พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

​

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับพี่

 

3727.พระผงมหาบุรุษ วัดแหลมทราย จ.สงขลา ปี 2485 ออกวัดสะพานสูง บางซื่อ ให้บูชา 750 บาท

​

พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย (พระมหานิยม) อาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม (ว่านมหาบุรุษ) ได้จัดสร้างในคราวเดียวกัน เราจึงเห็นว่า พระมหานิยมจะออกมาหลายแบบ ทั้งแบบยันต์ มะอะอุ และยันต์ กลมล้อมรอบ ในส่วนที่ด้านหลังมียันต์ มะอะอุ (แต่ที่ไม่มีวงกลมล้อม) เป็นของวัดแหลมทราย ส่วนแบบที่มีวงกลมล้อมองค์นี้ เป็นของวัดสะพานสูง กทม. เนื่องจากลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณฯ คือ อาจารย์เชื้อ หนูเพชร ได้มาร่วมในการจัดสร้างด้วย พระบางส่วน อ.เชื้อ จะนำไปให้ชาว กทม. บูชาที่ กทม.ด้วย จึงได้ปั้มยันต์ แบบมีวงกลมล้อมของวัดสะพานสูงลงไป สรุปว่า พระทั้งสองแบบ เป็นพระเนื้อว่าน ประกอบขึ้นด้วยว่านนานาชนิด เช่นว่านเสน่ห์จันทร์ทั้งสอง ประสมด้วยเขม่าดินสอทำเป็นดินสอพอง สร้างโดยมวลสารชุดเดียวกัน ปลุกเสกพิธีเดียวกันปี พ.ศ. 2485 ท่านฯ ได้สร้างพระผงไว้มากมายหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์พระสมเด็จ 3 ชั้น 7 ชั้น , พิมพ์พระนางพญา , พิมพ์พระขุนแผน , พิมพ์พระพุทธชินราช 2 หน้า และอื่นๆ สำหรับองค์นี้ คือ พระผงมหานิยม "สำหรับบุรุษ" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการสร้างพระของหลวงพ่อท่านในสมัยนั้นด้วย ส่วนเรื่องพระพุทธคุณและประสบการณ์ดีสุดยอดเหมือนกัน แต่หายากกว่า เหตุเพราะจำนวนการสร้างน้อยกว่า

 

3728.ตะกรุดนะเศรษฐี+ชานหมากมนต์นกยูงคำ(หลวงปู่สวาท วัดอ่าวหมู จ.จันทบุรี) ให้บูชา ชุดละ 650 บาท

​

เสกสุดยอดพิธีใหญ่ 4 วาระ ร่วมด้วยพระคณาจารย์ผู้ทรงพลังบุญฤnธิ์และอิทธิฤnธิ์ทั่วฟ้าเมืองไทยไตรมาสปี 65 เนื้อตะกั่วอุดสุดยอดผงมวลสาร ขนาดประมาณ 2 ซม.
ด้านตะกรุดในอุดผงมวลสาร
-ผงว่านขุนแผน
-ผงเทพรัญจวน
-ผงพระกสิณ หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง
-ผงอิทธิเจ
-ผงปถมัง
-ผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์เก่า
-ผงปูนพระธาตุเจดีย์อายุ 200ปี
-ผงพุทธคุณ
-ผงพรายกุมารรุ่นต่างๆ หลวงพ่อสาคร หลวงพ่อสิน หลวงปู่ทิม
-ผงจตุคาม ปี50
-ผงเมตตา
-ผงหอยมือเสือ1พันปี
-ผงรังพญาต่อหัวเสือ

วาระอธิษฐานจิต
วาระ1 พิธีเททองหล่อ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอุปคุตเถระ และรูปหล่อสมหวัง ญาณสิริ ณ วัดเทพธารทอง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีนั่งปรกเจริญจิตภาวนา

พระอาจารย์สายัณห์ วัดบ่อพุ

หลวงพ่อสําอางค์ วัดเขาสมิง จ.จันทบุรี

พระครูวิบูลธรรมนานุศาสน์ วัดวิเวการาม

พระครูวิศาลศาสนกิจ(หลวงพ่อสนิท จิรสินิทโธ)วัดป่าคีรีเขต

หลวงปู่สวาท วัดป่าโปร่งจันทร์ จ.จันทบุรี

หลวงปู่บุญส่ง วัดสันติวนาราม

พระอาจารย์เกรียงไกร กิตติธโร วัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี ฯลฯ

