พระนาคปรกวัดเพลงหลวงปู่โต๊ะปลุกเสกปี๑๕

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    FB_IMG_1739104619082.jpg FB_IMG_1739104628366.jpg get_auc1_img (23).jpeg
    get_auc1_img (24).jpeg

    พระสมเด็จเนื้อผง ผสมแร่บางไผ่
    แร่บางไผ่ แร่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อานุภาพในตัวเอง ถ้านำมาสร้างพระเครื่องประจุพุทธาคมที่เข้มขลัง ยิ่งทวีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ที่วงการพระเครื่องยกย่องให้เป็นหนึ่งในการสร้างพระเครื่องเนื้อโลหะด้วยกัน ซึ่งในอดีต หลวงปู่จัน วัดโมลี จ.นนทบุรี เป็นผู้ค้นพบ และได้หายสาบสูญไปจากวงการพระเครื่องร้อยกว่าปี
    ในปัจจุบัน พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข เป็นผู้ค้นพบแร่บางไผ่ และนำมาสร้างพระแร่บางไผ่ จนเป็นที่รู้จักและนิยม กล่าวขานกันอีกครั้งในปัจจุบัน บัดนี้
    พระแร่บางไผ่ วัดนครอินทร์ หมู่6 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ศ. 2541 (รุ่น 3)
    พิธีพุทธภิเษก ที่วัดนครอินทร์ วันเสาร์ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2541 เวลา 15.00 น.
    หลวงพ่อพระเกจิอาจารย์ ที่ได้นิมนต์มานั่งปรกภาวนาอธิษฐานจิต พุทธาภิเษก พระแร่บางไผ่ ล้วนแต่เป็นพระที่มีบารมีมาก พรรษามาก อายุมาก และเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีคุณธรรมสูงส่ง วัตถุมงคลของท่านแต่ละองค์ล้วนแต่มีประสบการณ์มากมายเป็นที่รู้จักกันดี
    มีรายนามดังต่อไปนี้
    1.สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ก.ท.ม. (ปลุกเสก และจุดเทียนชัย)
    2.หลวงปู่ทิม อัตตสันโต (พระครูสังวรสมณกิจ) วัดพระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุทธยา
    3.หลวงพ่อเมี้ยน พุทฺธสิริ (พระครูพุทธสิริวัฒน์) วัดโพธิ์กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุทธยา
    4.หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ (พระอุดมประชานาถ)วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    5.หลวงพ่อเฮ็น สิริวังโส (พระครูอรรถธรรมาทร) วัดดอนทอง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี
    6.หลวงพ่อเก๋ สุนันโท (พระครูสุนันทวิริยาภรณ์) วัดแม่น้ำ ต.บางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
    7.หลวงพ่อเก๋ ถาวโร (พระมงคลนนทวุฒิ) วัดปากน้ำ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
    8.หลวงพ่อผล อกฺกโชติ (พระราชนันทาจารย์) วัดเชิงหวาย แขวง/เขตบางซื่อ จ.กรุงเทพฯ
    (ปลุกเสก และดับเทียนชัย)
    9.หลวงพ่อสร้อย ธมฺมรโส วัดเลียบราษฎร์บำรุง แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ จ.กรุงเทพฯ
    10.พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี (ผู้สร้างพระแร่บางไผ่ ยุคปัจจุบัน)
    (พระวัดชนะสงคราม 4 รูป สวดพุทธาภิเษกตลอดพิธี)
    นายแพทย์ครรชิต อมาตยกุล ประธานดำเนินการจัดสร้าง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จเนื้อผง ผสมแร่บางไผ่ พิมพ์สังฆาฏิ วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี พ.ศ.2541ด้านหลังยันต์จม
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250209_192805.jpg IMG_20250209_192830.jpg IMG_20250209_192903.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    FB_IMG_1739112418047.jpg

    เหรียญเจ้าสัวมหาเศรษฐีหลวงพ่อโต ซำปอกง วัดพนัญเชิง
    “เอกลักษณ์แห่งมหาอำนาจ และความร่ำรวย”
    »ช่วยเสริมดวงชะตาทุกราศี«
    “หนุนดวงชะตาทุกปีชง”
    เหรียญเจ้าสัวมหาเศรษฐีเนื้อทองแดงกะไหล่ทองปี๒๕๓๖
    หลวงพ่อโต (ซำปอกง) วัดพนัญเชิงเจ้าสัวมหาเศรษฐี หลวงพ่อโต รุ่นแรก ที่ทางวัดพนัญเชิงจัดสร้างขึ้นในสมัยนั้น โดยมีการจัดพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ๓ วัน ๓ คืนและได้นิมนต์เชิญพระเกจิ
    คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงแห่งยุคนั้นมาร่วมพิธีปลุกเสกมากมาย เช่น
    หลวงปู่เจือ วัดกลาบางแก้ว ,
    หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ,
    หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ,
    หลวงพ่อรวย วัดตะโก ,
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว ,
    หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม ,
    หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
    และท่านอื่นๆอีก ฯลฯ เป็นต้น
    1373977-5ac0d.jpeg
    เหรียญเจ้าสัว หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง วัตถุมงคลพิธีการจัดสร้างดี เป็นวัตถุมงคลของวัดพนัญเชิง ที่ดำเนินการจัดสร้างเอง
    หมายเหตุ-ภาษาจีน4 คำที่ปรากฏอยู่ข้างหลวงพ่อทั้ง 2 ด้าน เริ่มจากซ้ายมือขององค์ท่าน อ่านว่า
    三 อ่านว่า ซาน แปลว่า สาม
    寶 " เป่า " สมบัติ
    公 " กง " ผู้อาวุโส
    佛 " ฝ้อ " พระพุทธเจ้า
    แปลเป็นแต้จิ๋ว ซานปอกงหุก
    แปลเป็นไทย คือชื่อของ“ซำปอกงหรือหลวงพ่อโต” นั่นเอง แต่ถ้าแปลตามตัวอักษรจีน จะแปลว่า พระเจ้า3 พระองค์ หรือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะปกป้อง-คุ้มครอง-ดูแล-รักษา เราให้มีทรัพย์สมบัติ
    ..........................................
