เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    บทความก็อย่าให้ยาวมากนัก..มันยาวแล้วมันเข้าใจยากและมันจะเหมือนนิยายเกินไป55555
     
  2. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท่านไม้ขีดไฟสบายดีหรือเปล่าขอรับ...ตอนนี้ท่านอยู่ส่วนไหนของแผ่นดินไทยขอรับ
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อิอิ บอกไม่ได้ ทำเหี้ยไว้เยอะ
    เลยหนีออกจากรังไปนอนพักอาบแเดด
    พักผ่อน..รอให่เขาเผารังเหี้ยทิ้ง มีกับดักเพียบ
    เลยขุดรูใหม่ สบายใจกว่ากันเยอะ ไม่ปวดหัว..อิอิ

    ท่านสงบน่าจะมีกระทู้ของตัวเองบ้าง
    เปิดทางให้กรรมมันทำงาน..
    จะได้มีทั้งดอกไม้และก้อนหินไว้ชื่มชม..อิอิ

    ..
     
  4. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ข้าพเจ้าเปิดทางให้กรรมทำหน้าที่แล้วขอรับ...ปู่กรรมเทวราชและบริวารของท่านกำลังทำหน้าที่อยู่...ส่วนเรื่องจะตั้งกระทู้ตัวเองข้าพเจ้าคงไม่หรอกขอรับมันวุ่นวายเกินไปขอรับ

    หลายคนในเวปนี้ก็ใกล้จะได้รับผลกรรมแล้วนี่ขอรับ...รออีกนิดเดียวหรือบางคนก็กำลังรับผลที่ตัวเองก่อไว้อยู่ก็ไม่รู้นะขอรับ

    ...แล้วเจอกันเมื่อถึงเวลาอันควรนะขอรับ...
     
  5. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    พูดอะไรมากก็ไม่ได้ขอรับเพราะข้าพเจ้าเองไม่ได้มีหน้าที่เตือนคนอื่นขอรับ...สิ่งที่พูดได้บอกได้ก็บอกไปหมดแล้ว...
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    1ae33b4421408a8c0857e08f4b4fa570.jpg
     
  7. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,609
    ค่าพลัง:
    +1,335
    FB_IMG_1557397272300.jpg
     
  8. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,609
    ค่าพลัง:
    +1,335
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    มหาสติ

    ยุคพลังงานเก่าที่กำลังจะผ่านไปนี้ ทุกสังคมย่อย ๆ ของมนุษย์ต่างล้วนล้มเหลวในบทเรียนของการเป็นหนึ่งเดียวกันแทบทั้งสิ้น เหตุแห่งความล้มเหลวมีหลายประการ แต่ทว่าหนึ่งในนั้นเกิดจากมนุษย์แต่ละคนล้วน ขาดสติ จนไม่อาจสร้างสังคมแห่ง "มหาสติ" ร่วมกันได้นั่นเอง

    สภาวะจิตที่มีสติคอยควบคุมดูแลอยู่ ขณะที่มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นนี้ มษย์ควรเรียกว่า

    การปฏิบัติบำเพ็ญ "ธรรมชาติสมาธิ" นั่นเอง

    การดำเนินชีวิตประจำวันด้วย ความมีสติ หรือ การครองสติ เป็นการบำเพ็ญทางจิตในมิติพลังงานด้านของแก่นแท้ไปพร้อม ๆ กันสองมิติ ก็คือ ธรรมชาติสมาธิ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จากสถานการณ์จริงที่ตนได้เผชิญ นั่นเอง

    การปฏิบัติ ธรรมชาติสมาธิ มีสติตื่นรู้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองเช่นนั้นเลย ซึ่งสามารถปฏิบัติได้แม้กำลังสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นก็ตาม มนุษย์ย่อมค้นพบความจริงได้ว่า....

    "การมีสติในตนเองจะช่วยสร้างมหาสติให้เกิดขึ้นในสังคมได้"

    สังคมจะน่าอยู่มากขึ้น ทุกคนจะมีสุขสงบมากขึ้น มีความเป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่นแคว้นมากขึ้น และการสร้างพันธกรรมร่วมกันให้ต้องชดใช้แก้ไขข้ามภพชาติ จนทำลายความเป็นสุญญตาทางจิตวิญญาณให้เสื่อมถอยลงไปพร้อมกันด้วย ดังเช่นยุคพลังงานเก่าที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ก็จะถูกปิดมิติโอกาสลงด้วยเช่นกัน

    ความล้มเหลวของมนุษย์ยุคพลังงานเก่าที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ ทุกสังคมต่างล้มเหลวในความเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ความเป็นหนึ่งเดียวกัน หมายถึง การแสดงออกซึ่งความเป็นพวกเดียวกัน นั่นเอง