วาระ2 “จันทร์ซ้อนจันทร์”
หลวงปู่สวาทอธิษฐานจิตเดี๋ยว ในคืนวันเพ็ญที่ตรงกับวันจันทร์ ทางไสยศาสตร์ท่านว่า พระจันทร์จะมีฤทธิ์เป็นทบทวีคูณ ด้วยกำลังพระจันทร์จริงและกำลังวันจันทร์ จะให้ผลแรงขึ้นและเร็วขึ้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงนิบมใช้ฤกษ์นี้ในการทำของทางเมตตามหาเสน่หา
วาระ3 พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล รุ่นบารมีฐิตสาโร หลวงปู่บุญส่ง วัดสันติวนาราม

รายนามพระเถรานุเถระ

1.พระราชเมธากรกวี (เจ้าคณะภาค ๑๒-๑๓) วัดสนามพรามหณ์ จ.เพชรบุรี

2.พระราชสุธาเมธี (หลวงปู่เหลี่ยม สุจิณโณ)วัดภูตูมวนาราม จ.เลย

3.หลวงปู่วงศ์ สุภาจาโร วัดป่าแก้วเจริญธรรม ส.สกลนคร

4.พระครูธรรมกิตติคุณ(หลวงปู่สวาท ถาวโร) วัดอ่าวหมู จ.จันทบุรี

5.พระครูรัตนคุณาภรณ์(สมใจ อตฺตมโน) วัดป่ามะนังชโลธาร จ.สตูล

6.พระครูพันธสมณวัฒน์(หลวงพ่อทองสุข ฐิตุญโญ) วัดป่าวุฑฒาราม จ.หนองบัวลำภู

7.พระครูเกษมวรกิจ(หลวงพ่อวิชัย เขมิโย) วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย

8.พระครูโอภาสวุฒิกร(หลวงพ่อโสภณ โอภาโส) วัดบึงลัฏฐิวัน จ.พระนครศรีอยุธยา

9.พระครูสุวิมลภาวนาคุณ (หลวงปู่จื่อ พันธมโต) วัดเขาตาเงาะอุดมพร จ.ชัยภูมิ

10.หลวงปู่ขำ เกสาโร วัดหนองแดง จ.มหาสารคาม

11.หลวงพ่อเหิน บุญญักเขต สำนักสงฆ์เทือกเขาพญาธาร จ.เพชรบูรณ์

12.หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต จ.ขอนแก่น

13.หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

14.ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง(ป่ายาง) จ.ลำพูน ฯลฯ

พร้อมด้วยพระสงฆ์จำนวน27รูป

วาระ4..หลวงปู่สวาทอธิษฐานจิตเดี่ยว 5 วัน 5 คืน


หลวงปู่สวาท ถาวโร หรือ พระครูธรรรมกิตติคุณ เป็นพระสุปฏิปันโนผู้มีปฏิปทาลีลาจารวัตรงดงามเปี่ยมด้วยเมตตาคุณอันสูงยิ่งรูปหนึ่งแห่งภาคตะวันออก

ท่านเป็นศิษย์ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์สายป่าภาคอีสาน เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย และ หลวงปู่บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล. หลวงปู่เทศ เทศรํงสี วัดหินหมากเป้ง. หลวงปู่เพียร วัดป่าผือ. หลวงปู่จันทรา วัดป่าทรายมูล. และครูบาอาจารย์สายพระป่าอีกหลายรูป

ปัจจุบันหลวงปู่สวาท ถาวโร เป็นเจ้าอาวาสวัดอ่าวหมู ต.บางกะไชย อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เป็นสถานที่ที่ท่านธุดงค์มาจากภาคอีสาน จนถึงที่บริเวณอ่าวหมูท่านได้ทำการเพียรภาวนา และเห็นถึงความสงบสัปปายะของบริเวณนี้ ต่อมาไม่นานด้วยบารมีของท่านสถานที่นี้จึงกลายเป็นวัดอ่าวหมู อันงดงาม เงียบสงบเย็นด้วยบารมีธรรมของท่าน

วัตถุมงคลของหลวงปู่สวาท มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับของศิษยานุศิษย์โดยทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องของด้านวิชาเมตตามหานิยม ที่ท่านสำเร็จวิชานกยูงคำเมื่อสมัยครั้งธุดงค์ (นกยูงทอง) เป็นวิชาโบราณในตำนานของล้านช้าง ที่มีคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยมเป็นอย่างสูง

ชานหมากของท่านนับเป็นของวิIศษที่น้อยคนนักจะได้ครอบครอง เป็นของวิIศษที่ได้รับพลังไอปราณพลังธาตุธรรมและพลังมนต์ภาวนาโดยตรงจากปากของท่าน เพียงชานหมากสดๆที่คายลงกระโถนของท่านที่เป็นของวิIศษที่นำมาบูชาได้เลย เป็นมหาลาภมหาผลเจรจาค้าขายเป็นที่หลงใหลจับใจผู้ฟังยิ่งนัก