    จากตำนานที่เล่าขานกันมาหลายร้อยปีกลายมาเป็นซำปอกง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม"หลวง พ่อโต" ที่เป็นที่เคารพสักการบูชาของทั้งคนจีน คนไทย และคนไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศไทย ซึ่งในสยามประเทศมีซำปอกงองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่เพียง 3 วัดเท่านั้น โดยผู้ที่ไปกราบไหว้สักการบูชาซำปอกงส่วนใหญ่นอกจากจะกราบไหว้เพื่อความเป็น สิริมงคลแล้ว ยังนิยมไปกราบไหว้เพื่อให้รุ่งเรืองทางด้านการค้าพาณิชย์ มีโชคลาภ และประสบแต่โชคดีในการเดินทาง
    สำหรับซำปอกงที่โด่งดังองค์แรกนั้นอยู่ที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่มีมาแต่โบราณก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ตามหนังสือพงศาวดารเหนือได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ไทยก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้สร้างวัดและหลวงพ่อโต(ซำปอกง)เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระมเหสีพระนางสร้อยดอก หมาก
    หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักกว้างประมาณ 20 เมตร สูงประมาณ 19 เมตร ถือเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวกรุงเก่าให้ความเคารพนับถือ มาช้านานหลายร้อยปี เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตนั้นต่างร่ำลือไกล โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เมืองกรุงเก่าได้เกิดโรคอหิวาตกโรคขึ้น ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจนวัดไม่มีที่จะเผาศพ ชาวบ้านจึงได้ไปขอให้หลวงพ่อโตช่วยเมตตารักษาโรคภัย พร้อมกับนำน้ำมนต์กับขี้ธูปบนพื้นวิหารไปทาตัว ไปอาบ ไปกินเพื่อป้องกันโรค ปรากฏว่าหายจากโรคจริงๆ ซึ่งจากความเชื่อและเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อโต โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งถึง 30 บาทครับ
    IMG_20250209_194048.jpg IMG_20250209_194121.jpg IMG_20250209_194024.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +1,195
    โอนแล้วครับ 10/02/68 จำนวน 380 บ.เวลา 20.19 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    index (3).jpeg
    หลวงปู่ปรง ท่านเป็นศิษย์สายเดียวกันกับหลวงกวย วัดโฆสิตาราม นั่นคือสายหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ครับ และท่านเองยังได้เรียนวิชากับ
    หลวง พ่อต้วม วัดสนามชัย ชัยนาท
    หลวงพ่อคำ จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    หมอเจียก จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี จ.อุทัยธานี หลวงพ่อเคนนี้ เป็นอาจารย์หลวงปู่กวยด้วยเช่นกัน เก่งวิชารักษาโรค ประสานกระดูก มีวิชาเล่นเเร่เเปรธาตุ ทำตะกั่วให้เป็นทองคำได้เเบบหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    อาจารย์ รื่น อำเภอวิเชียร จ.เพชรบูรณ์
    อาจารย์อ้วน วัดด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
    วัดธรรมเจดีย์
    วัดธรรมเจดีย์ ตั้งอยู่ ต.สระเเจง อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เดิมเป็นวัดร้าง สันนิษฐานตามพระเครื่องที่มีการค้นพบที่วัด พิจารณาจากลักษณะเป็นพระโคนสมอในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อวัดโคกเจดีย์ เป็นวัดร้าง ไม่มีป้ายบอกชื่อวัด มีเเต่โคกเจดีย์เก่าเเก่ มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ถูกลักลอบขุดหาวัตถุโบราณ ปัจจุบันโคกเจดีย์ที่ว่านี้ ถูกปรับสภาพเรียบไปเเล้ว ไม่พบวัตถุโบราณเเละหรือพระเครื่องหลงเหลืออยู่เลย อีกสถานที่หนึ่งใกล้กับโคกเจดีย์นี้ ขณะปรับพื้นที่วัด ได้พบโครงกระดูกมากมาย เเละยังพบพระเครื่องเนื้อดินเผาอยู่ในหม้อดินถูกฝังไว้เเตกหักเสียหายเป็นจำนวนมากเนื่องจากการใช้รถปรับที่ให้เรียบ พระเครื่ององค์ดีๆหรือที่บิ่นชาวบ้านเก็บเอาไปบูชา สมัยก่อนใช้วิธีการคือใช้ลวดถักคล้องคอ เกิดเหตุอัศจรรย์คือ คนที่คล้องพระจะยังอยู่ เเต่คนที่เอาพระไปเก็บไว้บ้าน พระจะหายไป บางคนมาตามเจอ ปรากฎว่า พระกลับมาอยู่ที่เดิม องค์ที่เเตกชำรุดก็จะกลับมาอยู่ที่เดิมเช่นกัน
    เมื่อหลวงปู่ปรงมาจำพรรษาที่วัดนี้ ชาวบ้านได้สร้างกุฎิศาลามุงเเฝกให้ เเละได้ขออนุญาตทางกรมศาสนาตั้งชื่อวัดตามชาวบ้านที่เรียกว่า วัดโคกเจดีย์ หรือวัดดอนเจดีย์ เเต่หลวงปู่ปรงบอกชื่อวัดธรรมเจดีย์ดีที่สุด
    ลำดับเจ้าอาวาส
    ตั้งเเต่เป็นวัดเเละกลายสภาพเป็นวัดร้าง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาสเลย จนหลวงปู่ปรงได้มาจำพรรษาเเละกลายเป็นเจ้าอาวาสรูปเเรกของวัดยุคใหม่(วัดธรรมเจดีย์)
    ประวัติหลวงปู่ปรง
    เดิมชื่อ ปรง ปิ่นทอง เกิดปีมะเส็ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ เป็นบุตรของคุณพ่อปั้น ปิ่นทอง เเละคุณเเม่ปลีก ปิ่นทอง มีพี่น้องสามคน คนเเรกชื่อ นานยโป้ย ปิ่นทอง คนรองชื่อนางเปล่ง จงกสิกรรม หลวงปู่ปรงเป็นคนสุดท้อง
    อุปสมบท
    อุปสมบทครั้งเเรกเมื่อพ.ศ.๒๔๖๘ ที่วัดห้วยเจริญสุข มีหลวงพ่อพระครูศรี วิริยะโสภิต วัดพระปรางค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อช้ามเเละหลวงพ่อผ่อง เป็นพระคู่สวด เรียนวิชากับหลวงพ่อศรีได้ ๖ พรรษา จากนั้นได้ลาสิกขาเพราะร้อนวิชา ออกมามีครอบครัวเเละใช้ชีวิตเเบบฆราวาส มีบุตรชายหนึ่งคน
    ท่านเคยใช้ชิวิตเเบบเสือ เเบบนักเลง ภายหลังกลับใจมาบวชอีกครั้ง หลวงปู่เข้าอุปสมบทครั้งที่สองปีพ.ศ.๒๕๐๔ ที่วัดราชประสิทธิ์ จ.สิงห์บุรี มีหลวงพ่อเตี้ยมเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้น ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ ๓๐ พรรษา จากนั้นหลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไปทางจังหวัดอุทัยธานี เข้าสู่ป่าใหญ่ ออกไปถึงประเทศเขมรเป็นเวลา ๓ ปี จึงกลับมายังวัดธรรมเจดีย์
    การศึกษาวิทยาคม
    ได้บวชเรียนเเละศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ๖ พรรษา นอกจากนี้ยังได้เรียนวิชาจากพระสงฆ์เเละฆราวาสต่างๆดังนี้