    การแสดงออกซึ่งความเป็นพวกเดียวกัน หมายถึง การมีความรักปราถนาดีต่อกัน มีความเอื้ออาทรกัน มีการเสียสละแบ่งปัน มีการแสดงออกซึ่งความเป็นมิตรต่อกัน และต่างกระตือรือร้นที่จะร่วมสังคม ร่วมงานหรือร่วมชีวิตกันอย่างจริงจังและจริงใจอย่างแท้จริงด้วย

    ทุกคนต้องปฏิบัติตนอย่างดีที่สุด 3 ประการ

    1.ต้องไม่กระทำตนเป็นผู้สร้างเงื่อนไขด้านลบแก่ผู้อื่น

    2.ต้องไม่หวั่นไหวไปกับเงื่อนไขด้านลบที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้

    3.ต้องไม่ละเลยการกระทำตนให้เป็นเงื่อนไขด้านบวกต่อกันเสมอ


    การที่มนุษย์จะไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขด้านลบแก่ผู้อื่นได้นั้น มนุษย์ต้องไม่ทำผิดบาปต่อคนอื่นโดยเด็ดขาด ซึ่งการกระทำไม่ผิดบาปต่อผู้อื่นได้ มนุษย์ต้องเข้าถึงพร้อมด้วย ความมีสติ หรือ มีธรรมชาติสมาธิเป็นหลักในการดำเนินชีวิตเท่านั้น

    ถ้ายังดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความประมาท หรือขาดความเข้าใจแท้จริง โดยไม่รู้ว่า ธรรมชาติสมาธิจากความมีสติในตนเองเป็นเช่นไร มนุษย์อย่าหวังเลยว่าจะสร้าง "กฤตสติ" ไว้เป็นอาวุธคู่กายในการประหารกิเลสในชีวิตประจำวัน และใช้คุ้มครองกันสติของตนเองในวันชำระโลกได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    มหาสติ ก็คือ ธรรมชาติสมาธิ...

    ธรรมชาติสมาธิยุคพลังงานใหม่ เป็นการอบรมจิตเพื่อการชำระกิเลสด้วยวิธีธรรมชาติ
    โดยใช้สถานการณ์จริงจากบทเรียนจริงในชีวิต เป็นบทฝึกฝนและทดสอบตนเอง ซึ่งให้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้ทันที ดีกว่าการเปลืองเวลานั่งขัดสมาธิหลับตา ดับกิเลสกันชั่วคราว แต่กลับเอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ หรือใช้ได้เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น

    ถ้ามนุษย์หมั่นฝึกฝนตนเองจนสามารถครองสติ สร้างสมาธิแก่ตนเองได้อย่างสิ้นเชิง ในการสร้างความสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น จนมอบความรักผ่านพฤติกรรมด้านบวกแก่ผู้อื่นโดยไม่เลือกหน้า ไม่ว่าเขาจะกระทำถูกต้องหรือไม่ถูกต้องต่อตนเองก็ตาม เช่น การอดทน อดกลั้น การให้อภัย หรือการมีจิตใจโอบอ้อมเอื้อเฟื้อ
    พร้อมต่อการให้อย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกันกับคุณสมบัติของทุกสรรพสิ่งที่กระทำต่อกันด้วยพลังงานความรัก หรือ พลังงานบวกในสากลจักรวาลแล้ว เท่ากับว่ามนุษย์นั้นเย้าถึงความมีสติสูงสุด เรียกว่า มหาสติ เรียบร้อยสิ้นเชิงแล้วเช่นกัน

    - การรู้เท่าทันเงื่อนไขที่กำลังมากระทบจิตใจได้ล่วงหน้า

    - การรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจแล้วดับมันลงได้ทันทีนั้น

    - การคิดรู้ได้ว่าที่ถูกต้องและควรทำคืออย่างไร?

    - การคิดรู้ได้ว่า ที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควรกระทำคืออย่างไร?

    คุณสมบัติทั้ง 4 ประการที่กล่าวนี้ คือ ความหมายของคำว่า "มหาสติ" ซึ่งรวมไว้ด้วยอำนาจพลังจิตที่เกิดขึ้น 2 ประการ คือ การรู้แจ้ง และ การหยั่งรู้ ผ่านสติปัญญาที่เรียกว่า "ปัญญาญาณ" นั่นเอง เพียงแค่มนุษย์มีสติ มหัศจรรย์แห่งจิตมันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอเอง
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    สมาธิยุคพลังงานเก่า เรียกว่า เทคนิคสมาธิ

    สมาธิยุคพลังงานใหม่ เรียกว่า ธรรมชาติสมาธิ

    มีความแตกต่าง ที่หลาย ๆ คนกำลังสับสนค่ะว่า.....

    ระหว่างการปฏิติสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบจนเกิดปิติสุข กับการชำระจิตใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์มันคนละเรื่องกัน จิตใจมนุษย์จะสะอาดบริสุทธิ์แท้จริงได้ จะต้องปลดเปลื้องกิเลสตัณหาที่จิตมันยึดเกาะเอาไว้ออกให้หมด ด้วยการขัดเกลามันต่างหาก

    การขัดเกลามันออกได้ก็ต้องใช้สติปัญญาในสภาวะสมาธิ เข้าจัดการมันเท่านั้น
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    อีกครั้งค่ะ.....

