ไม่เชื่อตามลัทธิ(รับธรรมมะ)เขา เราผิดไหม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 20 พฤศจิกายน 2010.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,951
    เป็นสมาชิกใหม่ รบกวนด้วยค่ะ เพราะคำถามนี้คิดมา กว่าอาทิตย์ ไม่ทราบว่าจะถามใครดี ถามแล้วบาปไหม ตกนรกเปล่า ฯลฯ ตัดสินใจสมัครที่นี่ถามที่นี่

    เรามีกัลยานิมิตรที่ดีมากๆ คนนึง คิดดีพูดดีทำดี จึงเป็นเพื่อนสนิทกัน ปรับทุกข์กันได้ ให้คำแนะนำดีมากๆ
    แล้ว เพื่อนก็ ชวนเข้า ไปรับธรรมะ เราก็ไป และไดัรับธรรมมะแล้ว(สามารถหาอ่านกระทู้ได้ในเวปพลังจิต ท่านอื่นๆ ก็มีโพสค่ะ) ประชุมธรรมแล้ว ส่วนตัวเราก็เห็นด้วยว่าดี และตอนนี้ได้กินมังสะ ทุกวันอาทิตย์

    ส่วนปลายปีนี้ได้มีการประชุมธรรม 3 วัน เราเองก็อยากไป แต่ด้วย งาน ลูก(สำคัญมากๆ ) เราไม่สามารถไปได้โดยสะดวก ไม่ใช่ ด้วยความงกเงิน
    เพื่อนก็บอก แค่นี้ ไม่ทำให้จนหรอก และลูกเล็กซนสุดๆ เคยฝากเขาไว้ก็ ไปกวนเด็กคนอื่นเขา เราเกรงใจสถานธรรมมากๆ + จะให้สามีเลี้ยงให้ ก็ใช่ที่ เพราะต้องทำงาน เพราะที่บ้านเป็นงานส่วนตัว ทำงานไม่เป็นเวลา และค่อนข้างยุ่ง

    ++และการเอาลูกไปให้คนอื่น แต่ตัวเองไปเอาบุญนั้น เราว่าไม่ถูกต้องเลย

    แรกๆ เรารู้สึกดี แต่พอเพื่อนเร่งเรามากๆ เราเริ่ม แอนตี้ และ ไม่สดวกใจเพราะการรับธรรมมะ หรือสร้างกุศล ต้องพร้อมด้วยกาย-ใจด้วย(คิดเอง)
    บวกกับ ปีนี้ เราเหนื่อยมากจาก ลูก งาน สุขภาพ อยากพัก

    เพื่อนก็เร่งอีก เราเริ่มรู้สึกไม่ได้ และเริ่มขัดแย้งในใจ แต่กลัวเสียเพื่อนดีๆไป

    บางครั้ง บางคำสอน เราก็มีข้อแย้งอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูด

    แต่โดยรวมแล้ว เราก็รับได้ แต่ ไม่สามารถปฏิบัติตามได้หมด เช่นการกินเจทุกวัน (ไม่ใช่ไม่อยากกิน แต่ ไม่มีเวลาทำ ) ไปประชุมธรรมเรื่อยๆ เราก็ทำไม่ได้จริงๆ

    เราเริ่มแย้งในใจว่า (งานเราจะตรงข้ามกับคนอื่น นอนต่างกับคนอื่น)
    +แล้วทำไม ไม่ประชุมธรรมวันอื่น แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์ (เป็นวันที่เรางานมากที่สุด) เราผิดหรือ ที่ไปไม่ได้
    +ลูกมีส่วนสำคัญที่เราต้องเลี้ยง เราไปเอาบุญทิ้งลูกมันไม่ถูกต้อง อยากนิพพานแต่ทิ้งลูก เราคงทำไม่ได้
    +จะกินเจได้อย่างไร ในเมื่อ เราไม่มีเวลาทำ แค่กินข้าว ยังลำบากเลยต้องซื้อเอา
    +ชวนคนมาเยอะๆ จะได้บุญมากๆ (เราว่าไม่เกี่ยวกัน) เพราะบางคนมาเพราะไม่รู้ มาเพราะเกรงใจ
    +ไปแล้ว จะพ้น วิกฤติ ภัยพิบัติร้ายแรงต่างๆ ได้
    ฯลฯ