    หลวงพ่อต้วม วัดสนามชัย ชัยนาท
    หลวงพ่อคำ จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    หมอเจียก จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี จ.อุทัยธานี หลวงพ่อเคนนี้ เป็นอาจารย์หลวงปู่กวยด้วยเช่นกัน เก่งวิชารักษาโรค ประสานกระดูก มีวิชาเล่นเเร่เเปรธาตุ ทำตะกั่วให้เป็นทองคำได้เเบบหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    อาจารย์รื่น อำเภอวิเชียร จ.เพชรบูรณ์
    อาจารย์อ้วน วัดด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
    เสือกลับใจ
    หลังจากบวชครั้งที่สองปีพ.ศ.๒๕๐๔ หลวงปู่จำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ โดยตัดทางโลกสิ้นเชิง สมัยนั้นทางกองปราบเคยส่งมือปราบมาฆ่าท่าน เพราะท่านเคยมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ ทางกองปราบส่งคนปลอมตัวมาเเบบสามัญชน มาหลอกถามท่านว่า บวชทำไม จะสึกหรือไม่ หลวงปู่ตอบไปว่า บวชครั้งนี้ ขอบวชให้พระพุทธองค์ จะไม่ขอลาสิกขาอีกเเล้ว จนกว่าจะถึงฝั่งพระนิพพาน คนที่ปลอมตัวมา เห็นหลวงปู่พูดจาจริงจังดังนั้นจึงไม่ทำอะไรท่าน เเละได้ลบชื่อหลวงปู่ออกจากรายชื่อบัญชีดำ หลวงปู่ก็ได้ปฎิบัติธรรมอย่างจริงจังดังที่ท่านได้กล่าวออกไป
    จากนั้นท่านก็ไปศึกษาตำราเก่าของหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ สมัยนั้นหลวงพ่อทอง เป็นเจ้าอาวาส เดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐที่อุทัยธานี หลวงปู่เก่งวิชาหลายอย่างที่เรียนจากหลวงพ่อศรี เช่น การทำเเหวนเเขน ลงตะกรุด เช่นตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุดโทน ตะกรุดสามดอก นอกจากนี้ยังเก่งเรื่องทำผงวิเศษ ทำสีผึ้ง ลงมีดหมอได้ขลัง เเละเก่งวิชาตะกรุดกระดอนสะท้อน คือ ถ้าถูกยิง ลูกปืนจะย้อนกลับ
    ปฎิปทา
    ๑. เป็นผู้คงเเก่เรียน ชอบศึกษา ทำผงได้เก่ง เก่งทางตะกรุด มีดหมอ ลงอาถรรพ์ วิชาหลายอย่างทำได้เเบบหลวงปู่กวย
    ๒. ชอบทำวัตถุมงคลเอง ที่หน้ากุฎิหลวงปู่มักนั่งจารตะกรุด หรือเขียนผ้ายันต์ คนไปกราบ บางครั้งนั่งลงยันต์ไป นั่งคุยไป เขียนเสร็จ เสกเดี๋ยวนั้นเลยก็มี
    ๓. ร้อนวิชา หลวงปู่ค่อนข้างร้อนวิชา อย่างที่กล่าว ท่านชอบลงของ ทำของด้วยตัวเอง
    ๔. ชอบเลี้ยงสัตว์ หลวงปู่เลี้ยงหมา เเมว ไก่ ตอนเช้าๆท่านจะขุนข้าวให้มันเอง ปรกติหลังหกโมงเย็น หลังจารตะกรุด ท่านจะมาให้ข้าวพวกมัน เเมวคลุกข้าวให้กินในกุฎิ หมาจะมีข้าวในอ่างให้ข้างนอก เสร็จกิจ หลวงปู่จะสรงน้ำ ทำวัตรสวดมนต์ ปลุกเสกวัตถุมงคลเเละปฎิบัติธรรม
    ๕. ชอบยิงคุนกระสุน คันกระสุนนี้ ใช้ลูกดินยิงเเทนลูกธนู ท่านมักวางไว้ใกล้ตัว สมัยก่อน ใครเคยไปกราบ มักจะเห็นคันกระสุนวางข้างๆตัวท่าน
    คุณวิเศษ
    ๑. หายตัวได้ หลายครั้งที่ศิษย์พบเหตุการณ์ดังกล่าว เช่นขับรถมาถึงหน้ากุฎิ เห็นหลวงปู่นั่งจารตะกรุด พอลงรถมาถึง จะกราบท่านเเละนำของมาถวาย กลับมองไม่เห็น พอเดินไปเดินมา หาท่าน กลับเห็นท่านนั่งอยู่ที่เดิม พอถามว่าท่านไปไหน หลวงปู่ตอบว่า นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน ศิษย์ใกล้ชิดบางคนบอกมาว่า เวลาหลวงปู่เสก หรือลงตะกรุดให้เป็นกำบัง ต้องลงจนไม่มีใครเห็นตัวท่าน
    ๒. ถ่ายรูปไม่ติด หลายครั้งที่ท่านไปงานพิธีต่างๆ มีช่างมาขอถ่ายรูปท่าน บางครั้งหลวงปู่รำคาญ ถ่ายเเบบไม่เกรงใจ หรือท่านยังไม่พร้อม พวกช่างเลยกดชัตเตอร์ไม่ลง บางครั้งถ่ายไปไม่ติดก็เคยมี หลวงปู่เคยเหน็บตะกรุดชนิดหนึ่งที่ท่านทำให้คนทำบุญ เเต่ท่านพกติดตัว มีศิษย์ถาม ท่านเลยตอบไปว่า ท่านรำคาญพวกถ่ายรูป เลยต้องมีดีติดตัวไว้บ้าง ครั้งนึงมีศิษย์มาจากอเมริกา มากราบท่าน หลวงปู่ได้เอาตะกรุดชนิดนี้ออกมาให้ทำบุญ ท่านบอกว่า เงินหาได้ เเต่ตะกรุดเเบบนี้ หาได้ยากกว่าหลายร้อยเท่านัก
    ๓. ทำวัตถุมงคลได้ขลัง ท่านเป็นพระ ชอบพระเอง เเม้อายุมาก ผ้ายันต์ ตะกรุดจารเอง มีดหมอก็จารเอง สมเด็จยุคเเรกๆหลวงปู่ทำเอง รุ่นต่อมาเเม้ไม่ได้ทำเอง เเต่ก็คุมเรื่องมวลสาร เนื้อหา ส่วนผสมต่างๆ วัตถุหลักที่เป็นส่วนผสม เช่น ผงอิทธิเจ เเร่ เส้นเกศา เป็นต้น
    การปลุกเสก มีการอัญเชิญพระอรหันต์ เสกด้วยคาถาชินบัญชร พระคาถาธรรมจักรกัปปะวัตนสูตร พระผงท่านเด่นทางเมตตาเเรง เหรียญเเละตะกรุดก็มหาอุตม์ หยุดปืนได้ไม่เเพ้ใคร
    ๔. ลงอาถรรพ์ได้ ในสระที่วัด หลวงปู่ได้ขุดไว้ ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำอาบเเละกิน ท่านได้ลงอักขระทื่เสา ฝังไว้ที่ขอบสระทั้งสี่ด้าน ถือเป็นเขตวัด เขตอภัยทาน ต่อมีมีชาวบ้านบางกลุ่ม ถือวิสาสะ ไม่เกรงใจเขตวัดเขตอภัยทาน มาดักปลาในสระไปทำอาหารกินกัน ต่อมาเกิดอาเภท บ้านถูกไฟไหม้ ต้องคดีติดคุก มีอันเป็นไปต่างๆนานา เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันมาก ลองไปถามเเถววัดดู เเล้วจะทราบดี
    มรณภาพ ในบั้นปลายชีวิต หลวงปู่ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดห้วยเจริญสุข บ้านเกิดท่าน มาช่วยสร้างโบสถ์ จากนั้น ท่านก็จำพรรษาที่วัดนี้ จนมรณภาพ ในปี 2540
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อปรง วัดธรรมเจดีย์ ปี 39 เนื้อทองฝาบาตร โค๊ด ปรง
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250210_203945.jpg IMG_20250210_204013.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    FB_IMG_1739197907515.jpg
    เหรียญพระครูแฟ้ม วัดป่าอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ชลบุรี รุ่น ลาภผลเพิ่มพูน อายุครบ 60 ปี เนื้อทองแดง ปี2516
    พระครูวรพรตศีลขันธ์ (แฟ้ม) เป็นศิษย์เอก หลวงปู่เฮี้ยง
    เหรียญรุ่นแรก ของหลวงพ่อแฟ้ม ฉลองอายุ ครบ 60 ปี เนื้อทองแดง พิธีมหาพุทธาภิเษก 30 มีนาคม 2516 พระเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสก เช่น หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง หลวงปู่แจ่ม หลวงปู่คร่ำ หลวงปู่ชื่น หลวงปู่บุญ ฯ
    พุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยพุทธคุณจึงแรงมากๆๆๆ และมีประสบการณ์สูงมาก จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญเติบโตก้าวหน้า หรือ ผู้ที่มีใจใฝ่ทางด้านการเสี่ยงโชคลาภทุกชนิด ควรมีไว้บูชาพกพาติดตัวไว้เป็นอย่างเนืองนิจ ทั้งผู้ที่นิยม และศรัทธา รวมไปถึงผู้นำ นักการปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือ นักบริหารทุกระดับชั้น ข้าราชการทุกตำแหน่ง ทุกประเภทไม่ว่าชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย นายทหารทุกเหล่าทัพ (โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติภารกิจอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) ตำรวจ ครูบาอาจารย์ นักพูด นักขาย (ที่ต้องหายอดลูกค้า) นักเจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง ผู้ที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นทุกประเภท นักกีฬาทุกประเภท นักทำมาหากินทุกประเภท มนุษย์เงินเดือน ผู้ที่ต้องแข่งขันกับผู้อื่น ไม่ว่าทั้งโดยตรง หรือโดยอ้อม พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง
    พุทธคุณแรงเกินราคา คุ้มค่ามากๆๆๆ กับความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การมีชื่อเสียง ตำแหน่งที่สูงขึ้น การมีโชคลาภขั้นสูง มหาเสน่ห์ มหานิยมที่รุนแรง การชนะเหนือคู่แข่ง
    คาถาอารธนาพระ
    โตเสนโต วะระธัมเมนะ
    โตสัฏฐาเน สิเว วะเร
    โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง
    โตสะจิตตัง นะมามิหังข่งขันทั้งหลาย ฯลฯ เป็นต้น

    https://www.facebook.com/share/p/19v6yNokGp/
    อ่านประวัติหลวงพ่อแฟ้ม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250210_211517.jpg IMG_20250210_211619.jpg IMG_20250210_211641.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    1739205491141.jpg

    หลวงพ่อลำเจียก เป็นพระเกจิอาจารย์อาคมขลัง มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด ศีลาจารวัตรบริสุทธิ์งดงาม และมีวาจาสิทธิ์เป็นเลิศ เป็นที่รู้กันใหหมู่ศิษยานุศิษย์ว่า หลวงพ่อลำเจียก เป็นพระที่พูดตรงไปตรงมา คำไหนคำนั้น พูดน้อย ไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงละเมิดฝ่าฝืนวาจาของท่าน
    คนกล่าวว่า ท่านมีวาจาสิทธิ์เหมือน หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง ผู้เป็นบูรพาจารย์ ความเข้มขลังในพลังอาคมและพลังจิตตานุภาพ ของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ท่านเป็นพระที่ไม่ยอมให้ใครมาประชาสัมพันธ์ จึงทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏอยู่เฉพาะในท้องถิ่นเท่านั้น ทั้งที่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เรืองอาคมอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับ พระเกจิอาจารย์เรืองนามของจังหวัดนครปฐมในยุคนั้นหลายรูป เช่น หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ หลวงพ่อภา วัดสองห้อง เป็นต้น
    โดยเฉพาะหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม และหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จะมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับ หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึกมาก ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏโด่งดังมาก เมื่อท่านละสังขารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา
    วิชาความรู้ใน เรื่องไสยเวทวิทยาคม อีกประการหนึ่งที่ หลวงพ่อลำเจียก ได้ศึกษาเล่าเรียนสืบทอดไว้ได้แก่ สักยันต์จระเข้ ตามตำรับของ พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท โดยได้มีศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า นำตำราบางส่วนมามอบให้หลวงพ่อลำเจียกได้ศึกษาเล่าเรียน หนึ่งในตำรานั้นเป็น วิชาสักยันต์จระเข้
    หลวงพ่อลำเจียก ได้ศึกษาอย่างจริงจัง จนกระทั่งมีความรอบรู้เชี่ยวชาญ ได้ใช้ ยันต์จระเข้ ดังกล่าวเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน แล้วได้ใช้ยันต์จระเข้สักให้กับลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ที่เป็นศิษย์ใกล้ชิด โดยจะ สักยันต์จระเข้ ไว้ที่ต้นแขนด้านในข้างขวา จนเป็นที่เลื่องชื่อลือชาในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของ ยันต์จระเข้ ตำรับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
    อิทธิฤทธิ์ของ ยันต์จระเข้ นี้เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เมื่อสักยันต์เสร็จแล้ว หลวงพ่อลำเจียกท่านจะใช้ใบตองแตะลงที่รอยสัก ใบตองจะไหม้เกรียมทันที และที่กลางใบตองจะปรากฏเป็น รูปยันต์จระเข้ เหมือนในรอยสัก
    หลังจากนั้นท่านจะให้นำไปทิ้งที่ลำคลองข้างวัด วันดีคืนดีชาวบ้านแถวนั้น จะเห็นจระเข้ว่ายอยู่ในลำคลอง สร้างความหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าลงน้ำ หลวงพ่อลำเจียกต้องไปทำพิธีที่ท่าน้ำ แล้วเลิกสักยันต์จระเข้
    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครพบเห็นจระเข้อีกเลย ปัจจุบันมีร่องรอยหลักฐานปรากฏอยู่ เป็นวังน้ำ ที่ท่าวัดศาลาตึก ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “วังจระเข้”

    หลวงพ่อลำเจียก เป็นพระเกจิอาจารย์อาคมขลัง มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด ศีลาจารวัตรบริสุทธิ์งดงาม และมีวาจาสิทธิ์เป็นเลิศ เป็นที่รู้กันใหหมู่ศิษยานุศิษย์ว่า หลวงพ่อลำเจียก เป็นพระที่พูดตรงไปตรงมา คำไหนคำนั้น พูดน้อย ไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงละเมิดฝ่าฝืนวาจาของท่าน
    คนกล่าวว่า ท่านมีวาจาสิทธิ์เหมือน หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง ผู้เป็นบูรพาจารย์ ความเข้มขลังในพลังอาคมและพลังจิตตานุภาพ ของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ท่านเป็นพระที่ไม่ยอมให้ใครมาประชาสัมพันธ์ จึงทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏอยู่เฉพาะในท้องถิ่นเท่านั้น ทั้งที่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เรืองอาคมอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับ พระเกจิอาจารย์เรืองนามของจังหวัดนครปฐมในยุคนั้นหลายรูป เช่น หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ หลวงพ่อภา วัดสองห้อง เป็นต้น
    โดยเฉพาะหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม และหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จะมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับ หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึกมาก ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อลำเจียกปรากฏโด่งดังมาก เมื่อท่านละสังขารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา
    วิชาความรู้ใน เรื่องไสยเวทวิทยาคม อีกประการหนึ่งที่ หลวงพ่อลำเจียก ได้ศึกษาเล่าเรียนสืบทอดไว้ได้แก่ สักยันต์จระเข้ ตามตำรับของ พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท โดยได้มีศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า นำตำราบางส่วนมามอบให้หลวงพ่อลำเจียกได้ศึกษาเล่าเรียน หนึ่งในตำรานั้นเป็น วิชาสักยันต์จระเข้
    หลวงพ่อลำเจียก ได้ศึกษาอย่างจริงจัง จนกระทั่งมีความรอบรู้เชี่ยวชาญ ได้ใช้ ยันต์จระเข้ ดังกล่าวเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน แล้วได้ใช้ยันต์จระเข้สักให้กับลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ที่เป็นศิษย์ใกล้ชิด โดยจะ สักยันต์จระเข้ ไว้ที่ต้นแขนด้านในข้างขวา จนเป็นที่เลื่องชื่อลือชาในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของ ยันต์จระเข้ ตำรับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
    อิทธิฤทธิ์ของ ยันต์จระเข้ นี้เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เมื่อสักยันต์เสร็จแล้ว หลวงพ่อลำเจียกท่านจะใช้ใบตองแตะลงที่รอยสัก ใบตองจะไหม้เกรียมทันที และที่กลางใบตองจะปรากฏเป็น รูปยันต์จระเข้ เหมือนในรอยสัก
    หลังจากนั้นท่านจะให้นำไปทิ้งที่ลำคลองข้างวัด วันดีคืนดีชาวบ้านแถวนั้น จะเห็นจระเข้ว่ายอยู่ในลำคลอง สร้างความหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าลงน้ำ หลวงพ่อลำเจียกต้องไปทำพิธีที่ท่าน้ำ แล้วเลิกสักยันต์จระเข้
    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครพบเห็นจระเข้อีกเลย ปัจจุบันมีร่องรอยหลักฐานปรากฏอยู่ เป็นวังน้ำ ที่ท่าวัดศาลาตึก ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “วังจระเข้”
    หลวง พ่อลำเจียก วัดศาลาตึก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม สุดยอดเกจิอาคมขลัง อีกรูป (ท่านไม่ค่อยยอมให้หนังสือพระเข้าไปทำประวัติออกเผยแพร่ ) แต่ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา จะรู้จักกันดี ท่านเป็นไปเรียนวิชากับเกจิดัง ๆ หลายรูปอาทิเช่น
    1.หลวงพ่อจันทร์วัดบ้านยาง พระอุปัชฌาย์ ของท่าน หลวงพ่อจันทร์ ท่านมีวิชามนต์จินดา มีชื่อเสียงทางด้านพระปิดตา เนื้อเมฆพัดและยันต์นะปัดตลอด ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง กล่าวกันว่า ท่านสักยันต์ ที่หน้าอกแล้วตบเปรี้ยงเดียวยันต์กลับมาอยู่ด้านหลังอย่างมหัศจรรย์ )
    2.หลวงพ่อหว่าง วัดกำแพงแสน ยอดพระเกจิอาคม ขลังอีกรูปหนึ่ง ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชาให้ หลวงพ่อลำเจียก ตลอด 3 พรรษา
    3.หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเขาใหญ่ ซึ่งเก่งด้าน วิชาหวายคาดเอว ซึ่งหลวงพ่อลำเจียกท่านสามารถนำมาสร้างได้ เข้มขลัง มีอานุภาพมาก หวายทั้งเส้นต้องลงอักขระโดยรอบ สามารถกันภูตผีปีศาจ แก้คุณไสย์ ทำน้ำมนต์ ฯลฯ ปัจจุบันหายากมาก
    4.ศึกษา วิชา ทำตะกรุดลูกอมโลกธาตุ ตำหรับ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว กาญจนบุรี
    ท่านสืบสายวิทยาคมมาจาก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว..
    ท่านเป็นพระอภิญญา สามารถเสกหยวกกล้วยให้เป็นจระเข้ได้ เสกใบไม้เป็นต่อเป็นแตนได้..
    โดยเฉพาะเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน คือ หวา่ยคาดเอว โดยหลวงพ่อต้องเสกให้ปลายหวายม้วนเข้ามาหากันเองได้จึงจะถือว่าสำเร็จ..หวายนี้หายากยิ่งนักเพราะท่านสร้างเอง พบของแท้ได้ยากมากๆ...
    วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ในพื้นที่ มากมายครับ..
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงพ่อลำเจียกวัดศาลาตึก
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250210_203216.jpg IMG_20250210_203250.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2025 at 11:33
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    FB_IMG_1739244148228.jpg
    พระอรหันต์ร่างทอง กรรมฐานเปิดโลก
    ประวัติ หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
    ในการการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา
    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้
    ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ 1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว
    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9 นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี
    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา วัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้
    ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
    และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายหลังจารติดจีวรหลวงพ่อคง
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250210_201945.jpg IMG_20250210_202011.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    1739279511429.jpg 1739279513139.jpg
    พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือหลวงปู่โต๊ะ อินนสุวณโณ เดิมท่านเป็นชาวบ้านในคลองบางน้อย ต.บางพรหม อ.บางคณที จ.สมุทรสงคราม เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2430 เป็นบุตรของนายลอย และนางทับ รัตนคอน มีพี่น้องด้วยกันเพียงสองคน ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนหลวงปู่ไปนานแล้ว