    มนุษย์จงรู้ว่า ไม่มีใครสามารถตัดกรรม สลัดกรรม หรือทำคุณสมบัติกรรมของตนให้เป็นกลางได้ ไม่ว่าจะมีอำนาจวิเศษปานใดก็ตาม นอกจากกระทำที่จิตสำนึกของตนเท่านั้น

    การล้างกรรม หรือ ระเบิดคุณสมบัติของพลังงานกรรม ที่เป็นอณูหยาบ ๆ แม้ต้องอาศัยพลังอำนาจจิตใต้สำนึกก็จริงอยู่ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการที่จัดวางไว้เท่านั้น (เคยกล่าวไว้แล้วค่ะ)

    พระอริยเจ้าที่เฝ้าวนเวียนปฏิบัติสมาธิ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ทางจิตในแต่ละภพชาติ หากยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือ ทำให้จิตละตัวตนได้หมดสิ้นอย่างถาวร จิตใต้สำนึกก็จะไม่ช่วยเหลือให้เกิดการระเบิดคุณสมบัติกรรมทั้งหมดที่จิตวิญญาณถือเป็นภาระอยู่ในมิตคู่ขนาน ทุกอย่างที่เคยมีอยู่ มันก็จะยังคงอยู่อย่างครบถ้วน เพียงแต่ว่าถ้าหมั่นอยู่ในสมาธิและถือครองมันไว้ พลังงานกรรมที่จะสร้างใหม่อันเกิดจากอารมณ์และจิตสำนึกบกพร่อง มันก็จะไม่เกิดขึ้นมาเท่านั้นเอง

    ยิ่ง... พลังงานกรรมที่มีคุณสมบัติด้านบวก ที่มีมวลหยาบ ๆ อันเกิดจากความอยาก มันก็จะเกิดขึ้นในมิติคู่ขนานเป็นภาระของจิตวิญญาณอยู่ต่อไป จะต้องชำระจิตให้บริสุทธิ์ไร้ความอยากที่ยังเหลืออยู่ให้หมดจดเสียก่อน จึงจะหลุดพ้นได้อย่างแท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    สติปัญญาของจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า "ปัญญาณ" อยู่ตรงไหน? เข้าถึงกันได้อย่างไรนะค่ะ

    มนุษย์ในยุคพลังงานเก่า ที่ปฏิบัติสมาธิสู่ขั้นสูงสุดจนสำเร็จ จะสามารถบอกเล่ามนุษย์ยุคปัจจุบันนี้ได้ว่า....

    ในสภาวะจิตสูงสุดที่เข้าถึงมันได้นั้น มันจะมีอำนาจการสั่นสะเทือนให้เกิดสติปัญญาอีกระบบหนึ่ง ที่ใช้เพื่อการหยั่งรู้ ซึ่งเป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณอันเกิดจากสมองซีกขวานำซีกซ้ายในการคิดรู้ ที่เรียกว่า "ปัญญาญาณ" โดยที่มันสามารถให้คำตอบเพื่อแก้ปัญหาใด ๆ ในชีวิตที่ตนเองยังแก้ไม่ตกคิดไม่ออกบอกไม่ได้มาตลอด ซึ่งมันจะผุดโผล่ขึ้นมาเองทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำไป และยิ่งฝึกฝนตนเองให้เข้าถึงสภาวะสมาธิสูงสุดได้อย่างชำนาญ จิตก็จะเกิดสภาวะการใช้ปัญญาญาณเพื่อการหยั่งรู้ได้เป็นอาจิณ ก็สามารถจะคิดรู้ด้วยการหยั่งรู้เรื่องใด ๆ ก็ได้ในทันทีที่คิด ไม่ว่าจะเรื่องยาก ๆ หรือ ง่าย ๆ ไม่ว่าจะมองเห็น หรือมองไม่เห็น ไม่ว่าจะไกลตัวหรือใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมิตโลก หรือ มิติคู่ขนาน จนกระทั่งเรื่องใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีเป็นความรู้อยู่ในจักรวาลโลก ก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือแปลกประหลาดมหัศจรรย์สำหรับผู้ที่เข้าถึงได้อย่างชำนาญสักนิดเดียว ไม่ว่ามนุษย์คนใด หากปฏิบัติทางเทคนิคได้ถูกต้องตามที่กล่าวนี้ ย่อมกระทำได้ทั้งสิ้น

    ในสังคมมนุษย์ปัจจุบัน หันมาฝึกและสืบทอดปฏิบัติสมาธิจากยุคพลังงานเก่า มีทั้งที่ถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้างเพราะเกิดการคิดปรุงแต่งกันเองบ้าง ซึ่งที่ว่าไม่ถูกต้องหรือที่ตะแบงไปจากเดิม กลับเข้าถึงสภาวะสูงสุดของสมาธิ ในการสร้างปัญญาญาณเพื่อการหยั่งรู้ และการใช้ปัญญาณนำตนเองสู่การหลุดพ้นกันแทบไม่ได้ทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อ่านแล้วครับ
    มีคำถาม..
    จิตจักรวาลกับจิตพุทธะเหมือนกันไหม?..
     
