ในหลวงทรงแสดงความเคารพรักในพระโสทรเชษฐภคินี

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 5 ธันวาคม 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +474
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ในหลวงทรงแสดงความเคารพรักในพระโสทรเชษฐภคินี
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    "พี่สาวนี่เคยบอกว่า ถึงเวลาอายุ 80 ไม่ไหว ท่านอายุ 84 ก็เหนื่อย ก็เลยขอพูดถึงท่าน ขอให้ท่านสบาย และมีความสำเร็จในการรักษาตัว เดี๋ยวนี้คนที่เป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าเหลือคนเดียว คือพี่สาว" พระราชดำรัสใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



    เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ที่ทรงแสดงความเคารพรัก ความอาทรผูกพัน ต่อพระโสทรเชษฐภคินี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในท่ามกลางมหาสมาคม ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
    และในวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ทรงมีพระราชดำรัสถึงพระโสทรเชษฐภคินีอีกครั้งว่า "พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่า พี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างจะแก่ แล้วเมื่อวานนี้เราไปเยี่ยม ที่จริงควรมาพักที่สวนจิตรฯ นี่ แต่ท่านไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไปไม่ได้เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าต้องไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ว่า ประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมาย ที่โรงพยาบาล มีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ห้องชุมนุมเต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่คนที่ไม่สบาย ให้กำลังใจ"
    นับย้อนไปในอดีตช่วงที่ทรงสูญเสียสมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะทรงมีพระชนมายุเพียง 7 ชันษา พระอนุชามีพระชนมายุ 5 พรรษา และ 3 ตามลำดับ ในฐานะพระโสทรเชษฐภคินี หรือพี่สาว แม้จะทรงพระเยาว์เช่นกัน แต่พระองค์ก็ทรงมีความรักที่หนักแน่น มีพระหฤทัยที่เมตตา ทรงเคียงข้างสมเด็จพระบรมพระราชชนนี ช่วยดูแลอภิบาลพระอนุชาน้อยๆ ทั้ง 2 พระองคอย่างเข้มแข็งทะนุถนอม
    ครั้นเมื่อสมเด็จพระอนุชาองค์ที่ 2 มีพระพลานามัยไม่แข็งแรงต้องได้รับการอภิบาลในประเทศที่มีภูมิอากาศเย็น เช่น ยุโรป และเพื่อการศึกษาเป็นหลักแก่พระราชธิดาและพระราชโอรส จึงกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตพาครอบครัวไปพำนักที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวง ก็ทรงช่วยดูแลพระอนุชาทั้ง 2 พระองค์อย่างเต็มพระกำลัง ทรงใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ทรงงานทุกอย่างเยี่ยงสามัญชน นอกจากจะทรงศึกษาสิ่งที่จำเป็นต้องเล่าเรียนแล้ว ยังทรงศึกษาภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน และทรงปลูกฝังการเรียนรู้ความเป็นไทยจากสมเด็จพระบรมราชชนนี ต่อยังพระอนุชาทั้ง 2 พระองค์ ซึ่งทรงไม่เคยท้อหรือทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ที่ต้องทรงดูแลพระอนุชาเลย
    และเมื่อพระอนุชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล ทรงขึ้นครองราชสมบัติ ทรงเฉลิมพระเกียรติพระเชษฐภคินีพระองค์นี้ขึ้นเป็น "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา" ต่อมาเมื่อทรงเจริญพระชนมายุ 72 พรรษา และเป็นปีมหามงคลสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อเป็นการเพิ่มพูนพระเกียรติคุณ จึงทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา พระอิสริยยศักดิ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมภายในองค์แรก แห่งรัชสมัย พระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์"
    สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสถิตอยู่ในพระโสทรเชษฐภคินีของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ ทรงเป็นอุปการิณีมาแต่หนหลัง แม้ในขณะที่พระอนุชาธิราช เสด็จดำรงเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นมิ่งขวัญร่มฉัตรแก่ชาวไทย สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวง ทรงมีพระหฤทัยห่วงใยอยู่มิได้ขาด ทั้งยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่สนองเบื้องพระยุคลบาทไว้เป็นอเนกประการ ดังปรากฏเป็นที่ซาบซึ้งในหมู่พสกนิกรชาวไทยอย่างต่อเนื่องและยาวนาน รวมทั้งหยั่งลึกเป็นรากฐานแห่งความจงรักภักดีอย่างแน่นแฟ้นในพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นประจักษ์พยานแห่งความจงรักภักดีไม่มีประมาณ
    โดยเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเจริญพระชนมายุ 7 รอบ 84 ชันษา ซึ่งเป็นศุภมงคลที่ประเสริฐยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงประกอบพระราชพิธีเฉลิมฉลองสมโภช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    และเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 2 นาฬิกา 54 นาที สิริพระชนมายุ 84 ชันษา ณ โรงพยาบาลศิริราช ยังความวิปโยคโศกอาดูรต่อชาวไทยล้นพ้นเกินประมาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวังจัดการพระศพถวาย พระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี พร้อมกันนี้ก็ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่ ทรงพระอนุสรณ์ถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พุทธศักราช 2551 ว่าเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินี ที่ทรงเคารพนับถือในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณ มาแต่หนหลัง อีกทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย เป็นที่ประจักษ์แก่ตา แก่ใจ ของมหาชนทั่วไป เมื่อเสด็จสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้พระองค์และประชาชนทุกชนชั้นอาลัย ระลึกถึงพระคุณเป็นอันมาก
    ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวง พระองค์นั้น ทรงพระเกียรติคุณเป็นที่เชิดชูแห่งพระราชวงศ์ ควรได้รับพระเกียรติยศใหญ่ยิ่ง โดยอนุโลมตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานจัดเศวตฉัตร 7 ชั้น กางกั้นพระโกศพระราชทาน เป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติยศให้ปรากฏสืบไป ประกาศ ณ วันที่ 9 มกราคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นแบบอย่างในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงความเคารพรัก ความอาทรผูกพัน ต่อพระโสทรเชษฐภคินี ที่ปรากฏให้พสกนิกรภายใต้เบื้องพระยุคลบาทได้รับรู้และซาบซึ้ง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยจตุรพิธพรชัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งสากลโลก ดลบันดาลให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาภยันตรายทั้งปวง ทรงพระเกษมสำราญดังพระราชประสงค์ พร้อมด้วยสุขภาพพลานามัยอันสมบูรณ์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    <TABLE align=center><TBODY><TR></TR></TBODY></TABLE>

    ----------
    [​IMG]

    http://www.komchadluek.net/2008/12/05/x_lady_i001_234422.php?news_id=234422
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...