    เมื่อท่านอายุได้ 13 ขวบ บิดามารดาของท่านก็ถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว วัดเกาะแก้ว ซึ่งเป็นญาติกันได้นำท่านมาฝากเรียนหนังสือกับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีในเวลานั้น
    เมื่อท่านอายุได้ 17 ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ท่านพรรพชาได้เพียงคืนเดียว พระอธิการสุขก็ได้มรณภาพ นายคล้าย และนางพันธ์ ผู้เป็นพี่ชาย และพี่สะใภ้ ของพระอธิการสุข ได้รับหน้าที่อุปการะสามเณรโต๊ะ จนกระทั่งได้ทำการอุปสมบทเมื่ออายุได้ 20 ปี ณ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อวันอังคาร เดือน 8 ขึ้น 7 ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 เวลา 15.30 น. โดยมีหลวงพ่อแสง วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อผ่อง วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อเชย วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาตามพระพุทธศาสนาว่า "อินทสุวณโณ"
    หลวงปู่โต๊ะ ได้รับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อท่านอายุได้ 26 ปี จนถึงวันมรณภาพของท่าน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2524 เวลา 9.55 น. สิริชนมายุ ๙๔ ปี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพิมพ์นาคปรก เนื้อผงน้ำมัน หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสกเดี่ยว ออกให้ วัดเพลงวิปัสสนา บากกอกน้อย จ.ธนบุรี(กรุงเทพฯ)ปี ๒๕๑๕
    ให้บูชา 350 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250211_200703.jpg IMG_20250211_200725.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,833
    ค่าพลัง:
    +21,354
    FB_IMG_1739281764924.jpg
    ประวัติหลวงปู่เคน สุขวัฒโน แห่งวัดถ้ำเขาอีโต้ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    ไซ เป็นเครื่องจักสานประเครื่องดักจับสัตว์น้ำที่มีความสำคัญ และมีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของคนในในอดีต ทุกบ้านจะทำไซไว้ใช้เอง โดยจะนำไซไปดักไว้ตามคลองที่น้ำไหลผ่าน ซึ่งสถานที่ดักก็จะมีอยู่ทั่วไปตามไร่ตามนา ในฤดูฝนมีน้ำหลาก ชาวบ้านออกไปทำไร่ ทำนา ก็จะนำไซไปดักทิ้งไว้ด้วย ก็จะได้ปู ปลาต่าง ๆ มากมาย บางครั้งอาจยกไซไม่ได้เนื่องจากหนักเพราะดักปลาได้เกือบเต็มไซ ปลาที่ได้ก็จะนำไปประกอบอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว แบ่งปันให้เพื่อนบ้านบ้าง โดยไม่ต้องซื้อขายกัน ที่เหลือก็จะนำมาถนอมอาหารเช่น ทำปลาร้า ปลาเค็ม ปลาย่าง เก็บไว้กินยามฤดูแล้ง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ที่สามารถหาปลากินได้อย่างเหลือเฟือ พระเกจิโบราณจึงนำไซมาทำเป็นเครื่องราง ให้ลูกศิษย์ไปแขวนไว้ตามหน้าร้านค้า ประตูบ้าน หรือใช้ผูกเสาเอกในพิธีลงเสาเอกบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคล.. ช่วยดักเงินทอง ดักโชค ดักลาภ เรียกกันว่าไซดักทรัพย์ และพระเกจิอาจารย์ที่ทำไซแบบนี้ได้มีอานุภาพสูงสุดก็คงไม่มีใครเกินหลวงปู่เคน แห่งวัดถ้ำเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตามาก วัตถุมงคลของท่านใช้แล้วร่ำรวยกันทั้งนั้น ใครๆ ในสมัยก่อนจึงไปกราบท่านเต็มวัด
    ประวัติหลวงปู่เคน สุขวัฒโน
    ท่านเกิดเมื่อพ.ศ.๒๔๐๒ ที่ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก (ในสมัยนั้นยังเป็นจังหวัดปราจีนบุรี) ต่อมาได้มีภรรยาชื่อ นางลา ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านนางลา ณ หมู่บ้านนาปรือ ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ทั้งสองดำรงชีวิตคู่อยู่ได้ราวๆสิบปี โดยไม่มีลูก จนหลวงปู่เคนเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบทเมื่อตอนอายุราวๆ ๓๐ ปีเศษ จากนั้นได้ออกเดินธุดงค์และกลับมาจำพรรษาในถ้ำแถวตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ต่อมาจึงย้ายมาจำพรรษาที่ถ้ำเขาอีโต้ ตำบลบ้านพระ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ตราบจนมรณภาพในปีพ.ศ.๒๕๑๓ สิริอายุ ๑๑๑ ปี
    วัตรปฏิบัติและปฏิปทา
    หลวงปู่เคน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่ศรัทธาของสาธุชนทั่วไป แม้กระทั่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื้น นพวงศ์ ณ อยุธยา) ยังได้เสด็จมาสนทนาธรรมกับหลวงปู่เคน ณ วัดถ้ำเขาอีโต้ มีหลักฐานก็คือภาพถ่ายที่กุฏิหลวงพ่อเจ้าอาวาส ในสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านชอบฟังเทศน์โดยเฉพาะการเทศน์มหาชาติ ถ้าว่างท่านจะนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำ เวลาออกไปไหนมาไหนท่านชอบใช้ย่ามสีแดง จนคนนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อย่ามแดง" หลวงปู่เคนท่านเป็นพระรุ่นเก่า เวลาพูดท่านก็ชอบใช้ภาษาโบราณ และมักจะเอ่ยวลีว่า “ หอสระอีแม่มึง ” เสมอ หลวงปู่เคนท่านออกเดินบิณฑบาตเป็นนิจแม้ว่าจะอายุมากแล้วก็ตาม และการบิณฑบาตของท่านนี่เองเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเล่าขานว่าหลวงปู่เคนเป็นพระผู้สำเร็จอภิญญาสามารถเดินหนย่นระยะทางได้ จนมีผู้ศรัทธาหลั่งไหลมากราบขอพรและให้ท่านรดน้ำมนต์ให้มิได้ขาด ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุมงคลที่หลวงปู่สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไซดักทรัพย์ นกสาลิกาคู่ สีผึ้ง ผ้ายันต์ ฯลฯ ต่างก็เป็นที่ต้องการของผู้ที่มากราบท่าน เพราะเต็มไปด้วยอานุภาพทางเมตตามหานิยม ไปบูชาแล้วค้าขายดี มีประสบการณ์เล่าขานกันไม่จบสิ้น
    อภินิหารของหลวงปู่
    เรื่องราวอภินิหารของหลวงปู่นั้นผู้เขียนได้รวบรวมจากนักเขียนรุ่นเก่าๆบ้างและผู้มีประสบการณ์โดยตรงบ้างดังนี้
    มีเรื่องเล่าแปลกๆว่า มีลูกศิษย์ไปพบหลวงปู่ที่วัด แต่เด็กวัดบอกว่าหลวงปู่เข้าไปในถ้ำสวดมนต์ ลูกศิษย์คนนั้นจึงเดินไปหาหลวงปู่ในถ้ำ เมื่อเข้าไปก็เห็นหลวงปู่สวดมนต์อยู่จริงๆ แต่ร่างของหลวงปู่ท่านลอยอยู่บนอากาศ โดยไม่มีอะไรรองนั่งแม้แต่น้อย หลวงปู่ท่านลอยอยู่สักพักแล้วก็ค่อยๆลอยกลับมาลงนั่งสมาธิปกติดังเดิม...