    แต่เราไม่อยากเสียกัลยานิมิตรที่ดีมากๆ คนนึงไป

    เราเห็นคนอื่นๆ ที่ไปเรื่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าเขาได้บุญมากมายจริงอย่างที่เขาบอกหรือเปล่า (ไปเรื่อยๆ บ่อยๆ จะยิ่งได้บุญ)
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    การที่เราไม่เชื่อตามเขาจะผิดได้อย่างไงครับ เรื่องจริงเนี่ยไม่จำเป็นต้องเชื่อหรอกครับ อย่างผมถามว่าคุณเชื่อไหมว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออกและตกทางตะวันตก เห็นไหมครับว่าเรื่องจริงไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อ มีแต่เรื่องโกหกเท่านั้นที่จำเป็นต้องเชื่อ ถ้าคุณมีเรื่องโกหกเรื่องหนึ่งแล้วไม่มีใครเชื่อมันจะมีความหมายอะไรครับ ดังนั้นผมเห็นว่าสิ่งที่ควรทำคือไม่ใช่ทั้ง เชื่อ และ ไม่เชื่อ แต่แค่รับฟังอย่างเดียวพอไม่ต้องมีความเห็นอะไรถ้าเราเห็นจริงในชีวิตประจำวันค่อยเชื่อ ถ้ายังไม่เห็นจริงก็ยังไม่ต้องเชื่อครับ แล้วเรื่องที่คุณถามว่าผิดไหม สิ่งที่ผิดเนี่ยมันขึ้นกับ บุคคล เวลา สถานที่ นะครับ เช่น ประเทศจีนสมัยก่อนเวลาคนทำผิดจารีตเนี่ยเขาจับถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้เขาไม่ทำแล้ว ประเทศต่างกันถูกผิดก็ต่างกัน คนละคนกันถูกผิดก็ต่างกัน อย่าไปสนใจเลยครับว่าอะไรถูอะไรผิด แค่ถามตัวเองก็พอว่าเราเป็นใคร และเราอยากทำอะไร ถ้าถามตัวเองดีแล้วย่อมรู้คำตอบ เช่น เราใช่คนที่จะปล่อยลูกไว้กับคนในขณะที่เราไปรับธรรมะหรือเปล่า เราใช่คนที่จะยอมทิ้งงานมาเพื่อรับธรรมะหรือเปล่า เราใช่คนที่จะยอมทำตามเพื่อนเพื่อที่จะไม่เสียเพื่อนหรือเปล่า ต้องถามตัวองอย่างนี้อยู่ตลอดแล้วจะไม่สับสนครับ
     
  3. Jpan

    Jpan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +117
    ผู้ปฏิบัติธรรม .... ที่แท้จริง


    .... แม้แต่พระตถาคตเจ้าก็ช่วย ให้พ้นทุกข์ไม่ได้ ท่านต้องปฏิบัติเอง ทำเอง ทำตามคำสอน ... ทำได้จึงจะพ้นทุกข์ ...


    ... แท้จริงแล้ว ศีลให้ รับ หรือทำแทนกันไม่ได้ ... ไม่จำเป็นต้องไปที่วัด(โปรดพิจารณา ไม่ได้บอกว่าไม่ควรไปหรือไม่ให้ไป) ... ว่างๆก็ไปเอาศีลมาศึกษา ว่าท่านให้เราทำอะไร .... เราพอจะทำข้อไหนได้บ้าง ก็สมาทานเองก็ได้ และตั้งใจทำมันเสีย ... อย่าได้กระวนกระวาย เลย ... ลองทำดู ... ผู้มีปฏิบัติตามศีลได้ นั่นแหละเป็นผู้ไม่หลง ...และจะพ้นทุกข์ได้ตามขั้นตอน ศีล สมาธิ ปัญญา ... เพราะมีศีล สมาธิทีเกิดจึงจะเป็นสัมมาสมาธิ และปัญญาย่อมเกิดจากสัมมาทิฏฐิเหล่านั้น