  15. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,870
    องค์จิตจักรวาล.jpg

    องค์จิตจักรวาลทรงเป็นผู้ใด

    1.ทรงเป็นพระผู้อุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เอง ในกาลก่อนที่พระองค์จะทรงอุบัติขึ้นนั้น ภายในจักรวาลซึ่งเป็นสนา... 1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา แห่งศาสนาที่แต่ละคนนับถืออยู่นั้น โดยไม่เชิญชวนให้ท่านเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาด

    2. เราถือว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเราจึงไม่ได้มีความคิดที่จะตั้งศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น

    3. เรา เชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสากล เพราะพระธรรมคำสอนของพระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี มีความรักต่อกัน สอนให้รู้จักใช้เหตุผล สอนให้ไม่โง่และงมงาย และสอนไม่ให้ก้าวล่วงผู้อื่น (มีศีล) เหมือนกันเลย แต่ที่เราต้องเรียนรู้คำสอนรวมกันทั้งสามศาสนา เพราะพวกเราบางคนนับถือคนละศาสนากัน จึงได้นำเอาพระธรรมของแต่ละศาสดามาเติมเต็ม หรือบูรณาการให้เข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง เราจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่พระศาสดาพระองค์นั้นๆ ทรงตรัสไว้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระศาสดาพระองค์นั้นๆเป็นสำคัญด้วย มิได้มีเจตนาจะเอามาต้มยำทำแกง ตะแบงคำ อย่างที่บางคนร้อนตัวร้อนใจแต่อย่างใด และการที่เราไม่คิดบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาแทนคำนั้นๆ ก็เพราะต้องการยืนยันว่า เรามิได้ต้องการสร้างลัทธิใหม่หรือตั้งศาสนาใหม่ หรือต้องการทำลายศาสนาดีๆ ที่มีอยู่อย่างที่บางคนคิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น (เรื่องนี้สมาชิกของเราทุกคน ยืนยันได้ว่าจริงอย่างที่เรากล่าวมาใช่มั้ย?) หากใครจะสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่จริงๆแล้วยังดันไปลอกเลียนคำศัพท์คำสอนของ พระศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น แค่คิดก็น่าอายแล้ว และคงไม่มีใครโง่ไปเชื่อตามแน่ๆ เพราะทุกท่านล้วนมีภูมิปัญญาทั้งนั้น

    4. สิ่ง สุดท้ายที่อยากกราบเรียนท่านผู้เจริญทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ก็คือ พระผู้ทรงเป็นองค์ความรู้ของเรา คือ องค์จิตจักรวาลนั้น พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิไหนศาสนาใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นเพียงองค์ความรู้ของพวกเรา ที่ช่วยเมตตาสื่อสอนให้พวกเราได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และทรงสอนให้พวกเราได้คิด คิดได้ และคิดเป็น เพื่อทำความเข้าใจในข้อธรรมะของพระศาสดาแต่ละพระองค์ให้กระจ่างมากขึ้นแทน ที่จะงมงาย และยึดติดอยู่กับสัญลักษณ์หรือพิธีกรรม โดยที่พระองค์มิใช่ศาสดาใหม่ของโลกที่จะมาทำลายศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สุดแห่งที่สุดอยู่แล้ว

    5. พวกเราทุกคนเชื่อว่า พระศาสดาพระองค์ต่อไปก็คือ
    พระศาสดาศากยมุณีศรีอริยเมตไตรย์ เท่านั้นครับ

    6. พวกเรายินดีต้อนรับศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทุกคน ที่พร้อมจะยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะรับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม เพื่อจะช่วยกันปฏิบัติตามปริศนาธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เราคือโลก โลกคือเรา" อย่างเป็นรูปธรรมกันจริงๆ เสียที แทนที่จะมีดีแต่ที่ปากเท่านั้น

    7. จง อย่าระแวงพวกเราเลยเพราะจะเกิดทุกข์ใจโดยเปล่าดาย ติดตามพฤติกรรมพวกเราไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ท่านจะรู้จักเรามากขึ้น และอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สักวันท่านจะรักพวกเราเหมือนที่เรารักท่านอยู่เช่น กัน


    ที่มา https://zonmentaluniverse.blogspot.com/2015/01/blog-post_22.html

    แล้วแต่ท่านจะพิจารณาเลยนะครับว่าใช่อันเดียวกันใหม
     
  16. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,870
    ของแท้ต้องสั่นสะเทือนความรักในด้านบวกนะครับ
    หากไม่สั่นสะเทือนอันนั้นของก็อป


    17200909_1333083653424123_1776662506831489142_n.jpg
     
  17. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    สรุปเบื้องต้น
    จิตจักรวาล=พระผู้สร้าง?
    จิตพุทธะ=พระผู้รู้?