    ชาวบ้านที่จังหวัดนครนายก เห็นพระชราแปลกหน้ามาเดินรับบาตรอยู่บ่อยๆ จึงถามว่าท่านชื่ออะไร มาจากไหน ท่านบอกว่าชื่อหลวงปู่เคน มาจากวัดถ้ำเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างไปสามสิบกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านหลายคนเกิดความสงสัยว่าท่านมาเดินบิณฑบาตถึงนี่ได้อย่างไร จึงมีคนเรียนถามท่าน หลวงปู่ท่านบอกว่าเดินมา พอชาวบ้านบอกว่าจะไปส่ง หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่ต้อง ท่านเดินกลับเองได้ ทำให้ชาวบ้านยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก กระทั่งเช้าวันหนึ่งเมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วจึงแอบขับรถตามท่านออกไป ปรากฏว่ารถขับตามหลวงปู่เดินไม่ทันจนพลัดหลงกัน เขาเลยขับรถดิ่งไปยังวัดถ้ำเขาอีโต้ทันที เพื่อรอดูหลวงปู่ว่าท่านจะกลับมาที่นี่จริงหรือเปล่า แต่พอมาถึงวัดเขาก็ต้องตกใจ เพราะเห็นหลวงปู่นั่งฉันเช้าอยู่แล้ว ครั้นมองไปที่สำรับกับข้าวก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นกับข้าวที่เขาใส่บาตรเมื่อเช้าอยู่ในสำรับที่หลวงปู่กำลังฉัน นั่นแสดงว่าหลวงปู่เคนท่านเดินย่นระยะทางมาได้จริงๆ
    คราวหนึ่งไฟไหม้บ้านพี่สาวของนักเขียนนิตยสารพระชื่อดังที่อุบล แต่ปรากฏว่ามีวัตถุมงคลที่ไฟไม่สามารถเผาผลาญหรือหลอมละลายได้คือ รูปถ่ายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง และ ผ้ายันต์แดงของหลวงปู่เคน วัดถ้าเขาอีโต้
    ตาสมบุญเป็นหลานๆของหลวงปู่เคนเล่าว่า เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ได้เคยไปนอนที่กุฏิหลวงปู่เคน พอตอนเช้าหลวงปู่ท่านก็ออกเดินบิณฑบาตตามปกติ แต่ก่อนที่หลวงปู่จะออกจากถ้ำเขาอีโต้ ท่านได้เอ่ยว่า ไอ้น้อย(หมายถึงตาสมบุญ)เดี๋ยวเอ็งอยู่ที่นี่ก่อนนะ หลวงปู่จะไปบิณฑบาตในเมืองสักหน่อย ว่าแล้วท่านก็ถือบาตรเดินออกมา แต่เพียงสิบกว่านาทีท่านก็เดินกลับมาพร้อมอาหารเต็มบาตร ทำเอาตาสมบูรณ์ซึ่งเป็นเด็กในขณะนั้นแปลกใจเป็นอย่างมากว่าทำไมหลวงปู่ท่านเดินเข้าไปบิณฑบาตในเมือง แต่กลับมาถึงวัดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีรถผ่านดังปัจจุบัน เวลาไปไหนมาไหนต้องใช้การเดินเท้า
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่เคนฉันภัตราหารเสร็จแล้วได้นำแอบเปิ้ลที่เหลือแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ยากจน ปรากฏว่าแม่เฒ่าท่านหนึ่งไม่กล้ากินผลแอบเปิ้ลที่หลวงปู่เอาให้ เพราะไม่รู้จัก เนื่องจากสมัยนั้นแอบเปิ้ลเป็นผลไม้ของหายาก ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ จะมีขายเฉพาะแหล่งธุรกิจการค้าในกรุงเทพ คนในป่าในดงตามบ้านนอกคงไม่เคยเห็น จึงมีผู้ถามหลวงปู่ว่าไปเอาแอบเปิ้ลมาจากไหน? หลวงปู่ท่านตอบว่าเมื่อวาน โยมที่กรุงเทพเขาใส่บาตรมา ลูกศิษย์บางคนที่ได้ฟังอยู่ก็แย้งว่า เมื่อวานหลวงปู่ไม่ได้ไปกรุงเทพนี่ครับ หลวงปู่ยังไปเดินบิณฑบาตแถวหมู่บ้านผมเลย หลวงปู่ได้ยินแล้วก็ทำเป็นเฉยเหมือนไมได้ยิน ส่วนลูกศิษย์ก็เริ่มลือกันไปว่าหลวงปู่เคนแบ่งภาคไปบิณฑบาตพร้อมๆกันทั้งสองแห่ง อีกทั้งย่นระยะทางไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว
    เล่ากันว่าหลวงปู่เคนรู้วันมรณภาพ คือมีอยู่วันหนึ่ง อยู่ๆหลวงปู่เคนก็บอกกับลุงเลิศหลานชายของท่านว่าอีก ๗ วัน ท่านจะมรณภาพ ตอนนั้นลุงเลิศก็ได้แต่คิดในใจว่าหลวงปู่ถ้าจะหลง เพราะตอนนี้ท่านก็แข็งแรงดีไม่มีวี่แววว่าจะเจ็บป่วย แล้วจะถึงแก่มรณภาพในเวลาอันสั้นได้อย่างไร จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ ตามที่ท่านกล่าว อยู่ๆหลวงปู่ก็บอกว่าอยากกินข้าวเหนียวมะม่วง จากนั้นไม่นานก็มีลูกศิษย์จากกรุงเทพมาหาแล้วนำข้าวเหนียวมะม่วงมาถวาย เล่นเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ต่างก็หันมามองตากันด้วยความทึ่งในอภิญญาของหลวงปู่ พอญาติโยมลากลับในช่วงบ่ายๆ หลวงปู่ท่านก็เป็นลมและมรณภาพในตอนเย็นของวันนั้นนั่นเอง
    เมื่อหลวงปู่มรณภาพแล้วได้มีการเก็บสังขารของท่านไว้ในหีบ โดยท่านได้สั่งกำชับไว้ก่อนนานแล้วว่า เมื่อสวดอภิธรรมเสร็จให้นำหีบดังกล่าวบรรจุไว้ในหลืบถ้ำบริเวณที่ท่านอยู่ ซึ่งทางวัดก็ได้ดำเนินการตามนั้นมา จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นในคืนหนึ่งคือ อยู่ดีๆได้เกิดไฟเผาไหม้หีบบรรจุสังขารดังกล่าว ทำให้เหลือเพียงแต่เถ้าและกระดูกของท่านเท่านั้น พอรุ่งเช้าลูกศิษย์ลูกหาที่รู้ข่าวต่างมามุงดูและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ขณะเดียวกันก็มีบางคนแอบหยิบเอาชิ้นส่วนกระดูกของท่านออกมา แต่พอนำขึ้นรถจะขับกลับบ้าน ปรากฏว่าไม่สามารถสตาร์ทรถติด จึงต้องนำชิ้นส่วนกระดูกที่หยิบติดตัวไปกลับมาคืนที่เดิม
    หลังจากเหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นไม่นานก็ได้มีลูกศิษย์ของท่านมาทำการสร้างมณฑปคอนกรีตครอบบริเวณดังกล่าวไว้เพื่อจะได้ประดิษฐานรูปหล่อจำลองของท่านไว้ให้ผู้ที่ศรัทธาได้กราบเคารพบูชา โดยจะทำการสร้างเป็นสองชั้น แต่พอสร้างมณฑปชั้นแรกเรียบร้อยแล้ว ก็สร้างบันไดขึ้นไปยังพื้นชั้นสองเสร็จเป็นลำดับถัดมา แต่พอช่างเริ่มขึ้นไปเหยียบพื้นชั้นสอง เพื่อจะสร้างผนังและโครงหลังคา ก็ปรากฏเกิดเหตุอาเพศ ฟ้าผ่าลงกลางต้นไม้ใหญ่ที่อาคารมณฑปชั้นล่างล้อมไว้ ทำให้ลำต้นของต้นไม้ดังกล่าวแตกเป็นสองซีก ดูเหมือนว่าหลวงปู่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่อยากให้ใครขึ้นไปเหยียบย่ำด้านบน ทางวัดเห็นท่าไม่ดีจึงหยุดสร้างมรฑปชั้นสองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทั่งปัจจุบันมณฑปก็ยังคงเป็นอาคารชั้นเดียวอย่างที่ท่านเห็นในภาพ
