอวิเศษชัยชาญ เมืองคนกล้าวีรชนบางระจัน ซึ่งพื้นที่ก็ไปต่อเนื่องกับอำเภอบางระจันของวัดม่วงชุม ที่พระมหาจินตวัฒน์ท่านอยู่นั่นเอง

    ในยุคนั้นเขามีคำพูดคล้องจองกันว่า "โปร่งท่าช้าง นุ่มนางใน คำโพธิ์ปล้ำ ซำตลาดใหม่" หมายถึงพระเกจิอาจารย์ ๔ รูปที่โด่งดังมากในด้านเบี้ยแก้ เพียงแต่ว่าหลวงพ่อซำนั้นท่านมีอาวุโสสูงสุด แม้แต่หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้างที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกันได้ ก็ยังเป็นลูกศิษย์ของท่านเลย

    แต่ในจำนวนนี้ที่โด่งดังที่สุดก็คือหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เนื่องเพราะว่าเบี้ยแก้สารพัดกันของท่านนั้น มีการบรรจุปรอทสำเร็จเข้าไปด้วย ถึงเวลาเขย่าแล้วจะมีเสียงดังแซก ๆ ที่ไม่เหมือนกับของเกจิอาจารย์รูปอื่น อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงพ่อนุ่ม วัดนางในธัมมิการาม ซึ่งท่านมีวัตถุมงคลอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ที่โด่งดังไม่แพ้เบี้ยแก้ แต่ถ้าหากนับเบี้ยแก้สายอ่างทองแล้ว ก็ต้อง ๔ ท่านนี้เป็นหลัก

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางด้านพระครูปรเมษฐ์ ต้องบอกว่าเป็นคนที่เกิดบ้านนี้เอง แม้จะไม่ทันยุคทันสมัยของหลวงพ่อซำก็ตาม แต่ว่าในเมื่อมาอยู่วัดนี้ ตำรับตำราต่าง ๆ มีอยู่ ท่านก็ศึกษาค้นคว้า แล้วก็พัฒนาวัด ตลอดจนกระทั่งสร้างวัตถุมงคลขึ้นมา จนกระทั่งกลายเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้านได้ในระดับมีชื่อเสียงในท้องถิ่นเลยทีเดียว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,060
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,591
    ค่าพลัง:
    +26,437
    ครั้นฉันเพลเสร็จแล้ว พวกเราก็ลาท่านพระครูปรเมษฐ์ ตรงไปยังวัดสระแก้ว ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อที่จะกราบเยี่ยมหลวงปู่เจ้าคุณไพเราะ - พระวชิรสิกขการ, ดร. (ไพเราะ ฐิตสีโล ป.ธ. ๔) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว ซึ่งถ้าพูดแค่นี้ เราท่านอาจจะรู้จักท่านไม่มากนัก แต่ว่าถ้าพูดถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวัดสระแก้วแล้ว เราท่านทั้งหลายก็จะรู้ว่าได้ช่วยเหลือสังคมเอาไว้มากมายขนาดไหน บรรดาเด็ก ๆ ที่เลี้ยงเอาไว้ แล้วออกไปสร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้กับทางวัด อย่างเช่นว่าไชยา มิตรชัย นักร้องดังก็เป็นเด็กวัดสระแก้วนี้เอง

    หลวงปู่ไพเราะปีนี้ท่านอายุ ๘๔ ปีเต็ม ย่าง ๘๕ ปีเข้าไปแล้ว เมื่อพวกเราเข้าไปกราบเยี่ยมก็ทักทายด้วยความดีอกดีใจ เลขานุการของท่านได้แจ้งว่าหลวงปู่เริ่มมีอาการความจำเสื่อม แต่กับคณะของเราท่านกลับจดจำได้แทบทุกรูป ยกเว้นบุคคลที่ได้พบหน้าน้อยอย่างท่านพระครูสามารถ (พระครูขันติวรานุสิฐ) แต่พอเอ่ยถึงชื่อวัด ท่านก็จำได้ทันที

    ท่านบอกว่าอาการที่บอกว่าสมองเสื่อมนั้น เกิดจากว่าบางทีท่านขึ้นธรรมาสน์เทศน์แล้ว ไม่ทันได้ตั้งนะโมฯ ก็ว่าบทเทศน์ไปเลย หรือว่าเทศน์เสร็จแล้วก็ไม่ได้ ยถา สัพพีฯ ต้องให้คนเตือนก่อนถึงนึกขึ้นมาได้ ซึ่งท่านบอกว่าเป็นไปตามวัยของสังขาร กระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย เพราะว่าถ้าท่านมีอาการความจำเสื่อม ก็คงไม่สามารถที่จะจำเพื่อนฝูง
    ลูกหลานกันได้ขนาดนี้