    ใครใหญ่กว่ากันเอ่ย..?...
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    คงเคยได้ยินคำนี้.....

    "ถ้วนทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ หากเหตุดับทุกสิ่งทุกอย่างย่อมดับตามไปด้วยเสมอ"

    คำกล่าวนี้ แทบไม่มีใครไม่รู้จัก.....

    คำกล่าวสำคัญนี้ใช้ได้กับทุกสรรพสิ่งทั้งที่เป็นปรากฎการณ์ สถานการณ์ เรื่องราว และความมีตัวตนของสรรพสิ่งนั้น ๆ มันเป็นความจริงได้ทั้งในมิติกายภาพอันเป็นด้านมายา และในมิติพลังงานอันเป็นด้านแก่นแท้

    ถ้าคำกล่าวข้างต้น ให้บ่งบอกถึงว่า.....

    อนัตตาเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งที่มีอัตตาตัวตนให้เกิดขึ้น

    หรือ...จะกล่าวให้ชัดเจน ความมีอัตตาตัวตนของสรรพสิ่งใด ๆ นั้นล้วนเกิดจากแก่นแท้ซึ่งเป็นอนัตตาทั้งสิ้น

    หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า...สรรพสิ่งที่มีอัตตาตัวตนหรือเป็นมวลวัตถุหยาบ ๆ ทั้งหลาย ล้วนเป็นมายาของแก่นแท้ ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่เร้นอยู่ข้างในทั้งสิ้น

    เราจะได้เข้าใจคำว่า "สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเกิดจากเหตุ หากเหตุดับทุกสิ่งทุกอย่างย่อมดับไปตามด้วยเสมอ" ว่านี่คือความจริงที่จริงแท้ เพราะ อนัตตาไม่ใช่ตัวตน ทุกสรรพสิ่งที่ย่อมเกิดจากอนัตตาย่อมไม่ใช่ตัวตนเช่นเดียวกัน เมื่ออนัตตาสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดตัวตนขึ้นมา เมื่อหมดเหตุก็ย่อมคืนกลับความไม่ใช่ตัวตนคงเดิม คงจะเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุด ใช่ไหมคะ

    แก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง คือ รูปธรรมทางพลังงาน


    เริ่มแรกเลย คือ "สนามพลังงานที่ละเอียดอ่อนมาก"

    ซึ่งในสนามพลังงานดังกล่าวนี้ไม่มีสรรพสิ่งอื่นใดทั้งที่เป็นวัตถุมวลหยาบในมิตกายภาพ และสรรพสิ่งที่เป็นรูปธรรมในมิติทางพลังงานดำรงอยู่ในนั้นเลย ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยความว่างนั่นเอง แต่จะเป็นสนามพลังงานที่ว่างเปล่าเสียทีเดียวมิได้

    เหตุเพราะว่า...รูปธรรมทางพลังงานคือ พระผู้สร้าง (จิตจักรวาลดวงใหญ่) อุบัติมาด้วยตนเองจากสนามพลังงานสากล (สนามพลังงานที่ละเอียดอ่อนมาก) ที่ว่านี้นี่เอง มันจึงเป็นสนามพลังงานที่ว่างเปล่าไม่ได้แน่

    เพราะ..ถ้าหากสนามพลังงานอันละเอียดอ่อนที่กล่าวถึงอยู่นี้ "ว่างเปล่า" ย่อมต้องไม่มีสรรพสิ่งใด ๆ ทั้งที่เป็นอนัตตา หรือ มีอัตตาตัวตนดำรงอยู่อย่างแน่นอน

    และที่สำคัญ สรรพสิ่งที่เป็นยิ่งกว่า "อนัตตา" หรือ"แก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา" ซึ่งเป็นความมีที่เหมือนไม่มีนี่เอง คือ สรรพสิ่งที่มารวมตัวกัน จนสร้างรูปธรรมทางพลังงานของพระบิดาแห่งเจ้า ให้อุบัติขึ้นมาด้วยตนเอง และการอุบุติขึ้นมาจากแก่นแท้ของความว่าง จึงมีคุณสมบัติเป็น "มหาสุญญตา" ที่เต็มไปด้วยแก่นแท้ของความว่าง หรือแก่นแท้อนัตตาดำรงอยู่และพร้อมจะแสดงพลังอำนาจออกมาให้เห็นได้ทุกเมื่อหากมีการสั่นสะเทือนภายในรูปธรรมเกิดขึ้น และพลังอำนาจที่เกิดขึ้นย่อมสูงส่งลึกซึ้งและเล็กละเอียดยิ่งกว่าอำนาจใด ๆ ของสรรพสิ่งทั้งหลานในเอกภพของเจ้าด้วยซ้ำไป เพราะมันเป็นพลังอำนาจบริสุทธิ์อันเกิดจากแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาซึ่งยังคงบริสุทธิ์อยู่นั่นเอง นี้คือ คุณสมบัติของ "มาหาสุญญตา" ค่ะ

    ให้ลองนึกถึงการคนแก้วกาแฟ.....