ตะกรุดเนื้อตะกั่ว จารมือขนาดประมาณ 2 ซม. อัดแน่นมวลสาร ตอกโค้ด พร้อมใบฝอยพระคาถาเดิมจากวัด รุ่นนี้สร้างน้อยและหายากมากๆครับ จับคู่กับชานหมากมนต์นกยูงคำ ชานหมากวิ[ศษคลุกมวลสารมากมายประจุวิชามนต์นกยูงคำมหาเสน่ห์ ผ่านไอปราณลมปากมนต์ภาวนาของสุดยอดพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นแห่งภาคตะวันออก ขนาดประมาณ 2 ซม. หลวงปู่เมตตาจารยันต์หมึก นะวนเวียน ทุกลูก

 

3729.พระสมเด็จรุ่นอินโดจีน หลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง ให้บูชา 1450 บาท พระดียุคต้นของท่าน

​

พระสมเด็จรุ่นนี้ สร้างเป็น รุ่นแรก เมื่อระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๘๕ ยุคสงครามอินโดจีน โดยนิมนต์ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง มาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก เป็นพระเนื้อผง ผสมดินปูชนียสถาน และผงใบ ลาน ฉาบรัก ด้านหลังพระทุกองค์ มีลายมือจารยันต์เฑาะว์ ซึ่งในคราวเดียวกันนี้ยังสร้างพระรอด พระนางพญา พระปิดตาด้วย อานุภาพพระเครื่องของท่านเลื่องลือในด้านเมตตามหานิยม และเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

หลวงปู่ธูป เป็นศิษย์ของ หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชา สร้างเชือกคาดเอว “ไม่ไหม้ไฟ”และยังไปเรียนกรรมฐานชั้นสูงกับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้รับคำชื่นชมจาก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ว่ามีอำนาจจิตสูงมา

"หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง"เกจิดังเมืองกรุง
พระเครื่องเข้มขลังดีทาง"เมตตามหานิยม"
“หลวงปู่ธูป” หรือ “พระราชธรรมวิจารณ์” เป็นพระยุคเก่าที่สมถะ มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายให้การอนุเคราะห์สาธุชนโดยเลือกชั้นวรรณะ เปี่ยมล้นด้วยพรหมวิหาร ให้การต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนอย่างมีไมตรีจิต เป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิต และคฤหัสถ์โดยทั่วไป
นับตั้งแต่สงครามอินโดจีนเรื่อยมา วัดสุนทรธรรมทาน หรือวัดแคนางเลิ้ง หรือวัดสนามกระบือ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นสถานที่ต้อนรับพระเกจิอาจารย์ที่อยู่ต่างจังหวัดมากมาย หลวงปู่ธูปจึงมีความสนิทคุ้นเคยและมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ทางพุทธาคมคาถา กับพระผู้ทรงวิทยาคมในสมัยนั้นหลายรูปหลายนามยิ่งกว่านั้น ยังได้รับตำรับตำราจากพระคณาจารย์บางองค์เป็นการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะวิชา “อยู่ยง”นั้นเป็นที่เล่าลือมาก
ต่อมาในระยะหลังๆพระเกจิอาจารย์มาเยือนวัดแคนางเลิ้งเพียงไม่กี่รูป เพราะชราภาพไม่สะดวกในการเดินทาง คงมีแต่หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อนอ วัดกลางและหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงเรื่องราวของท่าน ที่ถูกนำมาถ่ายทอดเล่าขานสืบต่อกันมา
หลวงปู่ธูปเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 9 ของวัดแคนางเลิ้งที่มีความเข้มขลังทางพุทธาอาคม เป็นเกจิร่วมยุคกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม โดยเฉพาะหลวงปู่โต๊ะจะสนิทสนมกันมาก เมื่อวัดแคมีการปลุกเสกพระจะต้องนิมนต์หลวงปู่โต๊ะไปร่วมนั่งปรกทุกครั้ง สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ยอมเปิดเผยวิทยาคุณด้านนี้ให้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ผู้คนทั่วไปจึงไม่ค่อยมีโอกาสรับรู้ นอกจากผู้อยู่ใกล้ชิดและติดตาม
ท่านเกิดในสกุล “วิชาเดช” เกิดวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. 2441 ณ บ้านต.บางหลวงเอียง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ “เดช” มารดาชื่อ “ผ่อง”มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง อายุได้ 8 ปี ญาติผู้ใหญ่นำไปฝากให้เรียนอักษรสมัยที่วัดตะกู โดยมีพระอาจารย์เอม เจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นครูสอนเรียนหนังสือไทยเบื้องต้น มีประถมก.กา มูลบทบรรพกิจ หนังสือพระมาลัยและขอม เป็นพื้นฐานเบื้องต้น จากนั้นได้ย้ายมาศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และเรียนหนังสือบาลีที่วัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา
หลังจากเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว พี่ชายของท่านซึ่งอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯคือ พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตร และท่านผู้หญิงแปลก ได้มารับท่านไปอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย และได้ให้ความเมตตาและอุปการะเป็นอย่างดี โดยให้เข้าเรียนหนังสือต่อที่ ร.ร.วัดส้มเกลี้ยง(วัดราชผาติการาม) จนจบชั้นประถม 4 ในขณะที่เล่าเรียนได้มีโอกาสติดตาม พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตรเข้าเฝ้า และติดตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีต่างๆ และการเสด็จแปรพระราชฐานในต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง
เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารได้สมัครเข้ารับราชการเป็นทหารรักษาวังอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการท่านเจ้าพระยาและท่านผู้หญิง ได้อุปถัมภ์ให้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดสุนทรธรรมทาน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2463 สมเด็จพระวันรัต (จ่าย) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “เขมสิริ”
ได้อยู่จำพรรษาที่วัดแคนางเลิ้ง ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระครูพุทธบาลมาโดยลำดับ และยังได้ศึกษานักธรรมชั้นตรีในสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตร เมื่อถึงกำหนดสอบธรรมสนามหลวง เกิดอาพาธกะทันหันจึงล้มเลิกการศึกษาทางด้านคันถธุระตั้งแต่นับนั้นและหันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและพุทธาคมคาถา
ประมาณพรรษาที่ 3 ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานชั้นสูงกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จนบรรลุฌานชั้นสูง สามารถแสดงอิทธิคุณต่างๆได้ ยิ่งกว่านั้น ยังได้ศึกษาเวทมนต์คาถา ซึ่งเป็นวิชาการแขนงหนึ่งที่พระเถระยุคเก่าต้องใฝ่หาเรียนรู้ไว้เพื่อประโยชน์ในงานพระศาสนาต่างๆ อาทิ การปลุกเสกวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยพระผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้ภาวนาปลุกเสก โดยได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากหลวงพ่อปานมาเต็มเปี่ยม จากนั้นจึงไปเรียนวิชากับหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ได้วิชาทำเชือกคาดเอวที่มีประสบการณ์ดัง"ไม่ไหม้ไฟ"
หลวงปู่ธูปใช้เวลาศึกษาอยู่กับหลวงพ่อปานประมาณหนึ่งพรรษา จึงกลับคืนวัดสุนทรธรรมทาน และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนพระครูพุทธบาล ที่ขอลาสิกขาบทในปีพ.ศ.2470 และผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งจนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2471 ขณะมีอายุได้ 30 ปี พรรษา 8 นับเป็นพระหนุ่มที่มีพรรษาน้อยสุดที่ได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดในเขตจ.พระนครสมัยนั้น
หลังจากรับตำแหน่งท่านก็ริเริ่มปฏิสังขรณ์และพัฒนาก่อสร้างอาคาร เสนาสนะต่างๆเรื่อยมา โดยเริ่มลงมือตั้งแต่ปีพ.ศ.2472-2500 ซึ่งเป็นปีที่ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. 2533 เวลา 02.26 น. ท่านก็มรณภาพลงที่โรงพยาบาลพญาไท รวมสิริอายุ 92 ปี 3 เดือน 28 วัน พรรษา 70
ด้านวัตถุมงคล ตลอดเวลาที่ท่านครองเพศพรหมจรรย์ ได้สร้างวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆมากมายหลายรุ่น จากการบันทึกของหนังสือวัดทราบว่าสร้างครั้งแรกในปีพ.ศ.2482 และจัดสร้างติดต่อกันมาจนถึงพ.ศ.2529 วัตถุมงคลที่ท่านสร้างเมื่อปีพ.ศ.2482 ได้สร้างร่วมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระสมเด็จฐานสามชั้น พระรอด พระนางพญา และพิมพ์นางกวัก พระที่สร้างครั้งนี้เป็นพระเนื้อผง ผสมกับดินปูชนียสถาน และผงใบลาน ลงรักฉาบเนื้อ เนื้อในสีดอกเทา ด้านหลังจะเป็นรอยจารลึกลงไปในเนื้อทุกองค์
เมื่อสร้างเสร็จท่านก็แจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และผู้มาแสดงมุทิตาจิต ที่เหลือนอกนั้นนำไปบรรจุที่ใต้ฐานพระประธาน พระชุดนี้ปัจจุบันหาดูได้ยากสักหน่อย นอกจากนี้ท่านได้สร้างตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผงรุ่นปีพ.ศ.2504 เหรียญปีพ.ศ.2513 และอื่นๆ อีกพอสมควร