    ... การไปรับธรรมเพียงแค่เป็นการฟังธรรมตามกาลเท่านั้น เป็นการเพิ่มโอกาส ที่เราจะได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง จากผู้ปฏิบัติชอบ ที่อาจจะถูกจริต ที่สามารถทำให้เราเข้าใกล้พระธรรม หรือมีโอกาสเจริญธรรมไปในทางที่ถูกต้องเท่านั้น ... ซึ่ง กาลของแต่ละคน มันแล้วแต่ว่าใครสะดวกตอนไหน เพราะแต่ละคนมีสิ่งที่พัวพันในชีวิตแตกต่างกัน ... หรือที่เราเรียกว่าภาระหน้าที่นั่นแหละ

    ... การฟังธรรมที่ถูกต้องคือ การฟังแล้วเอามาภาวนา เอามาปฏิบัติด้วยใจเคารพ ไม่ใช่แค่ท่องบ่น ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่หลง เป็นสัมมาทิฎฐิ... ว่ามันเป็นอย่างนั้น จริงไหม ... แล้วเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ... อย่างนี้เป็นการเจริญปัญญา ...


    ... และถ้าอยากรู้ว่า ตนเอง เจริญในธรรมหรือไม่ ดูง่ายๆ จากโลภะ โทสะ โมหะ มานะ ลดน้อยลงไหม ...และ มีสัมมาทิฎฐิ หรือเปล่า ถ้ายังทำเหล่านี้ไม่ได้หรือยังได้ไม่สมบูรณ์ ก็ให้ทำไป เรื่อยๆ ... เอาสิ่งแวดล้อมเป็นคำสอน เป็นครู เพราะโลกธรรม 8 นั้น มันทำหน้าที่ของมันตลอดเวลา ไม่มีกลางวัน กลางคืน ผู้พิจารณาอยู่เนืองๆ ย่อมเห็น ... แล้วนำมาพิจารณา ดูว่าเรายังหวั่นไหวอยู่หรือเปล่า อย่างนี้ถือว่าเป็นศิษย์พระพุทธเจ้าโดยแท้ เพราะสาวกของพระพุทธองค์ สำเร็จอรหันต์ จาก การไม่หวั่นไหวในโลกธรรม 8 ... พิจารณาเห็น ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนแท้จริง ของสิ่งเหล่านั้น ... มันก็แค่ เกิดและดับ หามีสิ่งใดยั่งยืนไม่ ก็เท่านั้น ...เมื่อเห็นดังแล้ว ... ความยึดมั่นถือมั่น ก็จะลดลงตามลำดับ ซึ่งนั่นทำให้เรา เจริญในธรรม ตามลำดับเช่นกัน

    ... ส่วนกัลยาณมิตรผู้ชวนไปฟังธรรม หากเราไปได้ ก็ไปตามกาล แต่ไปไม่ได้ก็ให้ยินดีกับเขา ... อันนี้เป็นสัมมาทิฎฐิ

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
    ... ท่านทั้งหลายจงเห็นภัยใจการเกิดเถิด ... แม้ทำบุญได้เป็นผู้มีอำนาจวาสนาหรือยาจก ผู้ที่ได้ชื่อว่าเกิดมาในโลกนี้แล้ว มีใครบ้าง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ... ผู้ที่ได้เกิด เสมือนเป็นผู้ต้องคำสาป คำสาปอะไร ก็มีใครบ้างที่เกิดแล้วไม่เอาตายมาด้วย ... ก็เหล่านี้แล้ว การเกิดของเราจะมีประโยชน์อันใด มันก็แค่มีชีวิตอยู่ได้แค่ช่วงเวลา ห้วงใดห้วงหนึ่งเท่านั้นเอง ... และที่สำคัญ หากชาติภพใด เกิดมาแล้วเป็นผู้ประมาท ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ก็ยิ่งพาให้ตนเองลงต่ำ เป็นมูลสืบต่อ ... นี่เป็นโอกาสที่เราได้พบพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหนทางออกจากวัฏฏะ วังวน ที่น่าเบื่อหน่ายอันไม่มีสิ้นสุดนี้ ...เราควรรีบพากันปฏิบัติธรรมเพื่อหาทางออกจากวังวันนี้เถิด ...

    ......เรามีชีวิตอยู่นี้ ... เรากำลังถูกดึงดูดเข้าสู่ความตายด้วยกันทุกคน ชีวิตเราเหลือน้อยลงทุกวันตั้งแต่วันที่เกิดแล้ว .... มันถูกนับถอยหลังเข้าสู่ความตายทุกนาที แล้วท่านทำอะไรอยู่

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...