"ในหลวง-พระราชินี"ทรงห่วงชาวกรุงเก่า เสียสละรับน้ำท่วมทุกปี ปภ.สรุปยอดเสียหายพุ่งเกือบ120ล.

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 24 กันยายน 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    "ในหลวง-พระราชินี"ทรงห่วงชาวกรุงเก่า เสียสละรับน้ำท่วมทุกปี ปภ.สรุปยอดเสียหายพุ่งเกื

    "ในหลวง-พระราชินี"ทรงห่วงชาวกรุงเก่า เสียสละรับน้ำท่วมทุกปี ปภ.สรุปยอดเสียหายพุ่งเกือบ120ล.

    12222628941222263794l.jpg



    ในหลวง-พระราชินี ทรงห่วงชาวอยุธยา เป็นจว.เสียสละรับน้ำท่วมทุกปี อธิบดีปภ.เตือนระวังฝนตกหนักอีก หวั่นน้ำท่วมฉับพลันซ้ำรอย สรุปน้ำท่วม23จังหวัด มูลค่าความเสียหายสูงเกือบ120ล้าน สังเวยแล้ว13ชีวิต

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ ว่า มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 23 จังหวัด ผู้เสียชีวิต 13 ราย ราษฎรเดือดร้อน 272,612 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 8 หลัง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมประมาณ 297,862 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 114,957,778 บาท ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วใน 16 จังหวัด แต่ที่ยังประสบปัญหาอยู่ได้แก่ พิษณุโลก ลพบุรี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และปราจีนบุรี


    นายอนุชากล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันที่ 26-29 กันยายน ร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคุลมอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งที่ลาดเชิงเขาและที่ราบลุ่มริมแม่น้ำในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคอีสาน ให้ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มขึ้นซ้ำอีก และภาคตะวันออก ให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่อาจมีมากถึง 80-100 มิลลิเมตร อาจส่งผลกระทบให้บางพื้นที่ ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังอยู่แล้ว มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม จึงขอเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบภัยดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์และขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของไว้บนที่สูง เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมขึ้นซ้ำอีก และช่วงดังกล่าวน้ำทะเลหนุนสูง หากมีฝนตกหนักในช่วงเดียวกับที่น้ำเหนือไหลบ่าลงมาอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่ม และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณนอกแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ลุ่มตั้งแต่จังหวัดชัยนาทลงมา ควรเสริมแนวคันกั้นน้ำให้สูงกว่าเดิมประมาณครึ่งเมตร หมั่นติดตามพยากรณ์อากาศ การขึ้น-ลงของน้ำจากกรมอุทกศาสตร์ และการปล่อยน้ำจากกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด


    นายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงสถานการณ์และมาตรการเฝ้าระวังน้ำท่วมแหล่งโบราณสถาน บริเวณวัดไชยวัฒนาราม ป้อมเพชร วัดมเหยงคณ์ วัดกุฎีดาว และวัดธรรมิการาม จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 3 จ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์และระดับน้ำทุกวัน โดยให้เกาะติดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณวัดไชยวัฒนารามมีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนปริ่มตลิ่งแล้ว แลเริ่มมีน้ำซึมเข้ามาในบริเวณวัดด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้เร่งระบายน้ำออกแล้ว ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้เตรียมกระสอบทรายสำหรับสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันโบราณสถานใน จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งหมด 60,000 กระสอบ และสำรองอีก 3,000 กระสอบ


    ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สำนักงาน พศ.ได้สำรวจพบว่า มีวัดที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 139 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.ปราจีนบุรี 17 วัด มีพระและสามเณรได้รับความเดือดร้อน 245 รูป จ.สุโขทัย 2 วัด พระและเณรเดือดร้อน 97 รูป จ.ลพบุรี 87 วัด พระและเณรเดือดร้อน 594 รูป จ.เลย 13 วัด พระและเณรเดือดร้อน 156 รูป และ จ.ราชบุรี 20 วัด ทั้งนี้ สำนักงาน พศ.จะจัดเครื่องอุปโภค บริโภค และยารักษาโรคนำไปถวายวัดที่ประสบน้ำท่วมจนพระเณรไม่สามารถออกบิณฑบาตได้


    ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมคณะนำถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปมอบให้กับชาวบ้านใน ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ 8 หมู่บ้าน รวม 500 ครอบครัว ที่ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว


    นายแผนเปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงประชาชนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำเหนือหลากทุกปี และรับน้ำท่วมแทนจังหวัดอื่นด้วย ถือเป็นจังหวัดที่เสียสละ จึงรับสั่งให้สภากาชาดไทยนำถุงยังชีพ ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคและบริโภคมามอบให้ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ภายหลังน้ำลดแล้วจะมอบให้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน


    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ยังสูงขึ้นทุกขณะ โดยเขื่อนเจ้าพระยาเร่งปล่อยน้ำอยู่ที่กว่า 1,840 ลบ.ม./วินาที มาหลายวันติดต่อกันแล้ว นายทนง เลิศลิมชลาลัย นายกเทศบาลตำบลบางบาล กล่าวว่า พื้นที่ 6 ตำบล ถูกน้ำท่วมไปกว่า 70% แล้ว ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,500 ราย


    ที่ จ.นครสวรรค์ นายจำเนียร เร่งเทียน เกษตรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 23 กันยายน น้ำป่าหลากมาจากเขาแม่กะสี อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ต.ศาลเจ้าไก่ต่อ ต.หนองนมวัว อ.ลาดยาว ที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกรวม 23 ตำบล พื้นที่ประมาณ 61,000ไร่ ได้รับความเสียหาย จึงส่งเจ้าหน้าที่ 3 ชุดเข้าพื้นที่ เพื่อสำรวจและให้ความช่วยเหลือ


    นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา กล่าวว่า 6 จังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบคือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระบุรี และศรีสะเกษ ติดต่อกันหลายวัน สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ณ วันที่ 23 กันยายน เสียหายรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 75 ล้านบาท โดย จ.ชัยภูมิ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จ.สุรินทร์ 3 ราย จ.สระบุรี 2 ราย จ.ศรีสะเกษ 9 ราย
    นายจำลอง พินิจการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง กล่าวว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ล่าสุด อยู่ที่ ระดับ 111 ล้าน ลบ.ม. และกำลังจะลดระดับลง เนื่องจากฝนหยุดตก หากไม่มีฝนตกเหนือเขื่อนอีก 1-2 วัน นี้ ระดับน้ำในเขื่อนจะเข้าสู่ภาวะปกติ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับไร่นาบริเวณท้ายเขื่อนอย่างแน่นอน


    จ.บุรีรัมย์ สัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังหลายวันต้องขาดแคลนอาหาร นายพจน์ภิรัชต์ เนียมจุ้ย ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำฟางและหญ้าแห้งอัดท่อน มอบให้เกษตรกรใน 3 อำเภอ คือ อ.ลำปลายมาศ กระสัง และพลับพลาชัย ไปเลี้ยงวัวควายกว่า 5,000 ตัว ขณะที่ อ.ลำปลายมาศ และ อ.กระสัง ถนนสายบุรีรัมย์-นครราชสีมา ยังต้องปิดถนนต่อจากปัญหาน้ำท่วม เช่นเดียวกับถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ ช่วงอ.กระสัง โดยให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้ถนนทางหลวงแผ่นดิน สาย 224


    จ.สุรินทร์ พื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง อ.เมือง ต้องระบายน้ำออกจากอ่างทั้ง 3 ประตู ทำให้บ้านเรือน ต.นอกเมือง คอโค และ ต.ท่าสว่าง ยังมีน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร นาข้าวได้รับความเสียหายหลายพันไร่ ถนนทางหลวงหมายเลข 226 ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์-ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ น้ำยังท่วม สูง 30-50 ซ.ม. นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม 16 อำเภอ จาก 17 อำเภอ
    ที่ จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำใน อ.กบินทร์บุรี ศรีมหาโพธิ์ และ อ.เมืองปราจีนบุรี ลดลงเกือบเป็นปกติแล้ว เหลือแต่เพียงร่องรอยของความเสียหายและกระสอบทรายที่วางกั้นน้ำ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลกบินทร์บุรี ต้องระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำ เพื่อทำความสะอาดตลาด


    -------------
    ที่มา:มติชนออนไลน์
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1222262894&grpid=01&catid=42
     

แชร์หน้านี้

Loading...