    ในสนามพลังงานสากลที่เป็นสถานที่ก่อนพระบิดาจะอุบัติขึ้น มันจะมีแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาซึ่งมีความเล็กละเอียดอย่างยิ่งยวดดำรงอยู่ทั่วไปหมด ไม่ต่างไปจากมวลหยาบ ๆ ที่เล็กละเอียดของเม็ดทรายที่แขวนลอยอยู่กับโมเลกุลของน้ำในแก้วของเจ้าหรือฝุ่นผงที่ลอยอยู่ในอากาศนั่นเอง เพียงแต่ว่าขอบเขตของสนามพลังงานสากลมันกว้างไพศาลเสียจนบิดาเองมิอาจจะไปให้ถึงที่สุดของมันได้ ทั้ง ๆ ที่มันมีขอบเขตของมันอยู่

    สนามพลังงานสากลที่ว่านี้ จะมีคลื่นความถี่อันเกิดจากอนุภาคของคลื่นที่เล็กละเอียดยิ่งกว่าคลื่นความถี่ทางพลังงานใด ๆ ในเอกภพอยู่มากมายนับไม่ถ้วนโดยต่างลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่และเคลื่นไหลตาม ๆ กันไปในทิศทางเดียวกันโดยพากันหมุนวนเข้าหาจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานสากลอันไพศาลนี้เรื่อยไป นานเท่าใดมิอาจรู้ได้

    ผลลัพธ์จากการหมุนวนของคลื่นพลังงานเข้าหาจุดศูนย์กลาง มันต่างก็ได้นำพาเอา แก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา ที่ติดไปกับคลื่นความถี่ต่าง ๆ ซึ่งทะยอยนำไปรวมตัวกันอยู่ตรงจุดศูนย์กลางในการหมุนวนของสนามพลังงานสากลดังกล่าวนี้ ในลักษณะการสั่งสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายการตกผลึกหรือตกตะกอนนั่นเอง

    จนเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เกิดความลงตัวกันอย่างเหมาะสมของแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว การสร้างความมีอัตตาตัวตนเกิดเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุลก็อุบัติขึ้นมาได้ในที่สุด ซึ่งก็คือ รูปธรรมทางพลังงานซึ่งเป็นแก่นแท้อนัตตาที่เรียกว่า "มหาสุญญตา" ที่มีความสมดุลทางพลังงานการหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องที่หมุนเร็วจนเหมือนไม่หมุน นั่นเอง นั่นคือ "จิตจักรวาลดวงใหญ่" ที่เรียกว่า พระบิดาหรือ พระผู้สร้าง

    สนามพลังงานสากล สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาซึ่งมีความเล็กละเอียดอย่างยิ่งยวด นั่นคือ คลื่นความถี่อิสระ หรือ อณู ที่ใครหลาย ๆ คนได้กล่าวไว้ว่า ธรรมะของเรา คือ "อณู" นั่นเองค่ะ

    และทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุ หากเหตุดับทุกสรรพสิ่งย่อมดับตามไปด้วยเสมอ ก็ด้วยเหตุประการฉะนี้ คือ อนัตตาที่ไม่ใช่ ตัวตนล้วนเป็นผู้สร้างตัวตนให้มีอัตตาขึ้นและก็ดำรงอยู่ภายในอัตตาตัวตนอีกที

    หรือ อาจกล่าวได้ว่า อนัตตา เป็นผู้สร้างอัตตา ให้เกิดมีขึ้นมาค่ะ และดำรงความเป็นอนัตตาที่เป็นแก่นแท้เอาไว้ค่ะ

    จิตจักรวาลดวงใหญ่ ก็คือ แก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา ที่มีคุณสมบัติเป็นมหาสุญญตา

    ส่วน พระพุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หรือ ผู้หลุดพ้นไปจากทุกข์ในโลกทั้งปวง มีความเป็นอนัตตา หรือ คุณสมบัติสุญญตา ที่เรียกว่า จิตจักรวาล นั่นเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2019
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อ่านแล้วครับ
    มีคำถาม
    พระบิดาพระผู้สร้างกับพระอนุตตรธรรมมารดา
    ใครใหญ่กว่ากัน?..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2019
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ไปค้นมาค่ะ....ว่าอนุตรธรรมมารดาคือใคร?

    https://palungjit.org/threads/องค์อนุตตรธรรมมารดา-มีพระโอวาทมาเตือนชาวโลก.2872/

    นี้เป็นคำเตือนเรื่องภัยพิบัติ....