    ในเรื่องของการไปเยี่ยมไปเยือนบุคคลที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ก็ดี บุคคลที่อาวุโสซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของพวกเราก็ตาม เป็นสิ่งที่ถ้ากระผม/อาตมภาพมีเวลาก็จะปลีกตัวไปเสมอ อย่างสมัยก่อน ทุกท่านก็จะเห็นกระผม/อาตมภาพเข้าเยี่ยมหลวงปู่ชุ้น - พระธรรมเสนานี (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม หลวงพ่อณรงค์ - พระเทพเมธากรณ์ (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อพยุง - พระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เหล่านี้เป็นต้น

    เนื่องเพราะว่าผู้ชรานั้น ถ้ามีลูกหลานหรือบุคคลคุ้นเคยอยู่ใกล้ ก็จะไม่รู้สึกเหงา อย่างน้อย ๆ ก็มีคนที่จะพูดจาต่อปากต่อคำกันได้ อย่างในปัจจุบันที่กระผม/อาตมภาพไปกราบเยี่ยมหลวงพ่อสะอิ้ง - พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล (สะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรีก็เช่นกัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,060
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,591
    ค่าพลัง:
    +26,437
    เนื่องเพราะว่าถ้ามีโอกาสแล้ว เราแวะเวียนเข้าไปหา ท่านทั้งหลายก็จะรู้สึกสดชื่น ไม่รู้สึกว่าโดนทอดทิ้ง ส่วนเพื่อนฝูงที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ พวกเราก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปให้กำลังใจ ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังหาเวลาไปเยี่ยมหลวงพ่อสุดใจ (พระครูสุนทรกาญจนธรรม) อดีตเจ้าคณะตำบลนาสวน เขต ๒ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ๒ รุ่น ก็คือร่วมรุ่นที่ ๕๑ ของกระผม/อาตมภาพ แต่ว่าท่านสอบตก แล้วไปสอบได้ในรุ่นที่ ๕๓ แต่พวกเราก็ดึงท่านมาเข้ารุ่นด้วยกัน เพราะถือว่าเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน

    หลวงพ่อสุดใจท่านเป็นเบาหวานจนโดนตัดขาไปข้างหนึ่ง แต่กำลังใจดีมากตามประสาของนักปฏิบัติ ยังพูดกันเล่น ๆ ว่า "ตื่นขึ้นมาขาหายไปก็งง ๆ อยู่พักหนึ่ง" แล้วปัจจุบันนี้ก็รอว่าเมื่อไรหมอจะทำขาเทียมให้ใส่ จะได้หัดเดินกันใหม่ พูดง่าย ๆ ว่าตอนเล็ก ๆ ก็หัดเดิน แล้วมาตอนแก่ก็ต้องหัดเดิน เหมือนอย่างกับเปลี่ยนจากคนแก่ไปเป็นเด็กอีกวาระหนึ่ง รู้สึกดีเหมือนกัน..!

    เมื่อได้พูดคุยเฮฮากันในลักษณะนี้ นอกจากท่านจะรู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นแล้ว พวกเราก็ยังห่วงใยท่านน้อยลงอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพถ้ามีโอกาสเมื่อไร ก็จะพยายามปลีกตัวไปเยี่ยมไปยามท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่เสมอ ซึ่งในสมัยก่อน เมื่อเวลาดูแลหลวงปู่หลวงพ่อที่เจ็บไข้ได้ป่วย เห็นท่านมีพรรคพวกเพื่อนฝูงหรือว่าลูกศิษย์ใกล้ชิด มาเยี่ยมแล้วท่านรู้สึกสดชื่นขึ้นมา กระผม/อาตมภาพจึงจดจำเอาไว้เป็นแบบอย่างว่า ถ้ามีโอกาสเราก็จะต้องทำอย่างนี้

    หลังจากนั้นก็ได้กราบลาหลวงปู่ท่านเจ้าคุณไพเราะเพื่อเดินทางกลับยังที่พัก เตรียมตัวที่จะไปหนาวสุดขั้วในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าจะเดินทางไปยังเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้นัดกับคณะเอาไว้ตั้งแต่ตี ๕ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกลับมารอดหรือไม่ ?!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...