    กรรมฐานและวิชาคาถาอาคม
    เล่ากันว่าชาวบ้านแถวตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ถิ่นกำเนิดของหลวงปู่เคนมีเชื้อสายลาว พูดภาษาถิ่นแบบภาษาอีสาน เมื่อหลวงปู่เคนบวชแล้ว ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงเข้าไปยังประเทศลาว เพื่อเรียนกรรมฐานและวิชาอาคมกับสำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ เมื่อเรียนกลับมาแล้วก็ได้กลับมาจำพรรษาและช่วยชาวบ้านสร้างและพัฒนาวัด วัดพรหมเพชร ขึ้นที่ตำบลโคกกรวด ถิ่นกำเนิดของท่าน เมื่อสร้างเสร็จแล้วท่านจึงออกไปอยู่ในถ้ำเขาอีด่าง บริเวณน้ำตกวังม่วง ตำบลนาหินลาด จากนั้นไม่นานจึงย้ายมาอยู่ที่ถ้ำเขาอีโต้ตราบจนมรณภาพ
    เนื่องจากหลวงปู่เคนได้ร่ำเรียนวิชามาจากสำเร็จลุน วิชาของท่านจึงออกจะแปลกแหวกแนวไปกว่าวิชาของทางฝ่ายไทยที่เราเคยได้รับรู้กันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นวิชาน้ำออกบ่อที่ใช้ทำน้ำมนต์รดถอนของขจัดอัปมงคล วิชากาหลงที่ใช้ได้สารพัด หรือวิชาการทำไซเงินไซทองไว้ดักทรัพย์ โดยใช้ มหาชัยยะมงคลคาถา หรือ ไชยใหญ่และจุลชัยยะมงคลคาถาหรือ ไชยน้อย ซึ่งเป็นคาถาภาษาบาลีผสมภาษาลาว มาสวดปลุกเสกเพราะในภาษาไทยอีสานและภาษาลาวจะออกเสียง ช.เป็น ซ. ดังนั้นคำว่าชัยมงคล ทางไทยอีสานและลาวจะออกเสียงเป็นไซยมงคล ซึ่งพ้องกับคำว่าไซ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ดักสัตว์น้ำของไทย มาเป็นเคล็ดในการปลุกเสกไซของท่านซึ่งนับว่าได้ผลเป็นที่ประจักษ์กันมามากแล้วว่ามีอานุภาพก่อให้เกิดสิริมงคล คุ้มครองป้องกันภัยทำมาค้าขาย โชคลาภดี อย่างชนิดที่พูดได้ว่ายังไม่มีไซของพระเกจิอาจารย์ใดเก่งไปกว่าไซเงินไซทองดักทรัพย์ของท่าน เพราะชัยยะคาถาทั้ง ๒ นี้พรรณนาถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า เหนือหมู่มารทั้งปวงทั้งล่วงพ้นอำนาจของพรหม มาร เทวดา ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 และสรรพสัตว์ อีกทั้งความชั่วร้ายทั้งร้าย เชื่อกันว่า เป็นบทสวดที่มีอานุภาพมาก สามารถขจัดปัดเป่าเรื่องเลวร้าย และภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ทั้งแก่ตัวผู้สวดสาธยาย และบ้านเมืองของผู้สวดสาธยายนั้น
    วัตถุมงคลของหลวงปู่เคน
    วัตถุมงคลของท่านจะเน้นไปทางเมตตา มหานิยม การค้าขายดี เป็นหลัก ท่านมีชื่อเสียงเรื่องการสร้าง ไซดักเงิน และนก (ที่ทำจากไม้กาหลง) สีผึ้ง ผ้ายันต์ เหรียญ ฯลฯ
    พ่อกา และแม่กา ตามอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนวิชามาจากท่าน วัตถุมงคลส่วนใหญ่ของหลวงปู่จะ เป็นงานทำด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นนกสาลิกา หรือ ไซดักทรัพย์ ถ้าเป็นขนาดจิ๋วมักจะพบอยู่หลังภาพถ่ายที่เลี่ยมกรอบพลาสติก มีด้วยกันหลายขนาด ขนาดสูงเกิน 1 นิ้ว จะเป็นของผู้ชาย หากขนาดกลาง หรือเล็ก ตลอดจนจิ๋ว จะให้ผู้หญิงใช้ มีทั้งภาพสี่เหลี่ยม ภาพกลม และรูปหัวใจเป็นต้น วัตถุมงคลที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ประกอบด้วย ตรงกลางสุด เป็นแม่ไซ ดักเงิน ข้างซ้ายขวา จะเป็น กาหลง มีตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว ด้านริมสุดเป็นตระกรุดเงิน และตระกรุดทอง
    แม่กา เราจะเรียกท่านให้ช่วยดลจิตดลใจให้กับบุคคลเพศชาย ที่เราต้องการจะเจรจา หรือ พูดคุยด้วย ส่วนพ่อกา เราจะเรียกท่านให้ช่วย ในกรณีที่เราต้องการไปพบปะกับเพศหญิงเป็นต้น อาทิ หากเราชอบใจ หรือ สนใจสาวคนใด เวลาเราจะไปจีบ ก็อาศัยฤทธิ์ของพ่อกา ช่วยเหลือเราให้ประสพความสำเร็จ เป็นต้น
    .. อนึ่ง สิทธิการิยะ ขออัญเชิญหัวใจพระคาถาปลุก พ่อกา และแม่กา มาให้ท่านได้ศึกษา และใช้กัน ดังนี้
    ให้ตั้ง นะโม 3 จบ
    .... นะโมเม พุทธะเตเช ชัยยะเตเช ชัยยะสิทธิ ชัยยะจิตตัง ชัยยะเมตตา ชัยยะกากา ชัยยะกากา ชัยยะมังคะลา ชัยยะมังคะลา ...
    (ตั้งใจพูดกับ พ่อกา แม่กา ... สมมุติว่า ขออำนาจคุณพระของหลวงพ่อเคน พร้อมด้วยแม่กาหลง ผมกำลังจะไปเจรจา ของาน กับนาย .... เพื่อขอรับการว่าจ้างงาน ...... โปรดขอให้แม่กา จงช่วยดลใจให้นาย .... จงมีความเมตตา เอ็นดู ผม เพื่อให้การเจรจางานนี้ จงสำเร็จ ลุล่วง โดยไม่ติดขัด ขอให้นาย ... จงมีใจรัก และยินดีกับคำพูดของผมด้วยเทอญ).
    คาถามหาลาภของหลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ ปราจีนบุรี ที่เก่งเรื่องไซร นกสาริกา ว่าดังนี้ นะโมเมพุทธะเตเช ชัยยะเตเช ชัยยะสิทธิ ชัยยะจิตตัง ชัยยะเมตตา ชัยยะกากา ชัยยะมังคะลา ชัยยะมังคะลา
    "คาถาอาราธนาบูชาไซ "
    ไซยะจิตตัง มหาลาภัง ปิยังมะมะ "
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ผ้ายันต์หลวงปู่เคนวัดเขาอีโต้อายุ ๑๐๐ ปี สภาพผ่านการบูชา จนเก่ามีรอยพับ รอยขาด เทปกาวที่แปะติดผนัง กรอบ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20250211_203952.jpg IMG_20250211_204014.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2025 at 23:55
  12. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,055
    ค่าพลัง:
    +6,953
    -ขอจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...