    แปลกใจไหมคะ....ว่าทำไม? คำเตือนภัยพิบัติ จึงออกมาเป็นช่วงระยะ ๆ และ คำเตือน จะไปในแนวทางเดียวกัน แต่ต่างกันแค่ช่วงระยะเวลา และบุคคลที้มาเตือน ส่วนเรื่องที่มาตักเตือนมนุษย์โลก แทบไม่แตกต่าง...มีรายละเอียดที่คล้ายคลึงกัน คือ เกิดภัยพิบัติเพราะจิตใจมนุษย์เป็นสำคัญ

    "ปริศนานกยาง" ขององค์อินทร์เทวา เมื่อ ประมาณ 500 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นการให้มนุษย์แก้ปริศนาล่วงหน้า ถ้าใครแก้ได้ ก็คือ เรื่องราวที่ไปในแนวทางเดียวกัน แม้แต่พุทธทำนาย หรือ คำรับสาสน์ต่างๆ จาก คนทั่วมุมโลก ในยุคนี้นะค่ะ บุคคลเหล่านี้อยู่ไกลกัน ไม่รู้จักกัน และที่สำคัญ ก็ต่างชั่วระยะเวลาต่างกันเป็นร้อยปี แต่สิ่งที่พูดก็กลับเป็นเรื่องราวเดียวกัน สอดคล้องกัน ไปในทำนองเหมือนเหมือนกันแทบทั้งสิ้น

    และ...เราเคยสงสัยไหม!คะว่า...แท้ที่จริงแล้ว พระยาธรรมิกราช คือใคร? ที่เป็นผู้ปรารถนาอยากให้ทุกสรรพจิตวิญญาณ คืนกลับสู่ที่เดิม หรือ นิพพาน มากที่สุด

    สังคมมนุษย์โลกในขณะนี เป็นสังคมที่กำลังอยู่ในยุคสุดท้ายคล้ายยุคแอตแลนติคตอนปลายไม่มีผิด ผู้คนดำเนินชีวิตกันอยู่อย่างสับสน มีจิตสำนึกบกพร่อง ประชากรโลกขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน คนส่วนใหญ่มีความมืดบอกทางปัญญา แย่งชิงกันสร้างขยะเทคโนโลยี แย่งชิงอำนาจกันอย่าวก้วร้าว มีการทำลายชีวิตเพื่อชีวิต ทำลายอำนาจเพื่ออำนาจ ลุ่มหลงมัวเมาในวัตถุ ขณะที่จิตสำนึกตกต่ำลงทุกวัน

    ที่ผ่านมาแก่นแท้สัจธรรม ในต่างยุคต่างสมัย ผ่านศาสดาของแต่ละศาสนา ในการเข้ามาเติมเต็มจิตสำนึกมนุษย์ ในเรื่องความทีดเทียมกัน ความเสมอภาคกัน และความเป็นหนึ่งเดียวกันไปเสียจนหมดสิ้น

    รหัสลับจากพุทธทำนาย โดยความพระเมตตาแห่งจิตจักรวาลดวงใหญ่ เพื่อเป็นความรู้ใหม่แก่มวลมนุษย์ที่จะกำลังจะก้าวสู่ยุคพลังงานใหม่ ได้เกิดสติปัญญาทางวิญญาณกันอีกครั้ง ก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่าเพื่อเปิดโอกาสมนุษย์ได้เปลี่ยนจิตสำนึกที่ผิดพลาดของตนเสียใหม่ ก่อนมหันตภัยธรรมชาติจากการชำระระบบโลกของจักรวาลขั้นตอนสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้น

    ในนามของจิตจักรวาล ผู้ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากต่างมิติมาให้ ต้องการเผยแพร่ความรู้ใหม่ได้เติมเต็มบางสิ่งที่มนุษย์ไม่ล่วงรู้เท่านั้น จักรวาลยึดถือความเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ และยืนยันว่าทุกศาสนาในโลกนี้ไม่ใช่ลัทธิ เพราะมีแก่นแท้เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ต้องการยกระดับสติทางวิญญาณมนุษย์

    แท้ที่จริงแล้วหากมนุษย์สามารถยกระดับสติปัญญาให้สูงส่งจนถึงขั้นใช้ปัญญาญาณแทนการคิดแบบจิตมนุษย์ได้ คือ สามารถ"หยั่งรู้" ด้วยตนเองได้แล้ว จะสามารถล่วงรู้ข้อมูลทั้งหมดที่พระบิดาถ่ายทอดมาให้

    มนุษย์ทั้งหลาย ความจริงแล้วความลับเบื้องหลังมิติโลก และเรื่องราวเกี่ยวกับพระบิดา เรื่องราวเกี่ยวกับกาแล๊กซี่และระบบสุริยะจักรวาล ไม่อาจเฉลยความจริงซึ่งเป็นความลับเบื้องหลังมิติโลกได้ ถ้าหากยังไม่ถึงกำหนดเวลาแห่งกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าของดาวเคราะห์โลก มิอาจเปิดเผยใด ๆ ได้

    เหตุเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่จะต้องเข้าให้ถึงปัญญาญาณหยั่งรู้ของตนเอง หรือ เป็นสิ่งที่ต้องไขว่คว้าหาเอาด้วยตนเองในวันนี้วันหน้าหรือวันต่อไปมิเหมาะสมกว่าหรือ?

    คำตอบคือ เป็นเพราะหตุว่า เวลาและโอกาสสำหรับเจ้ามันสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าไม่มีเวลาเป็นคุณสมบัติของตนเองอีกต่อไปแล้ว เพราะมันถึงกำหนดแห่งกาลสิ้นยุคของเจ้าแล้ว นั่นเอง คำเฉลยนี้จึงจำต้องเกิดขึ้น ไม่ต่างจากการที่เวลาในการทำข้อสอบของนักเรียนสิ้นสุดลงแล้ว คำเฉลยทั้งหลายย่อมนำมาเปิดเผย ให้นักเรียนรูว่า คำตอบที่ถูกต้องคืออะไร? มีความรู้ใหม่ใดบ้างที่นักเรียนต้องรู้ เป็นต้น

    วันสิ้นสุดแห่งยุคพลังงานเก่าและวันเริ่มต้นของยุคพลังงานใหม่นั้น มนุษย์โลกผู้มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้จากยุคพลังงานเก่าที่ผ่านการขำระจิตสำนึกให้ใสพิสุทธิ์กรณีชำระโลกมาแล้ว และจิตวิญญาณผู้มาเกิดในยุคพลังงานใหม่ จะนำธรรมะแสงสว่างที่ส่องลงมายังโลกอีกครา ไปสู่แสงสว่างของขีวิตและจิตวิญญาณ

    หน้าที่หลักของทุกคนในยุคพลังงานใหม่นี้ มิมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากยุคพลังงานเก่าเลย คือ เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกของตนให้จงได้ และหากว่าจะทำหน้าที่ได้อย่างประสิทธิภาพแท้จริงแล้ว มนุษย์ทั้งหลายจะต้องเรียนรู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในสังคมโลกของเจ้าให้จงได้ นั่นยอมหมายความว่า มนุษย์ยุคพลังงานใหม่ทุกคน จะต้องตอบคำถามตนเองให้ได้ว่า...

    1.จะสร้างความสงบสุขในจิตใจตนเองในทุกขณะจิตได้อย่างไร?

    2.จะต้องสำรวมกายใจอย่างไรจึงไม่เป็นเงื่อนไขทำลายความสงบสุขของผู้อื่น?

    3.จะต้องแสดงออกอย่างไรจึงจะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้อื่นได้ทุกเมื่อ?

    4.จะต้องคิดและตัดสินใจอย่างไร จึงจะได้ผลึกแห่งการคิดนึกเป็นคำตอบที่ถูกต้องเหมาะสมและดีงามเสมอ


    คำถามที่จะนำไปสู่คำตอบดี ๆ ทั้ง 4 ประการข้างต้นนี้ คือ ลมหายใจของมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ ที่ทุกคนจะต้องฝึกฝนตนเองให้เกิดทักษะความชำนาญในการคิดค้นหาคำตอบให้ได้ แล้วนำคำตอบทั้งหลายเหล่านั้นมาแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ

    คำตอบ 4 ประการจากคำถามเหล่านี้ก็คือ

    1.ความสงบสุข
    2.ความสำรวม
    3.ความรัก
    4.ปัญญาญาณ


    ในชีวิตจริง การจะเข้าถึงคำตอบทั้ง 4 ประการได้ มันมิใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้อย่างง่ายดายนัก เนื่องจากมีอุปสรรคอยู่มากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยอุปสรรคเหล่านี้มาจากตนเองและผู้อื่นอีกต่างหากด้วย

    อุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตจึงเป็นบททดสอบตนเองดีที่สุดของมนุษย์เพื่อที่จะได้รู้ว่าตนเองนั้น มีศักยภาพและพลังอำนาจในตนเองสูงส่งระดับใด

    ทั้งยังจะสามารถเรียนรู้บทเรียนแปลก ๆใหม่ ๆ ในชีวิตจากบทสรุปสุดท้ายของแต่ละบททดสอบที่ค่อย ๆ ฟันฝ่าผ่านพ้นไปได้อย่างลำบากยากเย็นอีกเช่นกัน

    แน่นอนมันคือการต่อสู้ที่จะได้มาซึ่งคำตอบทั้งสี่ประการดังกล่าวข้างต้นนั้น

    ถูกต้องแล้ว! มนุษย์ทุกคนล้วนเป็น "นักสู้เพื่อการรู้แจ้งทั้งสิ้น"

    รู้หรือยังคะว่าใครคือ..พระยาธรรมิกราชา ราชาแห่งธรรม ยิ่งใหญ่เหนือกว่าธรรมใดทั้งปวง
     

แชร์หน้านี้

Loading...